ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๔๘
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
* * ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๔๘ * *
~ ถ้าไม่ใช่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีทางเลยที่จะมีแสงสว่าง ที่จะทำให้หายจากความมืด ซึ่งเกิดมานับชาติไม่ถ้วนแล้วไม่รู้อะไรเลย แล้วทั้งหมดก็หมดไปแต่ละชาติๆ
~ พระภิกษุทุกรูป ไม่มีเรื่องที่เกี่ยวกับเงินทองใดๆ ทั้งสิ้น ภาระหรือกิจธุระของท่าน ก็คือ ศึกษาพระธรรมวินัยและประพฤติปฏิบัติในเพศของบรรพชิตตามพระวินัย
~ ภิกษุที่ไม่ได้ประพฤติปฏิบัติตามพระวินัย ไม่ใช่บรรพชิต ไม่ใช่ผู้กำจัดกิเลส แต่เมื่อเป็นบรรพชิตแล้ว ต้องรู้ว่า มีชีวิตอย่างคฤหัสถ์ไม่ได้
~ พระภิกษุรับเงินทองได้อย่างไร? พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้แล้วทุกประการ ว่า ชีวิตที่ละเพศคฤหัสถ์ สละแล้วจากความสุขสนุกสนานอย่างเพศคฤหัสถ์ แล้วจะกลับไปรับเงินทองได้อีกหรือ?
~ เป็นคนนี้อยู่ได้ชั่วขณะที่ยังไม่ตาย แต่พอตายแล้วก็หมดความเป็นบุคคลนี้ หาอีกไม่ได้เลยในสังสารวัฏฏ์
~ กัลยาณปุถุชน (ผู้หนาแน่นไปด้วยกิเลส แต่เป็นคนดี) ถึงแม้ว่าจะยังมีกิเลสอยู่ แต่ก็มีคุณความดีที่ได้เข้าใจพระธรรม ที่จะนำไปสู่การที่จะดับกิเลสได้
~ รู้ความจริงเข้าใจ ว่า อะไรถูก อะไรผิด ก็จะช่วยให้ชีวิตเป็นไปในทางที่ดีงาม ไม่นำมาซึ่งความทุกข์ทั้งแก่ตนเองและคนอื่น
~ เราต้องเป็นคนตรงและยอมรับความจริง ที่จะแก้ไข (ในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง) เพราะเหตุว่า ถ้าทำไปด้วยความไม่รู้ ผลก็คือไม่รู้ และความไม่รู้ ก็นำมาซึ่งโทษนานาประการ
~ ความไม่รู้ของคนสะสมมานานมาก นี่คือ ภัย ใช่ไหม? ที่ไม่รู้เลยว่าอะไร เป็นอะไร แล้วจึงได้ทำสิ่งที่ไม่ดีทุจริตทุกวงการ
~ ถ้าเป็นกรรมชั่ว (อกุศลกรรม) ทำอย่างไรก็จะให้ผลที่ดี ไม่ได้
~ ถึงอย่างไรทุกคนก็ต้องจากโลกนี้ไป จะด้วยโรคที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้หรือไม่ หรืออะไรก็ตามแต่ แต่ (ในที่สุด) ก็ต้องตายกันทุกคน แล้วก่อนตายเราจะไม่มีอะไรที่จะไปถึงชาติต่อไปที่เป็นคุณความดีและความเข้าใจถูกต้องหรือ ในเมื่อมีโอกาส มัวแต่กลัวอย่างอื่น แต่ไม่กลัวความไม่รู้ ลองเทียบกันดูแล้ว ความไม่รู้ น่ากลัวกว่าเท่าไหร่
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และทรงแสดงความจริงถึงที่สุด พิสูจน์ได้เลย ทำไมคนนี้ ไม่เป็นโรคนี้ (โควิด) ทำไมคนอื่น เป็น เลือกได้ไหม? (ไม่ได้) ก็แสดงชัดเจนว่า เป็นอนัตตา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร
~ ความเข้าใจพระธรรม (ปัญญา) เป็นประโยชน์ทั้งกับตนเองและผู้อื่นด้วย ถ้าทุกคนเป็นอย่างนี้ คือ มีความเข้าใจพระธรรม ก็เป็นประโยชน์มหาศาล
~ ทุกข้อของมงคล (มีการไม่คบคนพาล เป็นต้น) ก็เพื่อการละอกุศล ละสิ่งที่ไม่ดี แล้วก็อบรมเจริญสิ่งที่ดีให้เพิ่มขึ้น เพราะว่าสิ่งที่ดีจะไม่นำความทุกข์มาให้เลย ตรงกันข้ามกับสิ่งที่ไม่ดี ก็ไม่สามารถที่จะนำความสุขใดๆ มาให้ได้ ด้วยเหตุนี้ต้องทราบว่าสิ่งที่ไม่ดีที่เป็นเหตุใหญ่ ก็คือ โลภะ โทสะ โมหะ
~ ขณะนี้ทุกคนก็ตรงกันที่รู้ว่า ขณะนี้เป็นธรรม ไม่ลืมว่า ธรรมคือเดี๋ยวนี้ ไม่ต้องไปแสวงหาที่อื่น เพราะขณะนี้เป็นธรรม
~ การเป็นชาวพุทธต้องศึกษาให้เข้าใจพระธรรม ซึ่งพระธรรมไม่ง่าย และเมื่อศึกษาแล้ว ต้องทราบว่า ไม่ใช่เพียงศึกษาให้เข้าใจ แต่ว่าจะต้องพิจารณาเพื่อจะประพฤติปฏิบัติตาม ตามความสามารถ ตามสติปัญญา และตามการสะสมที่จะต้องค่อยๆ เพิ่มขึ้น จนกว่าจะเป็นผู้เห็นประโยชน์ของการมีชีวิตอย่างชาวพุทธที่ได้ทำหน้าที่ของชาวพุทธ
~ ทุกอย่างเป็นธรรม ถูกคือถูก ผิดคือผิด ใครจะเปลี่ยนผิดให้เป็นถูก หรือใครจะให้ถูกเป็นผิด ไม่ได้
~ ความดีความงามเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม น่ายินดี ยากที่จะกระทำได้ อย่าประมาทว่า บุญเล็กบุญน้อย ให้สักนิดสักหน่อย หรือช่วยใครสักนิดสักหน่อย ขณะนั้นถ้าเป็นอกุศล ทำไม่ได้เลย จะช่วยใครก็ช่วยไม่ได้ จะให้อะไรใครสักนิดหนึ่งก็ให้ไม่ได้ เพราะว่าขณะนั้นเป็นอกุศลจิต แต่ขณะใดก็ตามที่กุศลสามารถจะเกิดขึ้นได้ แล้วเป็นสิ่งที่ทุกคนชื่นชมแน่ๆ ว่า คนนั้นได้ทำสิ่งที่ดี ขณะที่ยินดีในสิ่งที่คนอื่นกระทำกุศล แม้เราไม่ได้กระทำเอง จิตขณะนั้นก็เป็นกุศล
~ กุศลธรรมเกิดขึ้นเป็นไป ก็ทำให้ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ เป็นไปในทางที่ดีงามเกิดขึ้นเป็นไป
~ ขณะใดที่ไม่เข้าใจธรรม ขณะนั้นก็เป็นอวิชชา (ความไม่รู้) ขณะใดที่ติดข้อง จะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว ขณะนั้นก็มีอวิชชา ขณะใดที่ขุ่นเคืองไม่พอใจแม้เพียงเล็กน้อย นิดเดียวเอง ขณะนั้นก็ต้องมีอวิชชา ขณะใดที่สำคัญตน วันหนึ่งๆ ก็อาจจะไม่น้อยเลยสำหรับบางคน ขณะนั้นก็มีอวิชชา
~ อกุศลเป็นโรคของจิตใจ ยิ่งถ้าเป็นกิเลสที่มีกำลังมาก ก็เหมือนโรคกำเริบที่ทำความเสียหายอย่างมาก การศึกษาและอบรมเจริญปัญญารู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง เท่านั้น ที่เป็นเสมือนยาที่จะรักษาจิตใจให้ปราศจากโรค คือ กิเลส
~ ถ้าชาวพุทธไม่ศึกษาและไม่เข้าใจพระธรรมวินัย จะช่วยแต่ละหนึ่งบุคคลให้เว้นจากทุจริตและช่วยให้ประเทศชาติมั่นคงได้อย่างไร?
~ เมื่อโกรธเกิดขึ้นแล้ว ดีไหม? (ไม่ดี) ใครเดือดร้อน? โกรธเกิดที่ไหนไม่เป็นสุข จะทำให้คนที่มีความโกรธ เป็นสุข เป็นไปไม่ได้เลย เพราะลักษณะนั้นเป็นสภาพที่เดือดร้อน แม้จิตในขณะนั้น ก็มีโทสะหรือความขุ่นเคืองใจเกิดร่วมด้วย ขณะนั้นเดือดร้อนจริงๆ
~ ขณะที่เมตตา คือ ไม่ใช่ขณะที่เป็นโทสะ แล้วเห็นประโยชน์ของเมตตาไหมท่านทั้งหลายที่กำลังมีโทสะ เดี๋ยวก็โกรธคนนั้นเดี๋ยวก็ไม่ชอบคนนี้ แล้วเห็นประโยชน์ของเมตตาหรือเปล่า ต้องเป็นปัญญาจึงสามารถที่จะมีเมตตาเพิ่มขึ้นได้
~ ถ้าต้องการให้คนอื่นตาบอด จะเป็นนกจะเป็นปลาหรืออะไรก็แล้วแต่ เจตนา มี ที่ไม่ต้องการให้คนอื่นมีตา ผลก็คือว่ากรรมทำให้เมื่อผลเกิดขึ้น คือ (ตัวเอง) ไม่มีตา กรรมมีกำลังที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่างได้โดยที่ใครก็คาดไม่ถึง เพราะฉะนั้น ถ้ามีความเข้าใจอย่างนี้ ก็จะหมดความสงสัยในเรื่องกรรมและผลของกรรม
~ ธรรมทาน (การให้ธรรม) บางคนหวง คำพูดดีๆ เก็บไว้ก่อน อย่าพึ่งให้ไปเลย เอาไว้เวลานั้นเวลานี้ก็ได้ หรือเราจะแสดงให้คนได้เข้าใจเฉพาะบางที่บางแห่ง ก็ไม่สมควร เพราะใครจะรู้ว่าต่อไปจะมีชีวิตอยู่หรือเปล่า แต่ควรให้ทันทีเท่าที่สามารถจะให้ได้ ตามกำลังของปัญญา
~ ต้องอาศัยกาลเวลาในการอบรมเจริญปัญญา เพื่อที่จะขัดเกลากิเลส เมื่อเห็นกิเลสมากเท่าไร ก็รู้ว่าจะต้องอาศัยกาลเวลานานมากทีเดียว กว่าที่จะขัดเกลากิเลสนั้นๆ ได้ โดยที่ไม่ขาดการฟังพระธรรม และไม่ขาดการที่จะพิจารณาตนเอง เพราะเหตุว่า พระธรรมที่ได้ฟังทั้งหมด เป็นเรื่องของการอบรมเจริญปัญญา และการขัดเกลากิเลสทั้งสิ้น
~ เกิดมาก็มีชีวิตอยู่ไม่นาน ประโยชน์ที่ประเสริฐที่สุดคือเมื่อเข้าใจธรรมและทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ด้วย
~ ถ้าทุกคนมีความเข้าใจในความดีและทำดี ไม่ต้องกลัวอะไรเลย.
* * ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ * *
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๔๗
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
กราบบูชาคุณพระรัตนตรัยด้วยการศึกษาพระธรรมด้วยดีและเคารพยิ่ง
กราบอนุโมทนาคุณความดีที่เกื้อกูลให้เกิดความเข้าใจถูกต้องตามความเป็นจริงค่ะ