เราจะรู้ได้อย่างไรว่าใคร หรือสำนักใดสอนพระธรรมถูก หรือสอนผิด

 
Thanapolb
วันที่  19 มิ.ย. 2562
หมายเลข  30953
อ่าน  1,081

สำหรับผู้ที่ไม่ได้ฟังพระธรรมที่ถูกต้องมาก่อน แต่มีความสนใจศึกษาพระธรรม หรือสนใจปฏิบัติธรรม เขาถามว่า "จะทราบอย่างไรว่า ว่าใคร หรือสำนักใดสอนพระธรรมถูก หรือสอนผิด" ข้อแนะนำในเบื้องต้นสำหรับบุคลลนั้น ยกตัวอย่างผมสมัยก่อนที่จะได้ฟังเสียงท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ผมก็เคยไปฟังจากบุคคลอื่น สำนักอื่น ก็คิดว่าดี ก็ทำตามที่เขาบอก แต่เมื่อประสบโอกาสได้ฟังเสียงท่านอาจารย์ผมก็เริ่มฉุกคิดว่า เออ ไม่เคยได้ยินคำกล่าวอย่างนี้ มาก่อนเลยและเป็นคำที่มีเหตุมีผลน่าพิจารณา แต่บางท่านเมื่อได้ฟังจากที่อื่นเขาก็ยังยืนยันว่าที่นั่นก็สอนถูก (ทั้งที่ผมและทางท่านผู้รู้ก็ทราบว่าสอนไม่ถูก) เพราะเหตุใดครับ ดังนั้นในเบื้องต้น สิ่งที่พอจะแนะนำและข้อสังเกตุให้เขาสอบทานว่าใคร หรือสำนักใดสอนพระธรรมถูก หรือสอนผิด ควรเป็นคำกล่าวอย่างไรครับ

ขอบพระคุณและอนุโมทนาครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 19 มิ.ย. 2562

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

คำสอนใดที่สอนให้ไปทำอะไร ด้วยความอยากความต้องการ ความไม่รู้ ความเห็นผิด ซึ่งไม่ได้เป็นไปเพื่อความเข้าใจสิ่งที่มีจริงในขณะนี้ ย่อมไม่ใช่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คำไม่จริงเหล่านั้น ทำลายคำจริงของพระองค์ ทำให้คนออกจากคำจริง

คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สอดคล้องกันโดยตลอด ในความเป็นธรรม คือ สิ่งที่มีจริง ที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ไม่มีใครบังคับบัญชาได้ แต่สิ่งใดที่จะเกิดขึ้นเกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุปัจจัย และคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นไปเพื่อละตั้งแต่ต้น ถ้ามีการไปทำ ไปจดจ้อง ไปหวังสิ่งหนึ่งสิ่งใดจากการที่ไปทำตามๆ กันไป นั่นย่อมค้านกับความเป็นอนัตตาของสภาพธรรม จะถูกต้องได้อย่างไร

ในคำสอนทางพระพุทธศาสนา มีคำว่า ปฏิบัติธรรม แต่ถ้าไม่ได้ศึกษาพระธรรมโดยละเอียด ไม่มีความเข้าใจอย่างถูกต้อง แล้วมีการไปทำอะไรด้วยความอยาก ความต้องการ จดจ้อง ตามสถานที่ต่างๆ ที่เข้าใจว่าเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม อย่างที่นิยมเรียกกันว่า “สำนักปฏิบัติธรรม” ก็ไม่ใช่การปฏิบัติธรรม แต่เป็นการปฏิบัติผิด ไม่เป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของปัญญา ในขณะที่ปฏิบัติผิดนั้น ก็พอกพูนโลภะ ความติดข้องต้องการ และ ความเห็นผิด ให้เพิ่มขึ้น แท้ที่จริงแล้ว “ปฏิบัติธรรม” เป็นการอบรมเจริญปัญญา รู้สภาพธรรมที่ปรากฏ คือรู้นามธรรม และรูปธรรมตามความเป็นจริง ซึ่งต้องมีการตั้งต้นด้วยการฟัง ด้วยการศึกษาให้เข้าใจในสภาพธรรมที่มีจริงๆ ในชีวิตประจำวัน ว่าเป็นธรรมแต่ละหนึ่งๆ ที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน เมื่อมีความเข้าใจอย่างถูกต้องแล้ว ก็ย่อมเป็นเหตุปัจจัยให้สติและปัญญา เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ระลึกรู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ เป็นการถึงเฉพาะลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริง ตามความเป็นจริง ด้วยปัญญา โดยที่ไม่เลือกสถานที่ กาลเวลา และไม่มีการเจาะจงที่จะรู้สภาพธรรมหนึ่งสภาพธรรมใด เพราะทั้งหมดล้วนเป็นธรรมที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น ซึ่งแสดงถึงความเป็นอนัตตาของสภาพธรรมอย่างแท้จริง

ขณะนี้มีธรรม มีสิ่งที่กำลังปรากฏเป็นปกติในชีวิตประจำวัน ถ้าไม่มีการได้ยินได้ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงเลย จะไม่สามารถเข้าใจสภาพธรรมที่มีจริงๆ ในขณะนี้ได้ เพราะฉะนั้น ต้องเป็นผู้มีความละเอียดอย่างยิ่งในการฟัง ในการศึกษา ไม่ประมาทในพระธรรมแต่ละคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกจริงๆ ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญที่จะนำไปสู่ความเจริญขึ้นของปัญญายิ่งๆ ขึ้นไป

สำหรับความเป็นมิตรเป็นเพื่อนที่ดี ที่จะเกื้อกูลให้เกิดความเข้าใจอย่างถูกต้อง
ก็สามารถสนทนาพูดคุยได้ ด้วยการย้อนถาม ให้ได้คิดพิจารณา ว่า คือ อะไร เช่น ปฏิบัติคืออะไร คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคืออะไร สอนว่าอย่างไร ยากหรือง่าย คิดเองได้ไหม เป็นต้น ซึ่งก็จะเป็นเหตุให้ได้คิดพิจารณาไตร่ตรอง และจะเป็นปัจจัยให้ได้ฟังได้ศึกษาต่อไป ซึ่งก็เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล ว่า สะสมมาที่จะเห็นประโยชน์ของพระธรรมหรือไม่


ถ้าหากเป็นผู้ตรง จริงใจ ก็สามารถตั้งต้นใหม่ได้ สิ่งที่ผิด จะเก็บไว้ทำไม ต้องกล้า อาจหาญที่จะละทิ้งในสิ่งที่ผิด แล้วมีความตั้งใจที่จะฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกต่อไปซึ่งเป็นการได้ฟังได้ศึกษาในสิ่งที่ประเสริฐที่สุด
ครับ

ขอเชิญศึกษาเพิ่มเติมได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ

จะรู้ได้อย่างไรว่าคำสอนใดผิด คำสอนใดถูก

สำนักปฏิบัติธรรม ไม่มีในคำสอนทางพระพุทธศาสนา

ก้าวแรกต้องจริงใจ

ไม่มีสำนักปฏิบัติในคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ผิดจากคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็นำไปสู่ทางผิดทั้งหมด

...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
Thanapolb
วันที่ 19 มิ.ย. 2562

ขอบพระคุณและอนุโมทนายิ่งครับอาจารย์คำปั่น

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
พัชรีรัศม์
วันที่ 21 มิ.ย. 2562

ขอบพระคุณมากค่ะ ดิฉันก็เป็นคนหนึ่งที่เคยไปปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ เดินจงกรมทำตามๆ กันตามสำนักปฏิบัติธรรม ไปเรียนทำสมาธิ แต่ได้กลับมาพิจารณาว่าจริงๆ แล้ว ดิฉันไม่รู้อะไรเลย ไม่เข้าใจคืออะไร วันหนึ่งอยู่ดีๆ มีไลน์อาจารย์สุจินต์เข้ามา จึงเปิดฟัง ฟังแล้วรู้เลยว่าแตกต่างจากที่เคยได้ยินได้ฟัง ทุกๆ ที่จะบอกว่าทำอะไรอย่างไรจะได้อะไร แต่คำๆ เดียวที่สะกิดใจดิฉันคือ ธรรมะเพื่อละธรรมะคือสิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้ ใช่เลย ใช่เลย จากนั้นก็ฟังมาตลอดจนทุกวันนี้

ขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์และวิทยากรทุกท่านด้วยความเคารพยิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
apiwit
วันที่ 21 มิ.ย. 2562

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ ปัญญานี้เองที่จะทำให้รู้ว่าสิ่งใดถูก สิ่งใดผิด ต้องฟังพระธรรมที่เป็นคำจริงของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อการอบรมเจริญขึ้นของปัญญา ถ้าสำนักใดสอนให้เข้าใจความจริงของสภาพธรรมที่กำลังมีในขณะนี้อันเป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สำนักนั้นถูก แต่ถ้าสำนักใดสอนให้ลงมือปฏิบัติ ผิดหมดครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ประสาน
วันที่ 23 มิ.ย. 2562

สาธุๆ ๆ อนุโมทนาในกุศลจิตของท่านอาจารย์ท่านวิทยากรและสหายธรรมทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ประสาน
วันที่ 23 มิ.ย. 2562

สาธุๆ ๆ อนุโมทนาในกุศลจิตของท่านอาจารย์ท่านวิทยากรและสหายธรรมทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
p.methanawingmai
วันที่ 23 มิ.ย. 2562

สาธุค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
kullawat
วันที่ 24 มิ.ย. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
chatchai.k
วันที่ 20 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ