เปิดถ้ำด้วยท่องเมตตา วิกฤตพระพุทธศาสนา
ถ้าท่องเมตตามีผลป้องกันอันตรายจริงก็คงไม่เกิดความสูญเสีย
ทุกคนไม่พ้นจากกรรมและผลของกรรมของตนเอง ขอแสดงความเสียใจและเชิดชูคุณในคุณความดีที่ปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลืออย่างถูกต้องจนวาระสุดท้ายของชีวิต
มิตร คือ ผู้ที่หวังดี ไม่ใช่ศัตรู ไม่ใช่คนที่หวังร้าย แต่ว่ามีความหวังดีที่จะช่วยเหลือ ทำประโยชน์เกื้อกูลพร้อมที่จะช่วยเหลือ นั่นคือมิตร อย่างเด็กที่ติดอยู่ในถ้ำ ทุกคนมีเมตตาโดยไม่ต้องไปนั่งท่องเลย พฤติกรรมทั้งหลายที่เราเห็น เป็นความหวังดีของแต่ละคนใกล้หรือไกลทั้งหมด, เมตตาจริงๆ กับท่องเมตตาเหมือนกันหรือเปล่า ลองคิดดู มีคนหนึ่งอยากมีเมตตามากเลย อยู่ในห้องมืดๆ วันหนึ่งนั่งท่องเมตตาตั้งนาน พอออกมาก็โกรธ แล้วอย่างไร ท่องทำไม? แต่ถ้ามีเมตตา แม้ไม่ต้องเรียกชื่อเลย อย่างชาวบ้านที่ปรุงอาหารให้คนที่เข้าไปช่วยเด็กที่ติดอยู่ในถ้ำ นั่นแหละเมตตาจริงๆ เป็นมิตรจริงๆ หวังดีจริงๆ ทำแล้วด้วย ด้วยใจ ไม่ต้องนั่งท่องเลย
สาระจากการสนทนาธรรม กับ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ อ้างอิงจาก กระทู้ พระธรรม เริ่มถูกเปิดเผยที่จังหวัดพิจิตร ลิ้งนี้
พระธรรม เริ่มถูกเปิดเผยที่จังหวัดพิจิตร
ความเข้าใจเรื่องเมตตาและแผ่เมตตา
เมตตา คือ ความเป็นมิตร เป็นเพื่อน การท่องคำแผ่เมตตาว่า สัพเพสัตตา เป็นต้นนั้น เรียกว่า ท่องคำแผ่เมตตาไม่ใช่แผ่เมตตา และยังแผ่ไม่ได้ การแผ่เมตตาในสมัยครั้งพุทธกาล คือ ผู้ที่มีปัญญาอบรมเจริญเมตตาจนมีกำลังมาก ไม่มีประมาณ จิตสงบ ระดับฌานจิต แล้วแผ่ความปรารถนาดี ความหวังดีไปยังสรรพสัตว์ทุกหมู่เหล่า ทุกทิศ ไม่มียกเว้นสัตว์ประเภทใดเลย
ผู้ที่ยังทำพิธีกรรม ท่องเมตตา เพื่อเปิดถ้ำ แต่เชื่อในเจ้าแม่นางนอน ไม่เชื่อหลักกรรมและผลของกรรม ไม่มีทางที่จะได้ฌาน มีฤทธิ์เพราะเข้าใจผิดในพระพุทธศาสนาตั้งแต่ต้น เพราะไม่ได้ศึกษาพระธรรมคำสอนตามที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง
การให้กำลังใจของพระพุทธเจ้าและพระอริยสาวกในอดีตกาลที่ถูกต้อง ในเพศพระภิกษุ ท่านแสดงธรรมให้ประชาชนเข้าใจเกิดปัญญาของตนเอง เมื่อปัญญาเกิด กำลังใจของชาวบ้าน หรือ เจ้าหน้าที่ ย่อมเกิดว่าทุกอย่างย่อมเป็นไปตามกรรมและผลของกรรม นั่นคือ กำลังใจคือปัญญานั่นแหละคือกำลังใจที่ดีที่สุด จึงปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุดด้วยการช่วยเหลือสุดความสามารถ แต่ไม่มีอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยกระทำด้วยการท่องเมตตา เพื่อเปิดถ้ำ แต่ตนเองไม่ได้ฌาน เพราะ ตนเองไม่เข้าใจหลักธรรม กระทำสิ่งที่ขัดกับกรรมและผลของกรรม เชื่อผิดๆ ว่าจะมีอำนาจกระะทำสิ่งนั้นได้
ดังนั้น ที่กล่าวว่าก็เป็นการช่วยกันทุกฝ่าย แม้คฤหัสถ์และพระภิกษุ การช่วยเหลือในทางที่ถูกเป็นการช่วย แต่ การช่วยด้วยกระทำที่ตรงข้ามคำสอนเป็นการทำลายพระพุทธศาสนา เพราะทำให้ชาวพุทธที่ไม่ศึกษาเข้าใจผิด และไม่ใช่การช่วยเป็นการทำลาย
พระพุทธศาสนา เป็นสัจจะความจริงหนึ่งเดียว ไม่มีแยกว่าถ้านิกายนี้ ทำอย่างนี้ไม่เป็นไร สิ่งใดก็ตาม ทำขัดหลักกรรมและผลของกรรม เชื่ออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ภูตผีปีศาจ ท่องแผ่เมตตาให้เจ้าแม่นางนอนปล่อยเด็ก เหล่านี้ ขัดกับคำสอนพระพุทธเจ้า ไม่ว่านิกายใด เมื่อกระทำสิ่งเหล่านี้ย่อมเป็นอกุศลความเห็นผิด และ ช่วยกันทำลายพระพุทธศาสนา ทำลายหลักคำสอน เพราะให้ประชาชนที่ไม่ได้ศึกษาธรรมเชื่อในอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ ในพิธีกรรม การกระทำที่ผิด
ดังนั้นพระภิกษุที่ประพฤติตามพระธรรรมวินัย จึงควรแสดงคำสอนของพระพุทธเจ้า และ การกระทำนั้นก็ต้องสอดคล้องตามคำพระพุทธเจ้า และ พระภิกษุผู้ได้บรรลุธรรมในอดีตกาลย่อมมีความขวนขวายน้อยคือไม่ประกาศคุณของตนเองว่าได้บรรลุ แต่ประกาศตนว่าตนเองจะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต ต่อจากพระศรีอริยเมตไตรย ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้รับการพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าองค์ใดเลย ย่อมไม่ชื่อว่าเป็นการขวนขวายน้อย ตามเพศพระภิกษุที่ดีในพระธรรมวินัย
คำว่า ศรัทธา ในพระพุทธศาสนา จึงไม่ใช่ความเลื่อมใสใครแล้วจะบอกว่าเป็นศรัทธา เพราะหากได้ศึกษาพระธรรม ศรัทธา คือ ความเลื่อมใส ความเชื่อในสิ่งที่ถูกต้องเป็นความดีงาม เชื่อในกรรมและผลของกรรม เป็นศรัทธา เชื่อในพระปัญญาตรัสรู้ เป็นศรัทธา แต่เชื่อในการท่องเมตตาแล้วเจ้าแม่นางนอนจะปล่อยเด็ก ทำให้เด็กปลอดภัย ไม่ใช่ศรัทธา แต่เป็นความเชื่อในสิ่งที่ผิดเป็นอกุศล ทางธรรม เรียกว่า มิจฉาทิฏฐิ เพราะขัดกับหลักกรรมและผลของกรรม
วิกฤตพระพุทธศาสนาจึงเกิดขึ้นในปัจจุบัน เพราะชาวพุทธไม่ถือคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นสำคัญ แต่ยึดถือความคิดของตนเองและภิกษุที่ตนเองนับถือ ไม่ตรวจสอบกับพระธรรมว่าถูกต้องหรือไม่ แม้จะกล่าวว่าเป็นชาวพุทธ กล่าวว่า ธัมมังสะระณังคัจฉามิ ขอมีพระธรรมเป็นที่พึ่ง แต่ ไม่ยึดพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงก็ไม่ชือ่ว่าชาวพุทธ จึงเชื่อการกระทำของภิกษุที่ประพฤติตรงข้ามคำสอน นี่ก็เป็นวิกฤตหนึ่งของพระพุทธศาสนา ควรที่ชาวพุทธจะมีเหตุผลและสนใจพระธรรม ศึกษาพระธรรมมากขึ้น เพราะวิกฤตพระพุทธศาสนามาจากความไม่รู้ ไม่เข้าใจคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นสำคัญ
การกล่าวคำจริงเพื่อแก้สิ่งที่ผิด ไม่ใช่การลบหลู่ แต่เป็นการช่วยจรรโลงพระพุทธศาสนา เพราะทำให้บุคคลที่สะสมปัญญา หรือ เข้าใจผิดได้เข้าใจถูกขึ้น และให้ภิกษุที่กระทำผิดเกิดความสำนึกและเข้าใจพระธรรม ศึกษาคำสอนตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผมก็มีความคิดเห็น เรื่องที่ไปท่องแผ่เมตตา เปิดถ้ำ ว่าเป็นสิ่งที่ภิกษุไม่ควรทำ ผมก็ได้แต่พูดคุยกับคนที่ใกล้ชิดเท่านั้น กับคนอื่น ผมก็ไม่กล้าพูด เพราะไปเจอข่าวจากการสัมภาษณ์เรื่องนี้พอดี มีพระรูปหนึ่ง ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของภิกษุรูปนั้น โดนประชาชนโจมตีแบบไม่มีชิ้นดีเลย แล้วพอดี ผมก็ไปพูดถึงเรื่องนี้กับพ่อของผมว่า พระภิกษุที่ท่องแผ่เมตตา หรือมีคนไปบนบานต่างๆ เป็นความเห็นผิด พ่อผมก็เลยว่า อย่าไปว่าเขาเลย มันนานาจิตตัง มันเป็นความเชื่อ ความศรัทธาของเขา ผมก็อธิบายเพิ่มเติมไป ความศรัทธานั้นมันต้องมีเหตุมีผล ไม่ใช่เชื่อหรือศรัทธาตามๆ กันมา ก็โต้วาทีกันอยู่พักหนึ่ง พ่อแสดงท่าทีเหมือนไม่พอใจผม และยังพูดอีกว่า อย่าไปเชื่อพระพุทธเจ้าให้มากเลย ผมก็ต้องอธิบายเพิ่มเติมไปอีก เหมือนจะทะเลาะกัน แต่เนื่องจากผมได้ศึกษาธรรม สนทนาธรรมกับทาง มศพ.ทำให้สติปัญญาของผมทำหน้าที่ต่อไปว่า ผมจะต้องทำให้พ่อของผมเข้าใจถูกให้ได้ แล้วก็อธิบายต่อไปสักพักหนึ่ง แล้วก็ฝากคำพูดทิ้งท้ายให้พ่อไปคิดว่า "ถ้าการขอหรือการทำอะไรต่างๆ จากที่ตัวเองคิดว่าสิ่งนั้น หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะให้ได้ดังหวัง ในโลกนี้ก็คงไม่มีคนมีความทุกข์หรอกพ่อ" ก็ทำให้ท่านเย็นลง แล้วค่อยๆ พิจารณา แล้วท่านก็พูดว่า เออจริง การกระทำเช่นนี้ คงยากที่แก้ได้ และคงต้องเป็นแบบนี้ไปตลอดกาลนาน
ชาวพุทธควรมีเหตุผลและสนใจพระธรรม ศึกษาพระธรรมมากขึ้น เพราะว่าพระพุทธศาสนาวิกฤตมาจากเหตุที่ชาวพุทธไม่รู้และไม่เข้าใจคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ
มีเพื่อนเรียนด้วยกันคนหนึ่งโพสต์ข้อความโจมตีท่านอาจารย์สุจินต์ที่ท่านแสดงความไม่เห็นด้วยที่มีพระไปสวดเมตตาหน้าถ้ำ มาให้ดืฉันทางแมสเสจ ดิฉันก็เลยตอบกลับไปว่าท่านอาจารย์อ้างพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่มีในพระไตรปิฎก เขาต้องไตร่ตรองให้ดี
แต่เป็นที่น่าเศร้าใจว่าคนไทยมากเหลือเกินที่ไม่ต้องการแม้จะอยากทราบอยากศึกษาหลักพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า และพากันบ้าเรื่องอิทธิปาฏิหาริย์แบบงมงาย
กราบท่านอาจารย์ด้วยเกล้าที่ท่านเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่อาจหาญด้วยธรรมะจริงๆ กราบอนุโมทนา