ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๑๘

 
khampan.a
วันที่  25 ส.ค. 2562
หมายเลข  31128
อ่าน  1,686

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๑๘

~ ธรรม ไม่ต้องไปแสวงหาที่ไหนเลยทั้งสิ้น เดี๋ยวนี้เอง ทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังปรากฏ มีจริงๆ ในขณะนี้ เป็นธรรมทั้งหมด แต่ไม่รู้

~ แม้แต่คำว่า พุทธะ ชาวพุทธไม่ได้เข้าใจถึงความเป็นจริง ว่า พุทธะ ไม่ใช่ชาวบ้านอย่างธรรมดาหรือไม่ใช่มิตรสหายที่เราพูดกัน หรือว่าไม่ใช่ตำรับตำราที่ใครก็เขียนขึ้นมาได้ แล้วก็คิดว่าได้เข้าใจแล้ว แต่ พุทธะ เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า คำนี้รู้สึกว่าคนจะไม่ค่อยสนใจ แต่สนใจครูบาอาจารย์หรือว่าสนใจใครก็ตามแต่ที่คิดว่าเป็นผู้ที่รู้

~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงรู้ว่าแต่ละคนกว่าที่จะได้ฟังธรรมแล้วเข้าใจ ก็จะมีความเห็นผิดต่างๆ มาก เพราะฉะนั้น กิจที่ควรทำก่อน คือ ฟังธรรมให้เข้าใจ

~ พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เพื่อให้เกิดความเข้าใจถูกความเห็นถูก แสดงว่า ก่อนฟัง เราไม่เคยรู้ความจริง ไม่เข้าใจอะไรถูกเลย ไม่ว่าสิ่งนั้นกำลังอยู่ต่อหน้า ก็ไม่สามารถที่จะเข้าใจได้

~ ฟังธรรม ประโยชน์มีมาก เริ่มตั้งแต่ว่า รู้ไหมว่า ขณะนี้ กำลังบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฟังคำของพระองค์ ไม่ใช่คำของคนอื่นเลย

~ เข้าใจว่าไม่ใช่เรา ถูกหรือผิด? ถูก ไม่ใช่เราแล้วเป็นอะไรแล้ว? เป็นธรรม อะไรที่รู้ว่าธรรม ไม่ใช่เรา? ปัญญา ถ้าไม่มีปัญญาจะเข้าใจเดี๋ยวนี้ไหม ก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้น ปัญญาสามารถเข้าใจถูกเห็นถูก เพราะว่า เป็นสภาพธรรมที่สามารถเห็นถูกต้องตรงตามความเป็นจริง เพราะฉะนั้น ถ้าไม่อาศัยคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อไหร่จะรู้ว่าเดี๋ยวนี้ไม่ใช่เรา

~ ทุกคนก็สะสมความไม่รู้และความติดข้องในทุกอย่างที่ปรากฏเพราะไม่รู้ความจริง เป็นอย่างนี้ชาติแล้วชาติเล่า แล้วสิ่งที่พอใจก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ หยุดยั้งไม่ได้ว่าได้สิ่งนี้แล้วพอ ไม่ต้องการอะไรอีกต่อไป แต่ไม่เป็นเช่นนั้นเลย เพราะฉะนั้น ความพอใจมากมายมหาศาลแล้วก็ไม่หยุดด้วย เป็นอย่างนี้และต้องเป็นอย่างนี้ เพราะไม่รู้ เป็นทุกข์ไหม?

~ ลองคิดดูได้อะไรมา ได้สิ่งที่ว่างเปล่าไม่เหลือเลย แต่เพราะไม่รู้ จึงคิดว่าสิ่งนั้นจะมีอยู่ ยังคงอยู่ จึงแสวงหาร่ำไปเรื่อยไปไม่จบ ปัญญาเห็นภัยหรือยัง ต้องเป็นปัญญาเท่านั้นที่เริ่มเห็นภัยว่ามัวแต่อยากได้สุขอยู่นั่นแหละแสวงหาอยู่นั่นแหละ แต่ว่าสุขนั้นก็หมด ไม่ใช่ว่าไม่หมด หมดจริงๆ คือ ทันทีที่เกิดก็ดับเลย แต่ก็หลงชอบเพราะคิดว่ายังอยู่

~ ต้องรู้ตามความเป็นจริงว่าสิ่งใดๆ ก็ตามที่เข้าใจว่ามีและเที่ยงและเป็นของเรา สิ่งนั้น หามีไม่ เพราะถ้าสิ่งนั้นไม่เกิด เราก็ไม่มี อะไรๆ ก็ไม่มีทั้งนั้น เพราะฉะนั้น พอใจในสิ่งที่เกิดดับเพราะไม่รู้ ต่อเมื่อใดประจักษ์การเกิดและการดับ เมื่อนั้นจึงเห็นภัย ซึ่งต้องเป็นปัญญาที่รู้จริงๆ มั่นคงขึ้นๆ กว่าจะละความเป็นเราได้ เพราะว่าความเป็นเราลึกมากแล้วก็ทับถมอยู่ทุกวัน เพราะฉะนั้น ก็ต้องเป็นผู้ที่อดทนที่จะรู้ว่า เหตุใดพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงพ้นจากกิเลส เพราะปัญญาที่รู้ความจริง ถ้าใครจะไปประจักษ์แจ้งธรรมรู้ความจริงโดยไม่ใช่ปัญญาเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้น สำนักปฏิบัติไม่ได้ทำให้คนที่ไปเกิดปัญญาอะไรเลยทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น ไม่ใช่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

~ เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริงถึงที่สุดแล้วใครจะเปลี่ยนได้ เพราะฉะนั้น ใครที่เปลี่ยน บูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือเปล่า

~
เรื่องของอกุศลธรรมทั้งหมด ผู้ที่เห็นโทษจึงจะงดเว้น แต่ผู้ที่ไม่เห็นโทษ ไม่เห็นจริงๆ ว่าเป็นโทษ แต่ว่าความจริงแล้ว อกุศลธรรมทั้งหลายนั้น ย่อมให้ผลตามควรแก่สภาพของอกุศลธรรม

~
พระธรรมเทศนาทั้งหมดของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อเตือนให้รู้จักตนเอง เพื่อความไม่ประมาท เพื่อความสลด (ปัญญา ที่เห็นถูก เป็นไปพร้อมกับความละอาย และความเกรงกลัวต่ออกุศล) เพื่อการที่จะได้เจริญกุศลธรรมมากขึ้น ยิ่งขึ้น ไม่ใช่ว่าเป็นการไร้สาระ หรือว่าไม่มีประโยชน์ที่จะกล่าวถึงความจริง แต่ว่าเพื่อจะให้ทุกคนได้ตระหนักชัดถึงความจริง

~
ในชีวิตประจำวัน ถ้าเป็นผู้มีเมตตาแล้ว ก็จะทำให้กุศลจิตอีกหลายประการเกิดได้ แต่ข้อสำคัญต้องเป็นผู้ตรงจริงๆ เมตตาจึงเป็นธรรมเครื่องอยู่ของผู้ประเสริฐ ถึงแม้ว่าจะมีใครกล่าวร้าย ว่าร้าย หรือว่ามีกิริยาอาการที่ไม่เหมาะสมประการใดก็ตาม บุคคลผู้นั้นก็ไม่หวั่นไหว

~
เมตตาเกิดเมื่อไหร่ ขณะนั้นจะเป็นการพร้อมที่จะช่วยบุคคลอื่น มีความหวังดี ไม่ว่าจะเห็น ก็มีความเป็นเพื่อน หรือไม่ว่าจะคิดถึงก็คิดถึงในทางที่จะเป็นประโยชน์แก่บุคคลนั้น

~ การให้อภัย ก็ทำให้บุคคลอื่นมีความสุข เขาไม่ต้องเดือดร้อนเพราะความโกรธของเราหรือเพราะความคิดเบียดเบียนของเรา

~ คนที่หวังดี เป็นมิตรแท้ ไม่ใช่คนประจบประแจงป้อยอให้เขาทำชั่วต่อไป แต่ต้องเป็นคนที่หวังดีจริงๆ รู้ว่าสิ่งใดเป็นโทษ ก็กล่าวให้รู้ว่าสิ่งนั้นเป็นโทษ และควรที่จะประพฤติในสิ่งที่ถูกต้อง คนนั้นแหละเป็นเพื่อนที่แท้จริง เป็นผู้ที่หวังดีจริงๆ แต่ไม่ใช่ยอมให้ประพฤติผิดพระวินัยต่อไป

~ อกุศลแม้เล็กน้อย ก็เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ แต่ที่ไม่เห็นความน่ารังเกียจ ก็เพราะความไม่รู้

~ โกรธใครเมื่อไหร่ ไม่เมตตา หวังดีต่อใครเมื่อไหร่ เมตตา

~ ถ้าเคารพอย่างอื่น มีอย่างอื่นเป็นที่พึ่ง ก็ไม่มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง

~ เราอยู่ในห้วงของอกุศลหรือจมอยู่ในอกุศลธรรมมากแค่ไหน?
ถ้าเป็นผู้ที่เข้าใจเรื่องกรรมและผลของกรรม จะไม่รีรอการทำกุศลทุกประการทุกขณะด้วย ทำให้เราเจริญทางฝ่ายกุศลยิ่งขึ้น

~ ปัญญา ความเข้าใจถูกเห็นถูก กล้าที่จะรู้ว่าสิ่งใดถูก สิ่งใดผิด ปัญญากล้าที่จะไม่ทำสิ่งที่ผิด


~ มีหลายคนไม่กล้าที่จะพูดความจริงกลัวว่าคนอื่นผิด แต่ถ้าเขาผิดแล้วจะพูดว่าอย่างไร เขาถูกหรือ พูดไม่ได้ใช่ไหม? เพราะฉะนั้น การที่เราจะบอกว่าใครผิด ถ้าเราหวังร้ายเราก็ทับถมว่าเขา (ซึ่งไม่ถูกต้อง) แต่ถ้าเราหวังดี ให้เขารู้ว่าเขาผิด ดีไหม? เพราะว่าถ้าเขาไม่รู้ว่าเขาผิด ไม่มีทางที่จะแก้ไขอะไรเลยทั้งสิ้น ถ้าเข้าใจธรรมผิดแล้วก็ไม่ให้เขารู้ว่านั่นผิดเขาจะแก้ไหม? ถ้าไม่ให้เขาเข้าใจถูก หวังดีต่อเขาหรือเปล่า เพราะฉะนั้นการที่หวังดีจริงๆ ต้องหวังดีในทางที่ถูกต้อง ให้เขามีความเข้าใจที่ถูก.

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๑๗

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
มกร
วันที่ 25 ส.ค. 2562

กิจที่ควรทำก่อน คือฟังธรรมให้เข้าใจ

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
j.jim
วันที่ 25 ส.ค. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
Nattaya40
วันที่ 25 ส.ค. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
สิริพรรณ
วันที่ 26 ส.ค. 2562

ผู้แสดงพระธรรมด้วยความหวังดีต่อผู้อื่น มีความเมตตาอย่างสูงด้วยความเป็นผู้ถึงในพระคุณพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงแสดงโดยลึกซึ้งยิ่งแล้ว

พูดอย่างใด ทำอย่างนั้นเท่านั้น ย่อมงดงามโดยอำนาจสัมมาปฏิบัติ

กราบแทบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ ด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
panasda
วันที่ 26 ส.ค. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
jaturong
วันที่ 27 ส.ค. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
เมตตา
วันที่ 29 ส.ค. 2562

...ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ...

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
talaykwang
วันที่ 29 ส.ค. 2562

สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
เจียมจิต
วันที่ 18 ธ.ค. 2562

อนุโมทนาสาธุค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
มังกรทอง
วันที่ 4 ธ.ค. 2564

เข้าใจว่าไม่ใช่เรา ถูกหรือผิด? ถูก ไม่ใช่เราแล้วเป็นอะไรแล้ว? เป็นธรรม อะไรที่รู้ว่าธรรม ไม่ใช่เรา? ปัญญา ถ้าไม่มีปัญญาจะเข้าใจเดี๋ยวนี้ไหม ก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้น ปัญญาสามารถเข้าใจถูกเห็นถูก เพราะว่า เป็นสภาพธรรมที่สามารถเห็นถูกต้องตรงตามความเป็นจริง เพราะฉะนั้น ถ้าไม่อาศัยคำของพระสัมมาสั มพุทธเจ้า เมื่อไหร่จะรู้ว่าเดี๋ยวนี้ไม่ใช่เรา

น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
chatchai.k
วันที่ 4 ธ.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ