ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๕๕
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
* * ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๕๕ * *
~ พุทธบริษัท ขณะนี้เหลือเพียง ๓ คือ ภิกษุ อุบาสก และ อุบาสิกา ไม่ว่าจะเป็นใครก็ควรที่จะได้ฟังได้ศึกษาพระธรรม แม้แต่การเป็นอุบาสกอุบาสิกาก็ไม่ใช่ง่ายๆ เพราะต้องเป็นผู้ที่เข้าไปนั่งใกล้พระรัตนตรัย มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่่ง เข้าใกล้พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง
~ ใครอยู่ในวัดวาอาราม ใครอยู่ในสถานที่นั้น? ต้องเป็นผู้ที่มีศรัทธา มีปัญญา ได้ฟังพระธรรม รู้อัธยาศัยที่จะอบรมเจริญปัญญาในเพศที่สละอาคารบ้านเรือน เป็นบรรพชิต
~ บวชเพื่อเข้าใจพระธรรม เพื่อขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิต ถ้าไม่ใช่เพื่อเข้าใจพระธรรม การบวชไม่มีประโยชน์เลย เพราะเหตุว่าการบวชเพื่อขัดเกลากิเลสด้วยความเข้าใจพระธรรม ถ้าไม่มีความเข้าใจพระธรรม จะเอาอะไรมาขัดเกลากิเลส เอาความไม่รู้มาขัดเกลากิเลสไม่ได้ ที่จะขัดเกลากิเลสได้ ก็ต้องด้วยความเข้าใจพระธรรม
~ โอกาสที่ประเสริฐ ไม่ว่าจะเป็นใคร วัยใด คือ โอกาสที่ได้ฟังพระธรรม
~ พระธรรมแต่ละคำที่แต่ละคนได้ยินได้ฟังนี้ มาจากการบำเพ็ญพระบารมี (คุณความดีที่ทำให้ถึงฝั่งของการดับกิเลส) นานแสนนานของผู้ที่จะได้ทรงตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ละคำคือพระมหากรุณาคุณตั้งแต่ครั้งทรงบำเพ็ญพระบารมีเป็นพระโพธิสัตว์จนกระทั่งได้ทรงตรัสรู้ มีค่ามากสำหรับที่จะทำให้คนอื่นได้มีความเข้าใจจริงๆ ในเรื่องของกรรม ในการเห็นโทษของอกุศล ในเรื่องของการละชั่ว ทำความดีให้ถึงพร้อม และชำระจิตให้บริสุทธิ์หมดจดจากอกุศล เป็นต้น ถ้าไม่มีการตรัสรู้ของพระองค์ ก็จะไม่ได้ยินแม้แต่คำว่า ธรรม
~ ถ้าใครเข้าใจพระธรรม ก็เป็นประโยชน์ตรงนั้นกับเขา ถ้าเข้าใจกันหมดมากขึ้นๆ ก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป (ในทางที่ดี) อย่างเวลานี้คนก็ไม่ให้เงินทองแก่พระภิกษุ เพิ่มขึ้นแล้ว เพราะความเข้าใจที่ถูกต้อง ค่อยๆ เข้าใจขึ้น เขาก็ทำตามความเข้าใจของเขา เพราะเขารู้ว่าเขาไม่ได้ทำผิด แล้วเขาก็ทำในสิ่งที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ด้วย
~ ชีวิตจะดีขึ้น เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ด้วยอะไร? ถ้าไม่ใช่เพราะปัญญาที่ค่อยๆ เจริญขึ้น
~ ชีวิตเกิดมาเพื่ออะไร? ไม่ใช่กิน นอน ติดข้อง ซึ่งเป็นชีวิตประจำวัน แต่เพื่อที่จะได้รู้ความจริงได้ถึงการหลุดพ้นจากความไม่รู้และกิเลสทั้งหลาย
~ ลาภอันประเสริฐที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้ทุกคนที่ฟังธรรม ก็คือความเห็นถูกความเข้าใจถูก ในขณะที่เห็นถูกเข้าใจถูกนั้น สงบจากความไม่รู้และจากความเข้าใจผิด
~ มีตำแหน่งดีๆ แต่ความประพฤติไม่ดี มีใครสรรเสริญ มีใครเคารพยกย่องหรือเปล่า? เพราะฉะนั้น สิ่งที่ควรแก่การยกย่องสรรเสริญจริงๆ ต้องเป็นคุณความดี
~ โรคริษยาน่าเกลียดไหม? อยู่ดีๆ แท้ๆ ก็ไปเที่ยวริษยาอะไรก็ไม่รู้ ทนไม่ได้ที่จะเห็นสิ่งที่ดีงามแต่ว่าเป็นของคนอื่นไม่ใช่ของเรา นี่ก็คือ ไม่ได้มีการเห็นโทษของอกุศลเลย แต่พระธรรมจะชี้ให้เห็นตามความเป็นจริงว่าอกุศลเป็นอกุศล แยบยลหลากหลายและละเอียดมากด้วย ยากที่จะรู้ได้ แต่ปัญญาก็ยังสามารถที่จะรู้ทุกอย่างถูกต้องตามความเป็นจริงได้
~ การช่วยเหลือสงเคราะห์บุคคลอื่นแม้เล็กน้อย ขณะนั้นก็เป็นกุศลจิต มีมือมีเท้าที่จะทำกุศลในขณะนั้น
~ ขณะใดที่เป็นอกุศล ทั้งหมด เดือดร้อน
~ เมื่ออกุศลของตนเองมี จึงเดือดร้อนเมื่อเห็นอกุศลของคนอื่น เพราะฉะนั้น ก็บวกไปบวกมาหลายเท่า เพิ่มไปเพิ่มมาอยู่เรื่อยๆ
~ รู้ความจริง เข้าใจความถูกต้อง ก็จะมีชีวิตที่เป็นประโยชน์ในที่ทุกสถาน
~ ธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงนั้น ไม่มีใครเป็นเจ้าของ ไม่ใช่ของใคร เกิดเพราะเหตุปัจจัยแล้วดับไป แล้วใครจะเป็นเจ้าของได้
~ ความทุกข์ ความเจ็บ ทุกอย่างที่ไม่น่าปรารถนา มาจากเหตุที่ไม่ดีเท่านั้น
~ ชาตินี้ชัดเจน กุศลกรรมเกิดเมื่อไหร่ก็เป็นที่พึ่งอาศัยได้ว่าจะไม่ไปสู่อบายภูมิ แต่ถ้าอกุศลกรรมหรืออกุศลจิต มีมากๆ ใครก็ช่วยไม่ได้
~ ที่ว่าทำดีมาตลอด ทำเท่าไรก็ไม่พอ ความดีที่คิดว่าทำมามากเท่าไรก็ยังไม่พอ เพราะเหตุว่าอกุศลจิตยังมีโอกาสที่จะเกิดอยู่เรื่อยๆ แล้วทำไมจะคิดถึงความดีในปัจจุบันชาติ ความไม่ดีในอดีตลืมเสียแล้วหรือว่าเคยมีหรือเปล่า?
~ เมื่อได้ฟังธรรมรู้ว่าอกุศลกรรมเป็นสิ่งที่ไม่ดีแล้วจะกระทำหรือไม่? ถ้ากระทำอกุศลกรรม แสดงว่านั่นไม่ใช่ปัญญา เพราะขณะที่กระทำอกุศลกรรม จะเป็นปัญญาไม่ได้
~ ความเข้าใจพระธรรม รักษาให้พ้นจากความทุกข์ทั้งปวง ความเข้าใจในขณะนี้ ก็เพิ่มพูนมาจากการได้เข้าใจทีละเล็กทีละน้อย
~ มั่นคงในเรื่องกรรมและผลของกรรม เพราะเป็นธรรมจริงๆ ถ้าเหตุดี ผลก็ต้องดี เหตุไม่ดี ผลก็ต้องไม่ดี แล้วมั่นคงในการที่จะทำความดีด้วยเพราะว่า เชื่อเรื่องกรรมแล้ว จะทำชั่วไหม?
~ เมื่อถึงคราวที่จุติจิตจะเกิดขึ้นเคลื่อนจากความเป็นบุคคลนี้ (ตาย) ก็เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย มีเงินทองมากมายมหาศาล หรือจะมีแพทย์สักกี่คน ก็ไม่สามารถทำให้ไม่ตายได้ และเมื่อสิ้นสุดความเป็นบุคคลนี้แล้ว จะไม่สามารถย้อนกลับมาเป็นบุคคลนี้ได้อีกเลย
~ มั่นคงในการทำความดี ไม่กลัวอะไรเลยทั้งสิ้น ปัญญาและความดี จะกลัวอะไร? เพราะฉะนั้น ก็ทำทุกอย่าง เต็มที่เต็มความสามารถที่จะเป็นประโยชน์
* * ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ * *
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๕๔
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
โอกาสที่ประเสริฐ ไม่ว่าจะเป็นใคร วัยใด คือ โอกาสที่ได้ฟังพระธรรม
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ