เรื่องปฐมโพธิกาล...วันเสาร์ที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒

 
มศพ.
วันที่  4 พ.ค. 2562
หมายเลข  30832
อ่าน  954

นโม ตสฺส ภควโต

อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส

นโม ตสฺส ภควโต

อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส

นโม ตสฺส ภควโต

อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส

พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ
ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ
สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ

•••..... ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย .....•••

... สนทนาธรรมที่ ...

มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา (มศพ.)

พระสูตร ที่จะนำมาสนทนาที่มูลนิธิฯ
วันเสาร์ที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒
เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๒.๐๐ น.

“เรื่องปฐมโพธิกาล”

จาก ...

[เล่มที่ 42] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ ๑๗๘-๑๘๐

“เรื่องปฐมโพธิกาล”

ข้อความเบื้องต้น

พระศาสดา ประทับนั่ง ณ ควงไม้โพธิพฤกษ์ ทรงเปล่งอุทานด้วยสามารถเบิกบานพระหฤทัย ในสมัยอื่น พระอานนท์เถระ กราบทูลถาม จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "อเนกชาติสํสารํ" เป็นต้น.

ทรงกำจัดมารแล้วเปล่งพระอุทาน

พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้นแล ประทับนั่ง ณ ควงไม้โพธิพฤกษ์ เมื่อพระอาทิตย์ยังไม่อัสดงคต ทรงกำจัดมารและพลแห่งมารแล้ว ในปฐมยาม ทรงทำลายความมืดที่ปกปิดปุพเพนิวาสญาณ ในมัชฌิมยาม ทรงชำระทิพยจักษุให้หมดจดแล้ว ในปัจฉิมยาม ทรงอาศัยความกรุณาในหมู่สัตว์ ทรงหยั่งพระญาณลงในปัจจยาการแล้ว ทรงพิจารณาปัจจยาการนั้น ด้วยสามารถแห่งอนุโลมและปฏิโลม ในเวลาอรุณขึ้นทรงบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ พร้อมด้วยอัศจรรย์หลายอย่าง เมื่อจะทรงเปล่งอุทานที่พระพุทธเจ้าหลายแสนพระองค์ไม่ทรงละแล้ว จึงได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า

"เราแสวงหานายช่างผู้ทำเรือน เมื่อไม่ประสบ จึงได้ท่องเที่ยวไปสู่สังสาระ มีชาติเป็นเอนก ความเกิดบ่อยๆ เป็นทุกข์ แน่ะนายช่างผู้ทำเรือน เราพบท่านแล้ว ท่านจะทำเรือนอีกไม่ได้ ซี่โครงทุกซี่ ของท่านเราหักเสียแล้ว ยอดเรือนเราก็รื้อเสียแล้ว จิตของเราถึงธรรม ปราศจากเครื่องปรุงแต่งแล้ว เพราะเราบรรลุธรรมที่สิ้นตัณหาแล้ว"

แก้อรรถ

บรรดาบทเหล่านั้น

สองบทว่า คหการํ คเวสนฺโต ความว่า เราเมื่อแสวงหานายช่าง คือ ตัณหาผู้ทำเรือน กล่าวคืออัตภาพนี้ มีอภินิหารอันทำไว้แล้ว แทบบาทมูลแห่งพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่าทีปังกร เพื่อประโยชน์แก่พระญาณ อันเป็นเครื่องอาจเห็นนายช่างนั้นได้ คือ พระโพธิญาณ เมื่อไม่ประสบ ไม่พบ คือ ไม่ได้พระญาณนั้นแล จึงท่องเที่ยวคือเร่ร่อน ได้แก่ วนเวียนไปๆ มาๆ สู่สังสาระมีชาติเป็นเอนก คือ สู่สังสารวัฏฏ์นี้ อันนับได้หลายแสนชาติ สิ้นกาลมีประมาณเท่านี้.

คำว่า ทุกฺขา ชาติ ปุนปฺปุนํ นี้ เป็นคำแสดงเหตุแห่งการแสวงหาช่างผู้ทำเรือน. เพราะชื่อว่าชาตินี้ คือ การเข้าถึงบ่อยๆ ชื่อว่าเป็นทุกข์ เพราะภาวะที่เจือด้วยชรา พยาธิ และมรณะ. ก็ ชาตินั้น เมื่อนายช่างผู้ทำเรือนนั้น อันใครๆ ไม่พบแล้ว ก็ยังเป็นไป.ฉะนั้น เราเมื่อแสวงหานายช่างผู้ทำเรือน จึงได้ท่องเที่ยวไป.

บทว่า ทิฏฺโฐสิ ความว่า บัดนี้ เราตรัสรู้พระสัพพัญญุตญาณ พบท่านแล้วแน่นอน.

บทว่า ปุน เคหํ ความว่า ท่านจักทำเรือนของเรา กล่าวคือ อัตภาพ ในสังสารวัฏฏ์นี้อีกไม่ได้.

บาทพระคาถาว่า สพฺพา เต ผาสุกา ภคฺคา ความว่า ซี่โครง กล่าวคือกิเลสที่เหลือทั้งหมดของท่าน เราหักเสียแล้ว.

บาทพระคาถาว่า คหกูฏํ วิสงฺขตํ ความว่า ถึงมณฑลช่อฟ้า กล่าวคือ อวิชชาแห่งเรือนคืออัตภาพที่ท่านสร้างแล้วนี้ เราก็รื้อเสียแล้ว.

บาทพระคาถาว่า วิสงฺขารคตํ จิตฺตํ ความว่า บัดนี้ จิตของเรา ถึง คือ เข้าไปถึงธรรมปราศจากเครื่องปรุงแต่งแล้ว คือ พระนิพพาน ด้วยสามารถแห่งอันกระทำให้เป็นอารมณ์.

บาทพระคาถาว่า ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา ความว่า เราบรรลุพระอรหัตต์ กล่าวคือ ธรรมเป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหาแล้ว.

เรื่องปฐมโพธิกาล จบ.


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 4 พ.ค. 2562

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

๏ข้อความโดยสรุป ๏

เรื่องปฐมโพธิกาล

คำว่า ปฐมโพธิกาล หมายถึง ช่วงเวลาที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ ใหม่ๆ หรือ เมื่อแรกที่ได้ทรงตรัสรู้

เป็นความจริงที่ว่า พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ เมื่อได้ทรงตรัสรู้แล้ว ก็จะทรงเปล่งพระอุทาน (คำที่ทรงเปล่งออกด้วยพระโสมนัสญาณ) ว่า เราแสวงหานายช่างผู้ทำเรือน เมื่อไม่ประสบ จึงได้ท่องเที่ยวไปสู่สังสาระ มีชาติเป็นเอนก เป็นต้น

พระพุทธเจ้าพระองค์นี้ (พระสมณโคดม) ก็เช่นเดียวกัน ในวันที่ทรงตรัสรู้ (วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖) พระองค์เสด็จเข้าไปยังโคนต้นพระศรีมหาโพธิ์ ทรงกำจัดกองกำลังแห่งมาร และ ทรงบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณ ณ ที่นั้น ในเวลาใกล้รุ่งของวันวิสาขบูชา เมื่อพระองค์ได้ทรงตรัสรู้แล้ว ก็ได้ทรงเปล่งพระอุทานดังกล่าว ในสมัยต่อมาพระอานนท์ทูลถาม พระองค์จึงได้ทรงแสดงพระธรรมเทศนานี้ ตามที่ปรากฏในพระสูตร

ใจความของพระคาถา ที่เป็นพระอุทานของพระพุทธเจ้า สรุปได้ว่า พระโพธิสัตว์ ทรงบำเพ็ญบารมีตลอดระยะเวลา ๔ อสงไขยแสนกัปป์ เพื่อจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าเป็นผู้ทรงห่างไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง แต่เมื่อยังไม่ได้ปัญญาที่จะสามารถดับตัณหาซึ่งเป็นกิเลสที่สร้างภพชาติได้ ก็ยังต้องเวียนว่ายตายเกิด นับชาติไม่ถ้วน ยังเต็มไปด้วยกองแห่งทุกข์นานัปประการ แต่เมื่อพระองค์ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ดับตัณหาซึ่งเป็นตัวสร้างภพชาติ พร้อมทั้งอวิชชาและกิเลสทั้งหลายในฐานะเดียวกันได้ทั้งหมดแล้ว กิเลสเหล่านี้ ไม่สามารถเกิดขึ้นอีก ไม่สามารถสร้างภพชาติให้กับพระองค์ได้อีกต่อไป ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายสำหรับพระองค์ ภพใหม่ไม่มีอีกต่อไป.

ขอเชิญศึกษาเพิ่มเติมได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ

วันพิเศษคือวันวิสาขบูชา

นี่ก็ใกล้วันวิสาขบูขาอีกแล้ว

...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ประสาน
วันที่ 10 พ.ค. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
chatchai.k
วันที่ 3 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ