บันทึกเรื่องราวที่น่าสนใจ ของคุณณิชชารีย์ อริยทวีธีรพร (คุณเจี๊ยบ) สมาชิกชมรมบ้านธัมมะ ลำดับที่ ๓๘๕๐

 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่  13 มิ.ย. 2563
หมายเลข  31942
อ่าน  2,137

อันเนื่องมาจากการเผยแพร่ คลิปเสียงบันทึกการสนทนาพร้อมภาพถ่ายในอิริยาบถต่างๆ ขณะศึกษาพระธรรมอยู่ที่บ้านและโรงพยาบาลของคุณจอห์น (John Lloyd Griffiths) ชาวออสเตรเลียผู้ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายในยูทูป ระหว่างท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ประธานกรรมการมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา กับ คุณณิชชารีย์ อริยทวีธีรพร (เจี๊ยบ) จากการสนทนาธรรมออนไลน์ (สด) ของกลุ่มสนทนาธรรมออนไลน์บ้านธัมมะลำพูน เมื่อช่วงบ่ายของวันเสาร์ที่ ๓๐ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓ ที่ผ่านมา โดยคุณณิชชารีย์ อริยทวีธีรพร (คุณเจี๊ยบ) ภรรยาชาวไทยของคุณจอห์น (John Lloyd Griffiths) ชาวออสเตรเลีย ได้โทรศัพท์เข้ามาจากประเทศออสเตรเลีย ตามความประสงค์ของคุณจอห์น ที่อยากจะขอโอกาสสักครั้งหนึ่งในชีวิตแสดงความเคารพและขอบพระคุณท่านอาจารย์ จากการที่ได้ฟังและเข้าใจพระธรมที่ท่านอาจารย์บรรยาย ซึ่งคุณจอห์นได้กราบขอบพระคุณและเรียนสนทนากับท่านอาจารย์ในเรื่องของการที่ได้พบและศึกษาพระธรรม ตลอดจนข้อสงสัยและคำถามของคุณจอห์น ซึ่งขณะนี้กำลังป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย ในเรื่องของคำว่า "ตายก่อนตาย" ซึ่งได้ถอดความการสนทนาดังกล่าวลงไว้โดยละเอียดในกระทู้ ณ กาลครั้งหนึ่ง.....กับเรื่องราวของ คุณ John Lloyd Griffiths ผู้ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย แล้ว ท่านที่สนใจสามารถคลิกอ่านได้ตามลิงค์ที่แนบไว้ตอนท้ายของกระทู้

การได้รับฟังการสนทนาออนไลน์ดังกล่าว ทำให้ได้ทราบถึงเรื่องราวความเป็นมาในชีวิตของสามีภรรยาคู่หนึ่ง ที่แม้จะมีปัญหามากมายใหญ่หลวงที่เกิดขึ้นในชีวิตสักเพียงไหนก็ตาม แต่เพราะบุญที่ได้เคยสะสมไว้แต่ชาติปางก่อน ทำให้ทั้งสองท่านได้พบกับพระธรรม เฉพาะอย่างยิ่ง กับคุณจอห์น ชาวออสเตรเลีย ที่กำลังป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย แต่มีกำลังใจที่ดีมาก ทั้งอาจหาญร่าเริงอยู่เป็นนิตย์ แม้ในช่วงเวลาที่วิกฤตที่สุดของชีวิตในขณะนี้ เพราะความเข้าใจที่เกิดขึ้นจากการที่ได้พบและฟังพระธรรมเมื่อราวสี่ปีที่แล้ว เรื่องราวของคุณจอห์น ทำให้คนที่ได้ยินได้ฟัง ตระหนักและซาบซึ้ง ถึงคุณค่าและความอัศจรรย์ของพระธรรม (ธรรมเตชะ-ธรรมเดช) อย่างที่ผู้ที่ไม่สนใจ ไม่เข้าใจ ไม่ใส่ใจที่จะฟัง ไม่มีทางเลยที่จะมีโอกาสได้รับรู้ความอัศจรรย์ของพระธรรมนี้ได้ ประโยชน์อะไรกับชีวิตทั้งชีวิตที่ผ่านมา ที่มีโอกาสเกิดมาเป็นมนุษย์เพียงเพราะผลของกุศลกรรมหนึ่ง ซึ่งจะหมดไปอย่างไร้สาระและไร้คุณค่า แล้วอีกชาติหนึ่งก็ผ่านไป พร้อมกับการสะสมอกุศลมากมายเพราะความไม่รู้ หนทางข้างหน้าในสังสารวัฏฏ์ยาวนานของบุคคลนั้น ก็ย่อมจะเต็มไปด้วยความทุกข์ยากแสนสาหัส เต็มไปด้วยความปริเทวนาการ พร่ำบ่นอยู่ด้วยความไม่รู้ ว่าทำไมตนจึงมีแต่เรื่องราวที่ทำให้เกิดความทุกข์ยาก ความเดือดร้อนใจอยู่เป็นนิตย์ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เกิดมายากจนขัดสนหรือร่ำรวยเงินทองมากมายล้นฟ้าก็ตาม หารู้ไม่ว่า ก็เพราะเหตุที่ตนนั้นเองประกอบแต่อกุศลกรรมเนืองๆ มาในอดีต แม้ปัจจุบันขณะนี้ เพราะความไม่รู้ ไม่เข้าใจความจริงของสิ่งที่มีจริงๆ ในชีวิต จากการที่แม้จะเกิดในสมัยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ ทรงตรัสรู้และทรงแสดงพระธรรมให้เข้าใจ แต่ไม่เคยสนใจที่จะฟังและเข้าใจความจริง ดังคำกล่าวว่า เพราะบุญแต่ปางก่อน นั้นเลย แม้ชาตินี้ ได้มีโอกาสที่มีค่ายิ่งกับอัตภาพความเป็นมนุษย์แล้ว และพระศาสนาคือพระธรรมคำสอนที่ถูกต้องก็ยังคงอยู่ ทั้งยังมีผู้ที่ศึกษาเข้าใจในคำสอน ที่สามารถชี้แจง แสดง ความละเอียดของพระธรรมอันลึกซึ้งและยากยิ่งนั้น ให้เราพอที่จะเข้าใจได้ หากยังเป็นผู้ที่ละเลยโอกาสที่หาได้ยากเช่นว่านั้นอีก เช่นนี้แล้ว ย่อมจะต้องเป็นผู้ประสบกับความทุกข์ยากแสนสาหัสต่อไปสักเพียงไหนในสังสารวัฏฏ์ ก็เพราะใครเล่าที่เป็นผู้ที่ทำเหตุนั้นไว้?

ทั้งนี้ ได้มีการเผยแพร่ คลิปยูทูปที่บันทึกเสียงสนทนาประกอบภาพถ่ายในอิริยาบถต่างๆ ของคุณจอห์น ที่คุณเจี๊ยบส่งมา สำหรับท่านที่สนใจ ให้ได้ชมและฟังไปแล้วทางยูทูป ท่านสามารถติดตามชมและฟังได้ตามลิงค์ที่แนบไว้ในตอนท้ายของกระทู้นี้

และเพื่อความสมบูรณ์ขึ้นของเรื่องราวที่น่าสนใจดังกล่าว จึงขอนำบันทึกที่คุณณิชชารีย์ อริยทวีธีรพร (เจี๊ยบ) สมาชิกชมรมบ้านธัมมะ ลำดับที่ ๓๘๕๐ เขียนขึ้น มาบันทึกไว้เพื่อท่านที่สนใจศึกษาถึงเรื่องราวของทั้งสองท่านดังกล่าว อันอาจเป็นประโยชน์เกื้อกูลต่อความเข้าใจขึ้นของแต่ละบุคคล ในธรรมที่ทรงแสดงไว้ ตามควรแก่กาล ดังนี้.....

".....ณ. ช่วงเวลาหนึ่ง..ของความเป็นบุคคลนี้ ที่ชื่อว่า ณิชชารีย์ อริยทวีธีรพร (เจี๊ยบ) ที่หลงทาง วนเวียนกับความมืดบอดสนิท มาจนอายุ ๕๓ ปี ในปีนี้ (ปี ๒๕๖๓) ได้พบรักและแต่งงานมา ๑๙ ปี กับ Khun John Lloyd Griffiths ปัจจุบันอายุ ๗๔ ปี ที่ออสเตรเลีย เพราะชอบคุยเรื่องสมาธิ และชวนกันนั่งสมาธิช่วง ๒ ปีแรกกับบุคคลที่เคารพรัก เราทั้งคู่ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยได้ยินพระธรรมคำจริงที่ถูกต้องคืออย่างไรเลย บอดชวนบอด ให้บอดสนิท มืดมิดมากขึ้น ก็ชวนกันทำสิ่งที่ผิด แต่เพราะคุณจอห์นมีความสนใจในสมาธิเป็นพื้นฐานที่เคยปฏิบัติ ในสถานที่ปฏิบัติธรรมที่แห่งหนึ่ง ๒ ครั้ง ก่อนจะมาพบคบหาดูใจ เรียนรู้กันก่อน ๒ ปี จึงเป็นเหตุให้คุณจอห์น ปิดธุรกิจค้าส่งจิวเวลรี่ และ ค้าของเก่าโบราณ เพียงเพราะสนใจอยากนั่งสมาธิ แต่ก็ต้องหารายได้ดำรงชีพ ในช่วงจังหวะปี ๒๐๐๘ ได้ลงทุนเปิดบริษัท เพียง ๖ เดือน ก็โดนโกง..หมดตัว แต่คุณจอห์นไม่เอาผิด ไม่เรียกร้องคนที่โกงเพื่อเข้าคุกใดๆ ยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น

หลังจากธุรกิจล้มละลาย ขายทรัพย์สินสมบัติใช้หนี้ จึงกลับไปอยู่ที่เมืองไทยได้ ๔ ปีกว่าจนปี ๒๐๑๒ ตรวจเจอมะเร็งระยะสุดท้าย รักษาที่โรงพยาบาลเอกชน ทนค่ารักษาที่สูงมากไม่ไหว เพราะไม่สามารถทำงานได้ เจี๊ยบต้องหยุดงานทุกอย่างเพื่อมาดูแล...จึงตัดสินใจกลับมาตายที่บ้านเกิด Adelaide ในปี ๒๐๑๓ ทันทีที่มาถึง ก็เข้ารักษาตัวที่ สถานพยาบาลผู้ป่วยระยะสุดท้าย เพราะอาการทรุดหนัก มีการคาดว่าอาจจะอยู่ได้ ไม่เกิน ๖ อาทิตย์ ร่างกายตอบสนองการรักษาดี จึงฟื้นขึ้นมาได้ จากประมาณ ๓ อาทิตย์ คำแรกที่คุณจอห์นถามหาคือ ขอให้อ่านพระไตรปิฏก ให้ฟังหน่อยได้ไหม.. เจี๊ยบงุนงง กับคำถาม คุณจอห์น แกย้ำว่าอ่านเถอะ ภาษาไทยก็จะฟัง..คุณจอห์นฟังภาษาไทยไม่เข้าใจ ทำไมจะฟังล่ะ..ก่อนจะมาออสเตรเลีย มีบุคคลท่านหนึ่งแนะนำว่าควรศึกษาพระไตรปิฏก เพราะว่าถ้าขืนนั่งสมาธิต่อไป จะเป็นบ้าได้ แต่ไม่บอกว่าศึกษาอย่างไร แค่บอกให้อ่านเท่านั้น คงเป็นความทรงจำของคุณจอห์น ที่ระลึกได้ถึง คำว่า พระไตรปิฏก

พอออกจากโรงพยาบาลไม่นานก็ร้องขออ่าน (พระไตรปิฎก) ฉบับภาษาอังกฤษ ก็ได้เริ่มอ่านเล่มแรก ๓ วัน ทั้งอาเจียน ทั้งถ่ายเป็นเลือด เข้าโรงพยาบาล เป็นแบบนี้ ๓ ครั้ง และเลิกอ่านไป ๘ เดือน สุดท้ายก็กลับมาอ่านจนจบ ๕๗ เล่ม ระหว่างที่อ่านไป มีน้ำตาคลอในเรื่องราว ต่างๆ จนได้มาพบพระธรรมคำจริง จากการฟังท่านอาจารย์สุจินต์ พร้อมกับอ่านไปด้วย... สรุปคือ ไม่เข้าใจสิ่งที่อ่าน การได้เริ่มต้น อ่านหนังสือภาษาอังกฤษเท่าที่ได้มาจาก มศพ. อ่านผ่านเว็บไซต์ ฟังธรรมจากยูทูป.....จากบทสนทนา สถานที่ต่างๆ ทำให้ คุณจอห์น ใส่ใจค้นหาคำตอบ ทั้งๆ ที่ไม่เข้าใจ

ย้อนมาที่จุดเริ่มต้น...ในชีวิตนี้ ครั้งแรกที่เจี๊ยบได้ยินเสียง "คำจริง" จากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ผ่านสื่อออนไลน์เพียง ๗ นาที กับคำว่า "พระรัตนตรัยที่ถูกต้อง เป็นอย่างไร?" เมื่อประมาณปลายปี ๒๐๑๕ แล้วไม่ได้ฟังอีก จนมาเจอ คลิปสั้นๆ ภิกษุมีเงินเดือนผิดไหม..จึงเริ่มฟังพระธรรมคำจริง...เพียงเริ่มต้นว่า ธรรมะ คือ อะไร? ความต่างระหว่าง "พระธรรม" กับ "ธรรมะ" ต่างกันตรงไหน? อย่างไร? ตอบไม่ได้ ไม่เข้าใจเลยค่ะ

ช่วงระหว่างทำหน้าที่ดูแลคุณจอห์น ที่รักษาตามกระบวนการของทีมแพทย์ Palliative Care (แผนกดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย) เพราะว่าเชื้อมะเร็งเริ่มกระจาย ลุกลามไปที่กระดูกมากขึ้น ที่ต่อมหมวกไต และ ตับอ่อน...ในปี ๒๐๑๖ ร่างกายเริ่มอ่อนล้ากับ คีโม และ ฉายแสง

ซึ่งก็เป็นช่วงเวลาที่ประจวบเหมาะ สมกับเหตุที่ได้ฟังพระธรรมคำจริง จากคลิปสั้นๆ ทำให้สนใจ ใคร่รู้ ต่อไปอีก..ถึงรายละเอียดของพระธรรมยิ่งๆ ขึ้น..ได้ยินคำว่า....."เพียงสิ่งที่ปรากฏ" สะเทือนกระแทกใจอย่างแรง...อาการคล้ายครึ่งหลับครึ่งตื่น ไม่เข้าใจ แต่โดนใจอย่างจัง จึงได้แนะนำให้คุณจอห์น ได้มีโอกาสฟังตาม...ภาษาไทยยังไม่เข้าใจ มาฟังภาษาอังกฤษยิ่งยากกว่า เพราะจำเป็นในการชวนกันคุยเรื่องธรรมะที่ได้ฟังไปด้วยกัน (ขณะนั้นคุณจอห์นพอได้ยิน) ทั้งฟัง ทั้งรักษาตัว เข้า-ออก โรงพยาบาลเป็นปกติประจำ แต่ก็ไม่มีความเข้าใจอะไรเลย แต่ยิ่งฟังก็ยิ่งตื่นตัว.....ขวนขวายที่จะฟังต่อ

จึงเป็นเหตุให้ มีความตั้งใจ ใฝ่ในการฟังต่อเนื่อง..อย่างจริงจัง..แต่แล้วก็มีมูลเหตุ ที่ไม่สามารถคาดเดาเกิดขึ้น wifi ใช้ไม่ได้ แม้ติดต่อบริษัท ก็หาสาเหตุไม่พบ..ต้องรอการเชื่อม wifi นาน ๑๐ - ๑๔ วัน ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ รอไม่ได้..เป็นเรื่องเร่งด่วนมาก ร้อนรนใจ จึงชักชวนคุณจอห์น ไปนั่งฟังธรรมกันที่ ร้านกาแฟ ที่มี wifi ไปตั้งแต่เที่ยงถึงเย็นทุกวัน ซึ่งคุณจอห์นมีความสนใจพระธรรมพอสมควรจากพระไตรปิฏก แต่ไม่เข้าใจว่า ธรรมะ คือ อะไร..ที่คุณจอห์นสนใจฟังตามคำแนะนำ เพราะอยากพิสูจน์ด้วยตัวเอง..

ขณะนั้น ในใจเจี๊ยบไม่อยากพลาดโอกาส ที่จะค้นหา แสวงหาคำจริง ว่าจริงอย่างไร? ทำไมจริง? จริงเพราะอะไร? จริงจากที่ไหน..? จริงเมื่อไร..? จากคำจริง "เพียงสิ่งที่ปรากฏ" ขณะที่ฟัง เหมือนจะลืมหายใจ เพราะจดจ่อ ด้วยความอยากรู้ ความทะยานอยากแรงกล้า..ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ..ทำไงดี ปรึกษาใครดี คุยกับใครได้บ้าง..ฟังไปเรื่อยๆ ตามที่ท่านอาจารย์กล่าวเสมอ สรุปว่า ได้คุยกับคุณจอห์น ตามประสาคนไม่รู้กับคนไม่รู้คุยกัน เพราะมีกัน ๒ คน การฟังพระธรรมไม่มีที่สิ้นสุด..จริงๆ ค่ะ

เมื่อเริ่มมั่นใจว่าเป็นหนทางที่ถูกต้องแน่ๆ หนักแน่นในคำจริง เพียงคำเดียว จึงติดต่อไปที่ มศพ.ได้รับคำแนะนำจากสหายธรรมที่ มศพ. ส่งหนังสือภาษาอังกฤษให้คุณจอห์น และมีโอกาสได้ติดต่อขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากพี่สหายธรรมที่เคารพ ผู้ที่เกื้อกูล หนังสือ เสื้อสีดำ ที่มีคำจริง และกระเป๋า คุณจอห์นใส่เสื้อ ถือกระเป๋าไปข้างนอกทุกครั้ง.. ไปนั่งอ่าน หนังสือที่ร้านกาแฟ เป็นประจำ...

ขณะที่รักษาตัวและฟังธรรมไปพร้อมๆ กัน ในใจคิดถึง ควรที่จะมุ่งประโยชน์สูงสุดกับคุณจอห์น เป็นที่ตั้ง เพราะเวลา ที่เหลืออยู่น้อยมาก..จากปี ๒๐๑๖ จนถึงปัจจุบัน ๒๐๒๐ ในช่วงเวลา ๔ ปีที่ผ่านมา อาการของคุณจอห์นทรุดหนักลงเรื่อยๆ แต่ก็ไม่ทิ้งการศึกษาพระธรรม คำจริง ตามกำลังกายใจ เท่าที่สามารถพึงกระทำได้

อาการรุนแรงมาก ช่วงเดือนกรกฎาคม ๒๐๑๙ ผลสแกน มะเร็งลามไป ที่ตับขยายใหญ่ ที่ปอด ที่สมอง (๘ ซม.) คุณหมอหยุดการรักษา ประคองตัวด้วยยาลดอาการปวดทรมาน มีผลข้างเคียงพอควร จนขณะนี้ คุณจอห์นเดินไม่ได้มาก.. ติดเตียงเกือบ ๑๐๐% มีอาการชักกระตุกแบบลมชัก..บางช่วงเวลา ล้มกระแทกผนังบ้าง พื้นบ้าง รถเข็นบ้าง ไม่เคยให้เรียกรถพยาบาล บอกว่าเดี๋ยวก็ดีขึ้น..หลายครั้งคุณหมอลงความเห็นไม่ให้กลับบ้าน คือ ให้นอนรอการจากไป..ที่สถานพยาบาลจะดีกว่าที่บ้าน...คุณจอห์นตัดสินใจทำเรื่องตามกฎหมาย ขอตายที่บ้าน.. เพียงได้มีโอกาสได้อยู่ใกล้กัน คุยธรรมกันบ้าง นี่คือ เหตุผล

สิ่งที่ประทับใจสุดซึ้ง ในระหว่างที่อยู่โรงพยาบาล จะเจอพระภิกษุมาสวดมนต์ ที่ห้องตรงข้าม ให้ผู้หญิงเอเซียที่นอนป่วยไม่รู้สึกตัว เวลาช่วงเย็นทุกวัน..คุณจอห์นจึงเรียกมาคุยที่ห้อง พระภิกษุเข้าใจผิดว่าจะมาขอให้สวดให้ตายอย่างสงบ..จะได้ไปดี..คุณจอห์น ได้เจริญคุณความดีของพระธรรม ด้วยการชี้แนะว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ได้สอนบอกให้สวดมนต์แบบนี้ ผิดเป็นอาบัติ..มีโทษมาก..ควรศึกษาตามพระไตรปิฏก รู้จักไหม แบบนี้ คุณจอห์น หยิบให้ดู เล่มสีแดง อย่างนี้

เจี๊ยบ..กลัวมีเรื่องเข้าใจผิดในโรงพยาบาล พูดเสียงดัง จึงเดินหนีห่าง เพราะไม่มั่นคงในพระธรรม กล่าวคำจริง เหมือนที่คุณจอห์นกำลังกล่าวต่อพระรูปนั้น.. ละอายใจมาก ได้แต่อนุโมทนาในกุศลจิต กุศลเจตนา คุณจอห์นอย่างยิ่ง.. พระภิกษุท่านอายมาก เดินจากไป.. ญาติผู้ที่มาเฝ้าเข้ามาถาม เกิดอะไรขึ้น ทำไมไม่ให้พระสวด...ล่ะ ต้องรีบยุติบทสนทนาด้วยบอกว่า ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ...

ตอกย้ำในใจเจี๊ยบว่า นี่คือ คนป่วยหนักขนาดนี้ ยังมีความมั่นคง ในความเป็นผู้ตรง ในพระธรรม คำจริง อย่างแน่วแน่ ไม่สั่นคลอน แล้วเราล่ะ...ทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องนี้ น้ำตาไหลทุกครั้ง..เป็นความประทับใจ ที่สมควรเอาเยี่ยงอย่าง แท้จริง..

เคยคิดพิจารณาว่า..ความยากลำบากของคุณจอห์น ที่ศึกษาพระธรรม คำจริง จะยากกว่าเรามากแค่ไหน เช่น..
- เป็นผู้ป่วยหนัก กายที่เจ็บปวด
- เป็นชาวต่างชาติ..
- อายุก็มากแล้ว ตั้ง ๗๔ ปี
- ไม่เข้าใจภาษาไทยเลย..
- สูญเสียการได้ยิน..
- อ่านเทียบเคียงบาลี กับ พจนานุกรมอังกฤษ

เราน่าจะละอายใจ และตระหนักกับสิ่งที่เราได้เปรียบกว่าคุณจอห์น หลายด้านไหม ชีวิตปกติแต่ละวันของคุณจอห์นที่ได้ศึกษาพระธรรม แล้วยังมีจิตใจที่เอื้อเฟื้อ บอกกล่าวแนะนำผู้อื่นที่สนใจใฝ่ถามเรื่องพระธรรม กับบุคคลรอบข้างเป็นประจำ ด้วยการให้เว็บไซต์ หนังสือ เมื่อมีคนขอ..ทั้งคุณหมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่ เพื่อนๆ ผู้ที่พบเจอกัน..ทุกคนที่คุ้นเคย มักจะถามว่าเรียนไปถึงไหนแล้ว คุณจอห์นก็จะกล่าว ตามกำลังความเข้าใจของตัวเอง... สรุปทุกคน งง

เมื่อ ๔ พฤศจิกายน ๒๐๑๙ คุณหมอให้ทำใจ เพราะสมองบวม อาการทรุดหนัก จะมีชีวิตอยู่ได้เพียง ๑ เดือน หรือ มากสุด แค่ ๓ เดือน..คุณหมอให้เตรียมทุกอย่างเพื่อจัดงานศพ...

จากวันแรกที่ตรวจเจอมะเร็ง ๒ สิงหาคม ๒๐๑๒ ถึงปัจจุบัน ๒๐๒๐ เกือบ ๘ ปี ได้ศึกษาพระธรรม ที่ถูกต้อง ตรง ๔ ปีกว่า..ด้วยอาการป่วย พอ-อด พอ-ทน พอประคับประคอง ลุกขึ้นตื่นขึ้นมา ก็จะอ่าน พระธรรมคำจริง ตลอดเวลา คุณจอห์นใส่ใจอ่าน A Survey of Paramattha Dhammas

คำถามสุดฮิต จากคนรอบข้างคือ สิ่งใดที่ทำให้ you ไม่ตาย เกินการวินิจฉัยจากทีมแพทย์

คุณจอห์น มีความชัดเจน ตรงในตัวเองว่า เพราะ พระธรรมคำจริง..ที่ได้ศึกษา มีความเข้าใจตามกำลัง และ รู้ชัดว่า มีชีวิตที่เหลืออยู่ เพื่อการสะสมความเข้าใจถูก แม้จะเบาบางน้อยนิด..เพราะว่า ไม่มีอาการเครียดกับโรค ไม่คิดถึงตัวเองว่าป่วย มีสิ่งที่สำคัญยิ่งในชีวิตคือ ศึกษาพระธรรม เรื่องอื่นไม่มีสาระ..ไปเอง..

วลีเด็ด..ที่คุณจอห์นมักชอบกล่าวกับคนรอบข้าง (ขณะที่ มะเร็งยังไม่ลามไปที่สมอง)

- มะเร็ง ก็คือ มะเร็ง เป็นอย่างอื่นไม่ได้
- มะเร็งอยู่ส่วนมะเร็ง
- มะเร็งเป็นรูป..

บทสนทนาที่มักคุยกันบ่อยๆ คือ
- ตลอดทั้งวัน มีแต่ คิด กับ เรื่องที่คิด..แค่ไม่คิด ก็ไม่มีเรื่อง
- ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว คือสิ่งที่ลวง หลอก หลง
- มนุษย์ชอบสิ่งไม่จริง..สิ่งที่หลอกลวง แต่ไม่รู้ความจริง
- เห็น เพียงสี..อย่างไร
- ไม่มีเรา ไม่มีสิ่งใดเลย แล้วจะมีประโยชน์อะไร ตายแล้วเกิด..น่าใจหายเมื่อรู้ว่าไม่มีเรา...
- คิดถึงตัวเองให้น้อยลงอย่างไร
- สิ่งที่ไม่กลับมาอีก เป็นเพียงที่ระลึกถึง..ระลึกผิด หรือ ถูก
- แม้จะยังไม่เข้าใจ..ก็พูดตามที่จำได้ จากการฟัง จากการได้ยิน...

เมื่ออาการคุณจอห์นดีขึ้นบ้าง ในเวลา ๑ ปีกว่าที่ผ่านมา คุณจอห์นอยากเขียนจดหมายไปหาท่านอาจารย์ เพื่อกราบขอบพระคุณ แต่เจี๊ยบห้ามไว้ เพราะเกรงใจ ท่านอาจารย์พักรักษาตัวที่โรงพยาบาล จนกระทั่ง ๒ เดือนที่ผ่านมา ฟังธรรมสื่อออนไลน์ทุกวัน คุณจอห์นถาม..ฟังธรรมท่านอาจารย์บ่อยไหม..ฟังตามกาล คุณจอห์นบอกว่า ฉันเหนื่อยอ่อนล้ากายมาก ไม่สามารถจะอ่านพระธรรมได้เหมือนเดิม ไม่มีแรง ลืมทุกอย่างที่อ่าน ที่ฟัง คิดไม่ออก แต่ก็อยากจะคุยกับท่านอาจารย์สุจินต์ เพื่อกราบระลึกพระคุณ ที่ได้มีโอกาสฟังธรรมที่พอจะสะสมเข้าใจได้บ้าง แม้เพียงน้อยนิด.. เจี๊ยบบอกว่าฝากทางข้อความไปก็ได้.. จึงปรึกษาเจ้าหน้าที่ มศพ. แนะนำให้ขอคำแนะนำจากพี่สหายธรรม..ในวันเสาร์ที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๐๒๐ จึงได้สนทนากับท่านอาจารย์

เจี๊ยบเกรงใจ..ในกลุ่มไลน์ เพราะไม่ทราบข้อธรรมเนียมปฏิบัติในกลุ่มหมู่มาก ควรไม่ควรอย่างไร และคุณจอห์นมีความจำบกพร่อง มีการตอบสนองช้าลง สูญเสียการได้ยิน อาการเบลอๆ ที่สมอง อาการชักเป็นช่วงๆ จึงตัดสินใจแทน ว่าอย่าสนทนาเลย..แต่ก็มีมูลเหตุ..ให้ตัดสินใจสอบถาม

จากประสบการณ์ ๔ ปีกว่า ในการฟังพระธรรม คำจริง..แม้เพียงคำเดียว ประโยคเดียว บ่อยๆ ซ้ำๆ ด้วยการพิจารณา ไตร่ตรอง แต่ละครั้ง ความเข้าใจจะเพิ่มขึ้น ชัดขึ้น ทีละเล็กทีละน้อย ทุกครั้งที่ฟัง ในความละเอียด ลึกซึ้ง ที่ไม่ต้องทำอะไรเลย ไม่คาดหวัง

พระธรรม คำจริง ยิ่งฟัง ยิ่งไม่รู้ ยิ่งฟัง ยิ่งเห็นความไม่ดีของตัวเองมากขึ้น ละเอียดขึ้น และเห็นความเป็นตัวตน ที่หยาบขึ้น มากขึ้น ว่ามีตัวเรา ตัวตน ที่เข้าใจแล้ว จากเรื่องที่ฟัง..

การใช้ชีวิต ปกติธรรมดา ในชีวิตประจำวัน ของคุณจอห์น กับ เจี๊ยบ..คือ ทำหน้าที่ดูแลทุกอย่าง เต็มที่ เต็มกำลังกายใจ เสมือนว่า...เป็นวันสุดท้ายของคุณจอห์น ค่ะ

ตอนนี้ คุณจอห์นไม่สามารถศึกษาพระธรรมได้ การรับรู้ เรียนรู้ สะดุด ติดขัด เหนื่อยง่าย..แต่ก็คุยกันตามกำลังความพร้อมของคุณจอห์น..๑ คำ ๒ คำ..ย้ำถาม..แค่นี้..

ตราบใด จิตที่แล่นไป ๕ ขณะสุดท้ายยังไม่เกิด ก็ยังไม่สิ้นอายุขัย ยังไม่หมดกรรม จากความเป็น ตัวคุณจอห์น...ในชาตินี้...ก็ย่อมเป็นไป อย่างที่ต้องเป็นไป...มิอาจรู้ได้...เพียงพอเข้าใจ..ได้เท่านี้เอง..ตามที่ได้ฟัง..

ในที่สุด..กาล..ครั้งหนึ่ง ของชีวิต คุณจอห์น และ เจี๊ยบ ก็ได้มีโอกาสสนทนาธรรม กับท่านอาจารย์จริงๆ คุณจอห์น เจี๊ยบ ขอกราบแทบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ มา ณ ที่นี้ อย่างหาที่สุดประมาณไม่ได้ในสังสารวัฎฎ์ และ ขอขอบพระคุณพี่สหายธรรม เพื่อนสหายธรรมทุกท่าน และผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน ที่เปิดโอกาส ให้อนุเคราะห์ ช่วยเหลือให้มีวันที่ได้ฟังพระธรรม คำจริง โดยตรงจากท่านอาจารย์ ที่มีความเมตตาอย่างสูงยิ่ง สงเคราะห์ เกื้อกูล พระธรรมคำจริง.. "ตายก่อนตาย" อย่างไร? ที่ถูกต้อง ที่ควรเข้าใจ ตรงที่สุด ให้ได้พิจารณา ไตร่ตรอง ตามลำดับของการสะสมความเข้าใจต่อไป ยิ่งๆ ขึ้น ค่ะ

.........

ขอเชิญคลิกอ่านกระทู้ที่เกี่ยวข้องได้ที่นี่.....

- ณ กาลครั้งหนึ่ง.....กับเรื่องราวของ คุณ John Lloyd Griffiths ผู้ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย

- ความตาย ๓ อย่าง


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
tax_lawyer1997
วันที่ 13 มิ.ย. 2563

ขออนุโมทนาสาธุครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
lokiya
วันที่ 13 มิ.ย. 2563

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
Sam
วันที่ 14 มิ.ย. 2563

อนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Nataya
วันที่ 14 มิ.ย. 2563

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่ 14 มิ.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
chatchai.k
วันที่ 14 มิ.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
พัชรีรัศม์
วันที่ 14 มิ.ย. 2563

อนุโมทนาสาธุๆ ๆ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
นิตยา
วันที่ 14 มิ.ย. 2563

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
siraya
วันที่ 16 มิ.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
chvj
วันที่ 17 มิ.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
ศุภมิตร
วันที่ 18 มิ.ย. 2563

กราบอนุโมทนา บูชาคุณท่านอ.สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ทุกๆ ความดีที่บ้านธัมมะ มศพ

สาธุ สาธุ สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
Kalaya
วันที่ 1 ก.พ. 2566

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ