ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๘๑
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
* * ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๘๑ * *
~ ธรรมีกถา เป็นคำพูดเรื่องธรรม (สิ่งที่มีจริง) ไม่ได้พูดเรื่องอื่น แต่พูดเรื่องของสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ ให้เข้าใจว่าเป็นธรรมแต่ละหนึ่ง ซึ่งไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร
~ เมื่อไม่เข้าใจสิ่งที่มีจริง ก็คือ ไม่ใช่สาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่ผู้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ ทุกอย่างไม่ใช่เราทั้งหมด ฟังธรรม เพื่อให้เข้าใจถูกต้องตั้งแต่ขณะนี้ เพราะตายเย็นนี้ก็ได้
~ ฟังธรรมทีละคำ เพื่อเข้าใจสิ่งที่มีจริงๆ ทีละหนึ่ง มั่นคงขึ้น
~ จากไม่รู้อะไรเลยทั้งสิ้นในสังสารวัฏฏ์ถึงวันนี้ ถ้าไม่มีการได้พบ คือ ได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อะไรจะไปละกิเลส เพราะยังไม่รู้ว่ากิเลสอยู่ที่ไหน ไม่ได้อยู่ที่คนอื่นเลย แล้วถ้าฟังเผิน เข้าใจผิด ทำลายความถูกต้องหรือเปล่า เพราะเห็นผิด เพราะฉะนั้น จึงมีข้อความในพระไตรปิฎก (ขุททกนิกาย อุทาน พาหิยสูตร) ว่า "ผู้ที่เข้าใจผิด เห็นผิด พูดคำผิด เป็นผู้ทำลายพระสรีระของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า" ผู้ที่เข้าใจผิดแล้วก็กล่าวคำผิดจากที่พระองค์ตรัสไว้ ทำลายพระสรีระของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะพระสรีระของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ พระธรรมทุกคำที่ให้เห็นความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าไม่ได้ยินและไม่เข้าใจสักคำเดียว จะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือ พระพุทธรูปเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือเปล่า เห็นไหม? พระธรรมต่างหากที่เป็นพระสรีระของพระองค์
~ ถ้าเข้าใจจริงๆ จะทำสิ่งที่ถูกต้อง
~ ในเมื่อรู้ว่าไม่สามารถที่จะอยู่ในเพศบรรพชิตได้อีกต่อไป จะอยู่ไปทำไมเพื่อทำลายตนเองและทำลายผู้อื่นด้วย โดยการทำให้เขาเข้าใจผิดคิดว่านี่คือภิกษุ ในเมื่อทำผิดพระวินัย จะอยู่ต่อไปก็ยิ่งลำบาก เพราะยิ่งกระทำกรรมที่ไม่เคารพในพระธรรมวินัย
~ ใครนับถือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ต้องประพฤติตามที่พระองค์ตรัส เพราะได้เข้าใจถูกต้องในคุณของแต่ละคำ ไม่ว่าจะเป็นพระธรรมหรือพระวินัย เพื่อขัดเกลา เพื่อละกิเลส
~ ทั้งความอดทน ทั้งความเป็นผู้ว่าง่าย เป็นมงคลอันสูงสุด เป็นเหตุให้กระทำกุศลยิ่งๆ ขึ้น เพราะเหตุว่า ถ้าเป็นผู้ว่ายากหรือสอนยาก ก็ย่อมจะไม่รับฟังคำสอนและจะมีความขัดเคืองจะทำให้เมื่อโกรธแล้วก็ย่อมห่างเหินไป หรือว่าอาจจะจากไปตลอดชีวิต ซึ่งก็จะไม่เป็นเหตุให้ละคลายกิเลส เพราะเหตุว่า ไม่ยอมที่จะรู้จักอกุศลของตนเองและไม่เห็นความหวังดีของผู้ที่กล่าวสอนหรือพร่ำสอน
~ ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ทุกคนก็จะต้องรู้ความจริงว่า วันหนึ่งก็ต้องตายเหมือนคนอื่นๆ ซึ่งตายไปแล้ว เพียงแต่จะช้าหรือเร็วเท่านั้น แต่ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ควรที่จะได้พิจารณาว่าควรที่วันที่จะจากโลกนี้ไป จะจากไปด้วยปัญญาที่ได้อบรมจนกระทั่งเจริญขึ้น หรือ จะจากไปโดยไม่สนใจที่จะอบรมเจริญปัญญา? เพราะฉะนั้น ก็จากโลกนี้ไปด้วยความมัวเมา ติดข้อง เพลิดเพลินในลาภ ในยศ ในสักการะ ในสรรเสริญ ในสุข ซึ่งชั่วขณะจิตแล้วก็จะไม่ติดตามไปสู่โลกหน้าเลย
~ ทุกคนฟังพระธรรม เพื่อเข้าใจในเหตุในผล อกุศลเป็นอกุศล เป็นโทษ กุศลเป็นกุศล ไม่เป็นโทษ ถ้าเข้าใจอย่างนี้แล้วก็น้อมไปที่จะละอกุศล และเจริญกุศลยิ่งขึ้น ไม่ใช่ยังเป็นผู้ที่แข็งกระด้างว่ายาก ไม่ว่าพระธรรมจะว่าอย่างไร แต่ใจยังต้องการที่จะเป็นอกุศลต่อไปอีก ถ้าเป็นอย่างนั้นก็จะไม่ได้รับประโยชน์จากการฟังพระธรรม
~ ต้องศึกษาพระธรรม เป็นของที่แน่นอนที่สุดในการที่จะรักษาพระศาสนา ใครก็ตามที่เป็นห่วงพระพุทธศาสนาว่าจะเสื่อมสูญไม่ถึงรุ่นต่อๆ ไป มีทางเดียวที่จะไม่เสื่อมสูญได้ คือ ต้องศึกษาพระธรรม ถ้าจะรักษาโดยวิธีอื่นซึ่งไม่ใช่โดยการศึกษาและเข้าใจพระธรรมแล้ว เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลยที่พระสัทธรรมจะยั่งยืนต่อไป
~ เป็นประโยชน์ไหม ที่เกิดมาแล้วรู้ถูกต้องตามความเป็นจริงว่าสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ก็มี สิ่งที่เป็นประโยชน์ก็มี เพราะฉะนั้น สัจจะ ความจริง คือ สามารถที่จะเข้าใจตรงตามความเป็นจริง ว่า สิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ ไม่เป็นประโยชน์ สิ่งที่เป็นประโยชน์ เป็นประโยชน์ เพราะฉะนั้น การฟังธรรมแล้วเข้าใจ กับ การที่ไปนั่งปฏิบัติอะไรแต่ไม่เข้าใจเลย พิจารณาเองก่อน อะไรเป็นประโยชน์?
~ มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ที่ว่า พึ่ง นั้น ไม่ใช่พึ่งเพื่อลาภ ยศ สมบัติ ไม่ให้เจ็บป่วย ไม่ให้ตาย ไม่ใช่อย่างนั้นเลย แต่พึ่งให้เข้าใจถูกต้องซึ่งไม่สามารถที่จะเข้าใจด้วยตัวเอง เมื่อมีโอกาสในชาตินี้ ก็ฟังพระธรรม เพราะชาติต่อไปก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอะไรจะได้ฟังอีกหรือเปล่า คนที่ไม่ได้ฟังมีเยอะ แต่คนที่เริ่มเห็นประโยชน์ ก็จะฟังต่อไป
~ เมตตาเมื่อเกิดขึ้น ไม่ได้ทำให้เกิดความเดือดร้อนเลย แต่ตรงกันข้ามทำให้เกิดความสบายใจ เพราะไม่ดูหมิ่น ไม่รังเกียจคนอื่น มีความเป็นเพื่อน มีความเป็นมิตร พร้อมที่จะอุปการะ เกื้อกูลอย่างจริงใจ
~ ขณะใดที่มีโอกาสที่จะได้ทำความดีแม้เล็กน้อยก็ไม่ประมาท ทำความดีให้ถึงพร้อม เพราะเห็นโทษของอกุศลแม้เพียงเล็กน้อย คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าละเอียดมาก เท่านี้ยังไม่พอ ต้องชำระจิตให้บริสุทธิ์จากกิเลสคือความไม่รู้ซึ่งนำมาซึ่งกิเลสอื่นๆ ซึ่งจะดับได้ หมดได้ ก็เพราะความรู้ ความเข้าใจเพิ่มขึ้น
~ ใครที่มักโกรธในชาตินี้ ให้ทราบว่าชาติก่อนๆ ก็ต้องมักโกรธ แล้วถ้าชาตินี้ยังมักโกรธอย่างชาตินี้ต่อไปอีก ก็ให้นึกถึงภาพชาติหน้าได้ว่าจะเป็นอย่างไร อยากจะเป็นอย่างนั้นต่อไป หรือว่า อยากเป็นอย่างอื่น ที่ไม่ใช่อย่างนี้ ถ้าอยากจะเป็นอย่างอื่น ก็ต้องเริ่มสะสมทางฝ่ายกุศลไว้เสียตั้งแต่เดี๋ยวนี้
~ คนที่ไม่เข้าใจธรรม มีมาก และคนที่เข้าใจธรรมผิด ก็มีมาก หนทางเดียวที่เป็นผู้ที่หวังดีต่อคนที่ไม่เข้าใจธรรมหรือเข้าใจธรรมผิด ก็คือ มีความเป็นมิตรที่จะให้สิ่งที่ถูกต้อง เพราะฉะนั้น สิ่งใดก็ตามที่ได้ศึกษาแล้ว ถูกต้อง ก็ควรที่จะให้คนอื่นได้รับฟังด้วย
~ เรากล่าวคำตามพระไตรปิฎก ซึ่งเป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราหวังดีให้คนเข้าใจถูก เพราะฉะนั้น ใครก็ไม่สามารถทำลายความหวังดีของเราได้
* * ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ * *
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๘๐
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
กราบอนุโมทนาค่ะ กล่าวได้ว่าการศึกษาพระธรรมเป็นสิ่งประเสริฐสุดค่ะเพื่อออกจากสังสารวัฎ
กราบนอบน้อมพระรัตนตรัยด้วยเศียรเกล้า
ถ้าชาตินี้ไม่ได้ฟังพระธรรรม เสียโอกาสมากค่ะ เพราะไม่รู้ว่าชาติต่อไปจะได้ฟังหรือเปล่า
กราบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง
กราบขอบพระคุณยินดีในกุศลอาจารย์คำปั่น อักษรวิลัย ด้วยค่ะ