การทำสมาธิในสำนักปฏิบัติธรรม
เรียน ท่านวิทยากร
ปัจจุบันมีสำนักปฏิบัติธรรมมากมายในปะเทศไทย การที่มีคนไปปฏิบัติสมาธิหรือไปเจริญสมถภาวนา ผมมองว่าถ้าเป็นสัมมาสมาธิก็เป็นเรื่องดี หรือบางคนจะเจริญวิปัสสนาก็ได้นี่ครับ เพราะสภาพธรรมเกิดได้ทุกที่ อยู่ที่ไหนก็เกิดได้ ทุกอย่างเป็นธัมมะ ผมว่าผู้ที่ไปอย่างนั้นต้องสะสมเหตุปัจจัยไว้ทำให้ในชาตินี้ต้องไปสำนักปฏิบัติธรรม ต่อเมื่อได้เหตุปัจจัยใหม่จึงเปลี่ยนที่ใหม่ อย่างผมเมื่อก่อนก็เคยไป แต่ไม่ชอบเพราะทรมานนั่งนานมากรู้สึกว่าไม่ค่อยชอบก็เลยถอย แล้วก็ได้มาฟังธรรมจากท่านอ.สุจินต์และท่านอื่นๆ ก็เลยเลิกไปเลย
ขอเรียนถามว่าผู้ไปสำนักปฏิบัติธรรมต้องมีเหตุปัจจัยหรือไม่
ขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ก็เพราะยึดถือด้วยความเห็นผิด ไม่เข้าใจว่าธรรมเกิดได้ทุกที่ การรู้ธรรมเป็นอนัตตา บังคับไม่ได้ แต่ยึดถือว่าทำได้ จึงไปทำวิปัสสนาและสำคัญว่าปัญญาจะเกิดได้ ต้องอยู่ในสถานที่ที่ดี และ ต้องทำวิปัสสนาด้วยความเป็นเรา เมื่อเริ่มต้นผิด ด้วยความเห็นผิด เหตุเหล่านั้นจะทำให้เกิดความเห็นถูกเป็นไปไม่ได้ ปัญญาจึงไม่ได้เกิดจากความเห็นผิดเป็นเหตุ และ ปัญญาก็ไม่ได้เกิดจากความเห็นผิด ที่เริ่มด้วยการไปสำนักปฏิบัติ ส่วนผู้ที่เคยไปสำนักปฏิบัติแล้วกลับมาเห็นถูกได้ ไม่ใช่เพราะการไปสำนักปฏิบัติเป็นเหตุ แต่เพราะสะสมบุญมาแล้วในชาติก่อนๆ ที่สะสมปัญญาความเห็นถูก ไม่ใช่สะสมการไปสำนักปฏิบัติเป็นเหตุ ดังนั้นเหตุต้องตรงกับผลเสมอ และการเข้าใจผิดเป็นเบื้องต้นที่ไปสำนักปฏิบัติ การไปทำสมาธินั้นจะเป็นสัมมาสมาธิไม่ได้เลย เพราะความเห็นผิดไม่ใช่เหตุให้เกิดสัมมาสมาธิ แต่เป็นเหตุให้เกิดมิจฉาสมาธิ เพราะฉะนั้น สำนักปฏิบัติทั้งหลายจึงทำลายพระพุทธศาสนาและผู้ที่เข้าใจธรรมถูกต้องจริงๆ ในหนทางที่ถูก ย่อมไม่สำคัญว่าสำนักปฏิบัติเป็นสิ่งที่ดี ถูกต้องและเกิดสัมมาสมาธิ ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
จุดประสงค์ของการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ก็เพื่อเข้าใจพระธรรมตามความเป็นจริง ดังนั้น เมื่อได้ยินได้ฟังคำอะไร ก็ควรที่จะได้พิจารณาว่า สิ่งนั้นคืออะไร และประการที่สำคัญ พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงทุกคำทุกพยัญชนะ เพื่อให้เข้าใจความจริง แม้แต่คำว่าสมาธิ ก็เช่นเดียวกัน
สมาธิ เป็นสภาพธรรมที่มีจริง ว่าโดยสภาพธรรมแล้วเป็นเจตสิกประการหนึ่งที่ตั้งมั่นในอารมณ์หนึ่งอารมณ์ใด อารมณ์คือสิ่งที่จิตรู้ เมื่อจิตเกิดขึ้นต้องรู้อารมณ์และก็จะต้องมีสมาธิซึ่งเป็นเอกัคคตาเจตสิกเกิดร่วมกับจิตทุกครั้งทุกขณะ ไม่เว้นเลย ตั้งมั่นในอารมณ์ที่จิตกำลังรู้ ดังนั้น ไม่ว่าจะนั่ง จะยืน จะนอน จะเดิน จึงไม่ปราศจากสมาธิเลย เพราะเกิดกับจิตทุกขณะ และที่ควรพิจารณาคือ สมาธิหรือเอกัคคตาเจตสิก เกิดกับอกุศลก็เป็นอกุศลสมาธิ ไม่ควรเจริญไม่ควรประกอบ เพราะไม่เป็นไปเพื่ความเจริญขึ้นของกุศลธรรม มีปัญญาเป็นต้น มีแต่จะเพิ่มพูนความไม่รู้และอกุศลธรรมอื่นๆ ต่อไป
สมาธิที่ควรอบรม คือ สัมมาสมาธิ ซึ่งเป็นไปพร้อมกับการอบรมเจริญปัญญา (ภาวนา) ในชีวิตประจำวัน ภาวนาไม่ใช่การท่องบ่น แต่เป็นการอบรมเจริญปัญญา จากที่ยังไม่มีก็มีขึ้น เมื่อมีแล้วก็อบรมเจริญให้มีมากยิ่งขึ้นต่อไป ซึ่งจะต้องตั้งต้นที่การฟังพระธรรม ฟังในสิ่งที่มีจริงบ่อยๆ เนืองๆ
อีกคำหนึ่งที่ควรจะได้พิจารณา คือคำว่า ปฏิบัติธรรม ไม่ใช่การไปทำ เพราะเหตุว่า ปฏิบัติธรรม ไม่ใช่การไปทำอะไรที่ผิดปกติขึ้นมาด้วยความเป็นตัวตนหรือความติดข้องต้องการ แต่ธรรมเกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ของธรรม นั่นก็คือ สติและสัมปชัญญะ (ปัญญา) เกิดขึ้นระลึกรู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนี้ ตามความเป็นจริง ซึ่งจะต้องอาศัยการฟัง การศึกษาพระธรรมสะสมความเข้าใจในเรื่องของสภาพธรรมไปตามลำดับ เพราะเหตุว่าถ้าไม่มีความเข้าใจที่ถูกต้องแล้ว การปฏิบัติถูกต้อง ย่อมมีไม่ได้อย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นความเข้าใจถูก เห็นถูก จึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
พระพุทธศาสนา เป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องฟัง ต้องศึกษาด้วยความละเอียดรอบคอบจึงจะเข้าใจ และที่สำคัญ พระธรรมทั้งหมดเป็นไปเพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูก ซึ่งจะต้องค่อยๆ สะสมความเข้าใจไปตามลำดับ ที่สำคัญคือจะขาดการฟังพระธรรม ไม่ได้เลยทีเดียว ครับ
ขอเชิญศึกษาเพิ่มเติมได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ ครับ
สำนักปฏิบัติธรรม ไม่มีในคำสอนทางพระพุทธศาสนา
...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อบรมปัญญาให้เข้าใจความจริง จะเป็นประโยชน์ทั้งชาตินี้ และชาติต่อๆ ไป กุศลที่ทำได้เสมอๆ คือ การฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มีคุณค่ามหาศาลสำหรับชีวิตที่ต้องเดินทางต่อไป อีกแสนไกล และกันดาร
ขอเชิญศึกษาพระธรรม...
รวมลิงก์เมนูต่างๆ ในเว็บไซต์