ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๘๔

 
khampan.a
วันที่  29 พ.ย. 2563
หมายเลข  33363
อ่าน  1,427

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

* * ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๘๔
* *



~ กัลยาณมิตร หมายถึง มิตรที่ดี ผู้หวังดีต่อผู้อื่น เพื่อประโยชน์ของผู้อื่น กัลยาณมิตรสูงสุด คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงเกื้อกูลให้เกิดความเข้าใจ ซึ่งเป็นความเข้าใจของบุคคลนั้นนั่นเองที่จะละกิเลสของบุคคลนั้นเอง ใครๆ ก็ไปละความไม่รู้ให้ใครไม่ได้ นอกจากคำที่กล่าวถึงความจริงที่สามารถเข้าใจได้ ค่อยๆ เข้าใจขึ้น

~ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่สำหรับสวด แต่สมควรอย่างยิ่งที่จะเข้าใจ เพราะว่า ที่พระองค์ทรงเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เพราะว่าได้อบรมเจริญความเห็นถูกทุกพระชาติจนกระทั่งเมื่อพระบารมี (คุณความดีที่จะทำให้ถึงฝั่งของการดับกิเลส) พร้อมที่จะตรัสรู้ความจริง ก็ตรัสรู้ความจริงแล้วทรงแสดงความจริง เพราะฉะนั้น พระองค์ทรงแสดงธรรม ไม่ใช่ทรงแสดงให้ใครไปสวด แต่ทรงแสดงเพื่อให้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง

~ ถ้าไม่มีหลักธรรม ความเข้าใจความถูกต้อง ความเข้าใจความจริง ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ชีวิตของผู้นั้น ไม่มีทางที่จะดำเนินไปในทางที่เป็นประโยชน์

~ โอกาสที่ประเสริฐที่สุดในแต่ละชาติ คือ ความเข้าใจพระธรรม ทรัพย์สินเงินทองก็นำไปไม่ได้ รูปร่างทุกสิ่งทุกอย่างติดตามไปไม่ได้เลย แต่ว่าความเข้าใจธรรมที่ค่อยๆ เข้าใจขึ้น ค่อยๆ สะสมจนสามารถที่จะถึงเวลาที่สภาพธรรมจะปรากฏกับปัญญาที่สามารถเข้าใจธรรมนั้นได้ เป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด

~ เห็นคุณค่าอย่างยิ่งจากการที่ไม่รู้ เป็นรู้ได้ จากคำที่มาจากการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โอกาสของการฟังพระธรรมก็ไม่แน่ว่าจะนานเท่าไหร่ จะมากหรือจะน้อย แต่ทุกครั้งที่ได้ฟังประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต ก็คือ ได้เข้าใจความจริง

~ การสนทนาธรรมเป็นมงคล นำมาซึ่งความเจริญในความเข้าใจถูกต้อง ซึ่งสามารถที่จะทำให้ชีวิตเจริญในทางกุศลเพิ่มขึ้น มิฉะนั้นแล้ว ก็จมอยู่ในอกุศลลึกลงไปทุกวัน

~ คำที่กล่าวไว้ในพระไตรปิฎก ไม่ได้อยู่ที่อื่นเลย แต่อยู่ที่นี่และเดี๋ยวนี้ด้วย ถ้าไม่รู้ประโยชน์ของการเข้าใจสิ่งที่มีจริง ก็ไม่มีโอกาสที่จะได้เข้าใจ เพราะไม่รู้ว่าคำสอนของพระพุทธเจ้าไม่ได้อยู่ไกล แต่เป็นคำสอนที่ใครๆ ก็ไม่สามารถที่จะรู้ได้ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม

~ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกคำ ไม่ใช่คำของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกคำ เพราะฉะนั้น แต่ละคำ ลึกซึ้งอย่างยิ่ง ต้องอาศัยการทรงบำเพ็ญพระบารมีนานเท่าไหร่ กว่าจะมีแต่ละคำให้เราได้ยิน และเป็นสิ่งที่ลึกซึ้งอย่างยิ่ง

~ ไม่มีสักขณะเดียวที่ไม่ใช่ธรรมหรือว่าพ้นจากธรรม กว่าจะถึงความเข้าใจธรรม ก็จะต้องเป็นผู้ที่อดทน เป็นผู้ที่ตรง เป็นผู้ที่มั่นคง ว่า ถ้าไม่ได้ยินได้ฟังคำเหล่านี้ ไม่มีวันในสังสารวัฏฏ์ที่จะรู้ความจริงได้ ว่า เดี๋ยวนี้เป็นธรรม

~ ตั้งแต่เช้าจนถึงเดี๋ยวนี้ มีการฟังพระธรรมบ้าง แค่ฟังบ้าง แต่เทียบกับขณะที่ไม่ได้ฟัง การฟัง น้อยมาก เพราะฉะนั้น ขณะที่ไม่ได้ฟัง ความไม่รู้มากแค่ไหน เพิ่มขึ้นอีกเท่าไหร่

~ ยามยาก ยามลำบาก ยามทุกข์ใจ ลาภช่วยได้ไหม ยศ สรรเสริญ สุข ช่วยได้ไหม ก็ไม่ได้เลย แต่ว่าความเข้าใจธรรม ไม่ว่าจะกำลังเป็นทุกข์ เจ็บไข้ได้ป่วย หรือว่าได้รับภัยพิบัติต่างๆ ขณะนั้นปัญญาก็ไม่ได้ทำให้เกิดความทุกข์เลย เพราะว่าสามารถที่จะเข้าใจความจริงในขณะนั้นได้ จนถึงที่สุดว่าทุกอย่างไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครเลย

~ ธรรม ไม่ได้อยู่ที่อื่นเลย ไม่ต้องไปแสวงหาที่ไหน เพราะเกิดมาก็เป็นธรรมจนตาย ไม่ต้องแสวงหาเลย จะอยู่ที่ไหนก็ตาม จะเห็นอะไร จะคิดอะไร จะรับประทานอะไร ทุกอย่างหมด เป็นธรรม คือ สิ่งที่มีจริง

~ ผู้ใดที่ยอมรับความจริงที่รู้ว่าตนเองไม่ดี ผู้นั้นก็เริ่มที่จะอบรมเจริญกุศล ที่จะขัดเกลาอกุศลทั้งหลายให้เบาบาง แต่ตราบใดถ้ายังคิดว่าดีแล้ว อกุศลก็จะเพิ่มมากขึ้น เพราะเหตุว่า ไม่คิดที่จะละอกุศล เพราะเข้าใจว่าดีแล้ว

~ ถ้าใครได้เข้าใจความจริงตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ดีขึ้น ทุกคน ทุกอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ เป็นลูก เป็นข้าราชการ เป็นทหาร เป็นตำรวจ เป็นอะไรก็ตาม ทั้งหมด เพราะนั่นเป็นธรรม แล้วจะดีได้อย่างไร จากความไม่รู้ เป็นรู้ขึ้น ถูกต้องขึ้น แล้วจะเอาความรู้ ความถูกต้อง มาแต่ไหน คิดเองก็ไม่ได้ ต้องได้อาศัยพระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง

~ ต้นเหตุของทุกปัญหา ก็คือ ความไม่รู้ จะแก้ได้ ก็ต่อเมื่อเป็นความรู้จริงๆ เพราะถ้าเราเข้าใจธรรม เรารู้ว่าอะไรดี อะไรชั่วจริงๆ อะไรถูกอะไรผิดจริงๆ ความรู้นั้นต่างหาก ที่จะนำชีวิตไปในทางที่ถูกต้อง ในทางที่เป็นกุศล ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็ยืนหยัดในความถูกต้องในทางที่เป็นกุศลที่ดีงาม จะไม่ทำชั่ว เพราะปัญญา

~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงมีพระมหากรุณาแสดงธรรมให้ทุกคนได้ฟัง ไตร่ตรองจนเป็นความเข้าใจถูกเห็นถูกของตนเอง จนสามารถที่จะรู้ได้ว่า ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเรา มิฉะนั้น ก็ไม่เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้แต่เอ่ยชื่อ ถ้าไม่เข้าใจตั้งแต่คำแรก คือคำว่า ธรรม จะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้อย่างไร

~ ผู้สืบทอดคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องเป็นผู้ที่เข้าใจธรรม ไม่ใช่ท่อง ไม่ใช่จำ ไม่ใช่ไม่รู้เรื่อง แต่ว่าทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องเข้าใจจริงๆ แต่ละคำลึกซึ้งอย่างยิ่ง ต้องตรงกันทั้งสามปิฎก ซึ่งต้องเป็นการศึกษาและเข้าใจพระธรรมที่พระองค์ได้ทรงตรัสรู้ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง

~ ที่ปลุกเสกทำเครื่องรางของขลัง นั้น ทำให้คนหลงผิดคิดว่าพระพุทธศาสนาทำให้คนเป็นผู้วิเศษในทำนองนี้ ไม่ใช่เป็นการเข้าใจพระธรรม ก็เท่ากับลบคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นการทำลายคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

~ เป็นการยากที่จะได้ถึงความเป็นผู้ที่มั่นคงในพระธรรม เพราะว่า พระธรรม ไม่ง่ายเลย ยิ่งได้ฟังได้เข้าใจ ก็ยิ่งเห็นความลึกซึ้งอย่างยิ่ง จนมีความประสงค์ที่จะให้คนอื่นได้เข้าใจถูกต้อง ไม่ว่าเขาจะรักหรือเขาจะชัง ก็ไม่หวั่นไหว เพราะเหตุว่า เราไม่ได้ทำสิ่งนี้เพื่อจะให้คนรักหรือคนชัง แต่ว่า ทำเพื่อประโยชน์จริงๆ

~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระมหากรุณาให้โอกาสเสมอ ให้ได้ฟังคำซึ่งจะเตือนใจให้เขาสามารถที่จะพิจารณาว่าเขาทำผิดหรือเปล่า? สิ่งใดเป็นกุศล สิ่งใดเป็นอกุศล เพื่อที่จะได้ทำใหม่ หมายความว่า เปลี่ยนจากความไม่รู้ เป็นการค่อยๆ รู้ขึ้น เพราะว่า เมื่อมีความเข้าใจถูกต้อง การพูด การทำ และความเข้าใจ ก็ถูกด้วย

~ ต้องรู้จริงๆ ว่า ความไม่รู้ เป็นเหตุของความไม่ดีและความทุกข์ทั้งหลาย และความรู้ความเข้าใจถูกต่างหากที่รู้ว่าอะไรเป็นเหตุอะไรเป็นผล เพราะฉะนั้น ความรู้นั่นแหละก็เลือกทางที่ถูกต้อง เห็นโทษของความไม่ดี ก็จะไม่ประพฤติไม่ดี ไม่ว่ากาย วาจา ทุจริตใดๆ ทั้งหมด ก็จะค่อยๆ เบาบางลง

* * ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ * *

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๘๓




...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 29 พ.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
Kalaya
วันที่ 29 พ.ย. 2563

อนุโมทนาค่ะที่ได้อ่านพระธรรม ได้ฟังพระธรรมค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
chatchai.k
วันที่ 29 พ.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
petsin.90
วันที่ 29 พ.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
natthayapinthong339
วันที่ 29 พ.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
panasda
วันที่ 30 พ.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
jaturong
วันที่ 30 พ.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
kullawat
วันที่ 30 พ.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Khemsai
วันที่ 30 พ.ย. 2563

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
pulit
วันที่ 1 ธ.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ