วันเพ็ญเดือนสิบสอง น้อมบูชาพระรัตนตรัย
วันลอยกระทง ตรงกับวันเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำเดือน 12 ซึ่งในวันนี้มีเหตุการณ์สำคัญในอดีตที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาดังนี้
วันเพ็ญเดือน ๑๒ (ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒) เป็นวันปรินิพพานของพระสารีบุตรเถระพระอัครสาวกเบื้องขวาผู้เลิศด้วยปัญญา พระอัครสาวกทั้งสอง (ท่านพระสารีบุตรเถระ,พระมหาโมคคัลลานะ) ย่อมปรินิพพานก่อนพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้ากล่าวคือท่านพระสารีบุตร ปรินิพพาน ในวันเพ็ญเดือน ๑๒ ต่อจากนั้นอีก ๖ เดือนพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงได้เสด็จดับขันธปรินิพพาน (และ ท่านพระสารีบุตรปรินิพพานก่อนท่านพระมหาโมคคัลลานะ ๑๕ วัน) ดังนั้น เมื่อถึงวันเพ็ญเดือน ๑๒ แทนที่จะนึกถึง คิดถึงอย่างอื่น ก็ควรที่จะได้น้อมระลึกถึงพระรัตนตรัย พร้อมทั้งน้อมระลึกถึงพระคุณของท่านพระสารีบุตร ที่ท่านได้กระทำไว้ต่อพุทธบริษัท และ น้อมใจไปที่จะรักษาประเพณีที่ถูกต้องในสมัยพุทธกาลทำกัน คือ การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม
ถ้าในวันเพ็ญเดือนสิบสองที่จะขอขมาพระแม่คงคา ตามความเชื่อ ก็ควรที่จะขอขมาพระรัตนตรัยอันเป็นสิ่งที่เลิศประเสริฐสุด
คำขอขมาพระรัตนตรัย
บุญใด อันข้าพเจ้าได้ประกอบแล้วในทวีปนี้ ด้วยเดชะบุญนั้น ขออันตราย คือ ความเห็นผิดในพระรัตนตรัย จงอย่าได้มีแก่ข้าพเจ้า กรรมอันน่าติเตียนอันใดที่ข้าพเจ้าได้ล่วงเกินแล้ว ต่อพระพุทธเจ้า พระธรรม และ พระสงฆ์ ด้วยกายก็ดีด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี ขอพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ ได้โปรดอดโทษแก่ข้าพเจ้า เพื่อข้าพเจ้าจะได้สำรวมระวังในพระรัตนตรัย ในกาลต่อไป
เชิญอ่านเพิ่มเติมได้ที่ลิ้งนี้
วันลอยกระทง.. พระสารีบุตรและศรีลังกา!
พระสารีบุตรปรินิพพาน (อ.สุจินต์ บริหารวนเขตต์ บรรยาย ถอดเทปโดย อำไพ)
เชิญคลิกฟังคำบรรยาย ท่าน อ.สุจินต์ เรื่องท่านพระสารีบุตรปรินิพพานได้ที่ลิ้งนี้
ขอนอบน้อมแต่พระรัตนตรัย กราบแทบท้าวท่านอาจารย์และมศพ. ที่เผยแพร่พระธรรม เป็นการดำรงพระศาสนา จรรโลงคุณความดีเพื่อเป็นไปในการอนุเคราะห์เวไนยสัตว์
การขอขมากรรม มีผลต่อผลของกรรมอย่างไร อกุศลกรรมนั้นดับลงหรือลดลงไปหรือไม่
ขอกราบอนุญาต แชร์กระหน่ำ เพื่อความตรงต่อพระธรรมคำสอนของพระองค์เพื่อชาวพุทธทั้งผอง จะได้ศึกษาและปฏิบัติได้ถูกต้อง ได้อนิสงส์ สืบเนื่องไป นะคะ
กราบอนุโมทนาสาธุ เจ้าค่ะ
การขอขมากรรม มีผลต่อผลของกรรมอย่างไร อกุศลกรรมนั้นดับลงหรือลดลงไปหรือไม่
ขอเชิญอ่านคำบรรยายท่านอาจารย์สุจินต์ที่นี่ ครับ
ท่านอาจารย์ ก็ต้องเป็นความชัดเจน ไม่ว่าจะพูดถึงเรื่องอะไร ก็ควรที่จะให้ได้เข้าใจกระจ่างเท่าที่จะเข้าใจได้ เพราะฉะนั้น คุณบุษกรก็คงคิดถึงว่า พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ปรินิพพานแล้ว แล้วเราจะไปขอขมาอะไรอย่างนี้ ก็ดูเหมือนว่า แล้วจะหายหรือ ที่เราได้กระทำไป ขอขมา แต่ว่าตามความเป็นจริง ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้กระทำกรรมแล้ว ถึงแม้คนอื่นจะยกโทษ แต่กรรมนั้นก็ยังเป็นเหตุให้เกิดผล ถูกไหมคะ?
เพราะฉะนั้น แต่ละคนก็มีทั้งกุศลกรรมและอกุศลกรรม โดยเฉพาะการที่จะกล่าวคำขอโทษ หมายความว่า คนนั้นต้องรู้สึกตัวจริงๆ ว่าทำสิ่งที่ผิด เพราะว่าไม่ควร เพราะฉะนั้น บางคนรู้ตัวว่าผิด ขอโทษไม่ได้ไม่ได้เลยค่ะ ทั้งๆ ที่ผิด ก็ไม่ยอมที่จะขอโทษ นั่นก็แสดงให้เห็นว่า ไม่มีกุศลจิต ไม่ละอายในอกุศลที่ได้กระทำแล้ว ต่อสิ่งที่เป็นพระรัตนตรัยหรือว่าบุคคลหนึ่งบุคคลใดก็ตาม เพราะฉะนั้น ขณะใดก็ตามที่เกิดกุศลจิต นอบน้อมต่อผู้ที่เราขอขมา เป็นการแสดงความเคารพ ความนอบน้อมนั่นเองค่ะ