ที่เกิดของจิตประเภทต่างๆในวิถีจิต
กราบเรียนถามอาจารย์วิทยากรเพื่อความเข้าใจครับ
ที่เกิดของจิตประเภทต่างๆ ในวิถีจิต ตั้งแต่ ปัญจทวาราวัชชนจิต/มโนทวาราวัชชนจิต ไปจนถึง ตทาลัมพจิต เกิดที่ใดบ้างครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สภาพธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย นั้น ไม่มีแม้แต่อย่างเดียวที่เกิดแล้วจะไม่ดับล้วนมีความดับไปเป็นธรรมด้วยกันทั้งนั้น จิต เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นสภาพธรรมที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์ เป็นสภาพธรรมที่สั้นแสนสั้น มีอายุเพียงแค่ขณะทีเกิดขึ้นขณะที่ตั้งอยู่และขณะที่ดับไปเท่านั้น เมื่อจิตขณะหนึ่งเกิดแล้วดับไปก็เป็นปัจจัยให้จิตขณะต่อไปเกิดสืบต่อ เมื่อกล่าวถึงจิตแล้ว ไม่ใช่ว่าจะต้องมีเฉพาะจิตเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ยังมีสภาพธรรมอีกประเภทที่เกิดร่วมกับจิต นั้นด้วย เมื่อเกิดร่วมกับจิต ก็ต้องรู้อารมณ์เดียวกันกับจิต ดับพร้อมกับจิต และในภูมิที่มีขันธ์ ๕ ก็ต้องอาศัยที่เกิดที่เดียวกันกับจิตด้วย สภาพธรรมที่กล่าวนั้น คือ เจตสิก
จิตและเจตสิก ไม่ได้สถิตย์อยู่ที่ไหน เพราะเกิดแล้วดับแล้ว และในขณะที่เกิดนั้นก็จะต้องมีที่อาศัยเกิดของจิตและเจตสิก ด้วย ที่เกิดของจิตและเจตสิก เรียกว่า วัตถุรูป มี ๖ รูป ได้แก่
จักขุวัตถุ เป็นที่เกิดของจักขุวิญญาณ (และเจตสิกที่เกิดร่วมด้วย)
โสตวัตถุ เป็นทีเกิดของโสตวิญญาณ (และเจตสิกที่เกิดร่วมด้วย)
ฆานวัตถุ เป็นที่เกิดของฆานวิญญาณ (และเจตสิกที่เกิดร่วมด้วย)
ชิวหาวัตถุ เป็นที่เกิดของชิวหาวิญญาณ (และเจตสิกที่เกิดร่วมด้วย)
กายวัตถุ เป็นที่เกิดของกายวิญญาณ (และเจตสิกที่เกิดร่วมด้วย)
จิตที่เหลือทั้งหมดนอกจากที่กล่าวมาแล้ว เกิดที่ หทยวัตถุ ทั้งหมด
จิตและเจตสิกจะเกิดที่อื่นไม่ได้ นอกจากเกิดที่วัตถุรูป ๖ รูป ตามสมควรแก่จิตประเภทนั้นๆ [ถ้าเป็นในอรูปพรหมภูมิไม่มีรูปธรรม มีเฉพาะนามธรรม จิตและเจตสิก อาศัยกันและกันเกิดขึ้น]
จิต เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย แล้วก็ดับไป ไม่เที่ยงไม่ยั่งยืน จิตขณะหนึ่งเกิดแล้วดับก็เป็นปัจจัยให้จิตขณะต่อไปเกิดสืบต่อทันที เป็นจริงอย่างนี้ และ มีจริงในชีวิตประจำวันด้วย ไม่เคยขาดจิตเลยแม้แต่ขณะเดียว มีจิตเกิดดับสืบต่อกันอยู่ตลอดเวลา ครับ
ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ
หทยรูปเป็นรูปซึ่งเป็นที่เกิดของจิต
ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
กราบขอบพระคุณและขอเรียนถามอาจารย์เพื่อความเข้าใจที่มั่นคงเพิ่มครับ
ในปัญจทวารวิถี: ปัญจทวาราวัชชนจิต (เกิดที่หทยวัตถุ) --> ทวิปัญจวิญญานจิต (เกิดที่วัตถุที่ปัญจทวาร) --> จากนั้นตั้งแต่ สัมปฏิจฉันนจิต สันตีรนจิต โวฏฐัพพนจิต ชวนจิต จนถึง ตทาลัมพนจิต ล้วนไปเกิดที่หทยวัตถุ แม้ว่าจะเป็นวิถีจิตทางตา/หู/จมูก/ลิ้น/กาย ใช่ไหมครับ
เรียนความเห็นที่ 5
จิตทุกขณะจะต้องเกิดที่รูปตามประเภทของจิตนั้นๆ คือ
จักขุวิญญาณ ทำกิจเห็น เกิดที่จักขุปสาทรูป
โสตวิญญาณ ทำกิจได้ยิน เกิดที่โสตปสาทรูป
ฆานวิญญาณ ทำกิจได้กลิ่น เกิดที่ฆานปสาทรูป
ชิวหาวิญญาณ ทำกิจลิ้มรส เกิดที่ชิวหาปสาทรูป
กายวิญญาณ ทำกิจรู้โผฏฐัพพะ (ธาตุดิน ไฟ ลม) เกิดที่กายปสาทรูป
จิตอื่นๆ นอกจากนี้เกิดที่ หทยรูป
ดังนั้น ปฏิสนธิจิต ภวังคจิต อาวัชชนจิต สัมปฏิจฉันนจิต สันตีรนจิต โวฏฐัพพนจิต ชวนจิต ตทาลัมพนจิต และ จุติจิต เกิดที่ หทยรูป ครับ
ขอเชิญคลิกอ่าน...
การได้ศึกษาพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ทำให้รู้ความจริง เข้าใจชีวิตที่เป็นไปว่า เกิดเพราะอะไร การคิด การพูด การกระทำ จะเป็นเหตุให้เกิดผลอย่างไรในอนาคต ถ้าไม่รู้ความจริง ก็เป็นไปกับความเห็นผิด ที่เกิดเพราะกิเลส มีความไม่รู้เป็นหัวหน้า ความเห็นผิดมีโทษมากมาย เช่น เห็นผิดว่ามีเรา เห็นผิดว่าทุกอย่างเที่ยง ยั่งยืน เห็นผิดว่าทุกอย่างเป็นสุข เห็นผิดว่าทุกอย่างน่าชื่นชม ผู้ที่สนใจที่จะรู้ความจริงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ก็ต้องมีเหตุที่ดีมาก่อน และเป็นโอกาสที่ประเสริฐในชาติที่เกิดมา
ขอยินดีในกุศลที่ประกอบด้วยปัญญา ผู้สนใจศึกษาพระธรรมเพื่อรู้ความจริงที่จะเป็นเหตุได้ค่อยๆ ออกห่างจากความเห็นผิดด้วย ค่ะ
ศึกษาเพิ่มเติมคลิ๊กที่ ..
มิจฉาทิฏฐิ ความเห็นผิดจากความเป็นจริงของธรรม
กราบอนุโมทนาขอบพระคุณทุกท่านด้วย ค่ะ