ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๘๙
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
* * ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๘๙ * *
~ สำหรับทุกข์กายในภูมิมนุษย์ที่ว่ามากสำหรับท่านที่เจ็บไข้ได้ป่วย หรือว่าเป็นโรคภัยอย่างร้ายแรง แต่ถ้าจะเปรียบเทียบทุกข์กายนั้นกับในนรกหรือเปรต ก็ย่อมจะเทียบกันไม่ได้เลย เพราะเหตุว่าทุกข์ในทุคติภูมินั้นก็มีมากกว่าทุกข์กายในสุคติภูมิ
~ คนที่อยู่ในโลกนี้ ขณะนี้เข้าใจว่ามีปัญหามาก ปัญหาในเรื่องของความเป็นอยู่ ปัญหาในเรื่องของเศรษฐกิจ ความทุกข์ยาก เรื่องความเจ็บไข้ได้ป่วยของร่างกาย ปัญหาชีวิตในครอบครัว เข้าใจว่ามีปัญหามากแล้ว แต่ให้ทราบว่าถ้าเกิดในอบายจะต้องได้รับภัยความเจ็บความปวด ความทรมานมากกว่าโลกนี้มากทีเดียว
~ วันหนึ่งๆ จะเห็นได้ถึงความต่างกันของขณะที่อวิชชา (ความไม่รู้) เกิดกับขณะที่ปัญญาเกิด ถ้าเป็นอวิชชา เป็นสภาพที่มืด ทำให้ไม่รู้ความจริง ไม่เห็นว่าอกุศลเป็นอกุศล และก็ไม่เห็นหนทางที่ถูกที่ชอบที่ควรจะกระทำ เพราะฉะนั้น ก็ทำให้คิดก็คิดผิด ทำก็ทำผิด พูดก็พูดผิด แต่ว่าถ้าในขณะใดที่ปัญญาเกิดขึ้น ขณะนั้นเห็นอกุศลแล้วก็ยังเห็นความน่ารังเกียจของอกุศล เห็นโทษของอกุศลตามความเป็นจริง เพราะฉะนั้น ในขณะนั้น ก็เป็นผู้ที่คิดถูก ทำถูก พูดถูก
~ ธรรม คือ สิ่งที่มีจริงๆ ในชีวิตประจำวัน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกอย่างคือธรรม เพราะฉะนั้น ถ้าใครก็ตามพูดเรื่องสิ่งที่มีจริงๆ ในชีวิตประจำวัน โดยแนวทางที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้ว นั่นคือ ผู้นั้นกำลังแสดงธรรมให้บุคคลอื่นเข้าใจ
~ ปัญญา ต้องรู้ความจริงเดี๋ยวนี้ จึงสามารถที่จะละวางความไม่รู้เดี๋ยวนี้ได้
~ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกคำลึกซึ้งอย่างยิ่ง เผินไม่ได้เลย เพราะฉะนั้น ประโยชน์จะมีต่อเมื่อรู้แม้เพียงเล็กน้อยนิดเดียว แต่ก็เป็นความจริง ซึ่งจะค่อยๆ เข้าใจจริงๆ ยิ่งขึ้น
~ ถ้าไม่มีการได้ฟังคำของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีทางออกจากทุกข์ แล้วก็ไม่รู้จักทุกข์ด้วย เพราะฉะนั้น แต่ละคำขอให้ได้มีความเข้าใจถูกจริงๆ แม้เพียงเล็กน้อยดีกว่าขณะนั้นเห็นผิดไปแล้วเข้าใจผิดไปแล้ว
~ ฟังแล้วเข้าใจถูก ละในขณะที่เข้าใจ เท่านั้น นี่แหละ ละ ไม่มีใครที่เป็นตัวตนที่จะไปทำอะไรอีกเลย
~ เริ่มรู้ ยังดีกว่าหลงไม่รู้ไปเรื่อยๆ คิดว่ารู้
~ ลองคิดดู ใครก็ตามที่มีความไม่รู้และก็ไม่ได้ฟังพระธรรม เพราะฉะนั้น ก็เป็นธรรมดาเหลือเกินที่บุคคลนั้นจะต้องทำสิ่งที่ผิดๆ หรือว่าทำสิ่งที่ไม่สมควร หรือทำสิ่งที่เสียหายแม้กับตัวท่าน แต่ถ้าท่านพิจารณาว่า เพราะบุคคลนั้นไม่รู้จึงทำ แต่เมื่อท่านเองศึกษาแล้ว พิจารณาธรรมเข้าใจแล้ว รู้แล้ว ยังจะโกรธคนที่ไม่รู้ ก็ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่สมควรเลย
~ ไม่ว่าใครจะมีความประพฤติอย่างไรต่อท่าน หรือแม้แต่เพียงการที่จะนึกถึงคำพูดหรือการกระทำของคนอื่น ซึ่งเคยได้ยินได้ฟังแม้นานมาแล้ว เป็นการที่จะทดสอบได้ว่า แม้ในขณะนั้นจิตที่คิดเป็นกุศลหรือเป็นอกุศล ถ้าเป็นอกุศล ยังโกรธอยู่ ขณะนั้นเป็นผู้ที่ไม่ได้เจริญขันติ (ความอดทน)
~ ลองคิดถึงคนไม่โกรธ เป็นคนประเสริฐ ใช่ไหม? ในทุกวันนี้ ถ้ามีใครซึ่งอาจจะมีคนว่าร้าย กล่าวร้าย เข้าใจผิด หรือว่าแสดงกิริยาอาการต่างๆ แต่ผู้นั้นก็ยังไม่โกรธ ใครๆ ก็ต้องเห็นความเป็นคนประเสริฐของคนที่ไม่โกรธ
~ ฟังพระธรรมให้เข้าใจธรรม (สิ่งที่มีจริง) อะไรเกิด ก็คือ ปกติ ก่อนฟังพระธรรม ชีวิตก็เป็นไปตามเหตุปัจจัยทั้งหมด ฟังพระธรรมแล้ว ก็เป็นไปตามเหตุปัจจัย แต่ที่สำคัญ คือ มีความเข้าใจเพิ่มขึ้น
~ ๔๕ พรรษาแห่งการประกาศพระศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นเรื่องของสิ่งที่มีจริงที่ปรากฏในชีวิตประจำวัน ซ้ำแล้วซ้ำอีกๆ ให้เข้าใจจริงๆ ว่าเป็นธรรม
~ ที่สำคัญที่สุดที่ไม่ลืม คือ เรามีความหวังดีต่อใคร จะอนุเคราะห์สิ่งที่เป็นประโยชน์สูงสุดในสังสารวัฏฏ์ ก็คือ ให้เขาได้เกิดความเข้าใจของเขาเองจากการสนทนาธรรม
~ พอมีความเข้าใจ ไม่เคยมีมาก่อน นั่น ใหม่ ไหม? เพราะฉะนั้น ถ้าใครจะมีวิถีชีวิตใหม่ ก็คือ เริ่มเข้าใจพระธรรม นั่นแหละ ใหม่
~ ถ้าเข้าใจเมื่อไหร่ รู้ว่าคนที่เกื้อกูลให้เข้าใจนั่นแหละมีเมตตาแน่นอน
~ สภาพธรรมทั้งหมดที่เป็นอนัตตา ต้องเป็นอนัตตาจริงๆ จะเป็นอนัตตาเพียงตัวหนังสือหรือว่าเป็นอนัตตาแต่เพียงชื่อไม่ได้ เมื่อสภาพธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ต้องหมายความว่า ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่วัตถุสิ่งหนึ่งสิ่งใด เป็นแต่เพียงลักษณะของสภาพธรรมแต่ละชนิดแต่ละอย่าง ซึ่งปรากฏแต่ละทาง
~ ไม่ลืมว่าฟังธรรมเพื่อเข้าใจ เพราะไม่มีเราแน่ๆ แต่เมื่อยังเป็นเราก็ต้องฟังต่อไป จนกว่าจะรู้ความจริงว่าไม่มีเรา
~ ธรรมละเอียดอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้น ความละเอียด จะทำให้ชีวิตประจำวัน เริ่มละเอียดขึ้นในทางที่ดี
~ เคยพูดว่าคนอื่นง่ายๆ เดี๋ยวนี้ก็ไม่พูดแล้ว ไม่มีประโยชน์ ทำให้คนอื่นเขาเสียใจเปล่าๆ ทุกอย่างจะดีขึ้น เพราะเข้าใจถูกต้องว่า อะไรเป็นประโยชน์ อะไรไม่เป็นประโยชน์
~ ทำดีและศึกษาพระธรรม ชีวิตนี้จึงมีค่า คุ้มกับการเกิดมา ไม่เป็นโทษเป็นภัยแม้กับตนเองและคนอื่นเลย และก็ยังสามารถที่จะช่วยเหลือบุคคลอื่นได้ด้วยจากการเป็นคนดีและการเข้าใจธรรม
~ ชีวิตอาจจะอยู่ไม่ถึงพรุ่งนี้ก็ได้ อาจจะสิ้นชีวิตในวันนี้ก็ได้ มีโอกาสที่จะฟังพระธรรมก็ควรรีบฟังรีบสะสมปัญญาทันที มีโอกาสที่จะได้สะสมกุศลก็สะสมทันที เป็นคนดีทันที ทุกที่ทุกเวลาทุกสถานการณ์ อะไรที่ผิดก็ทิ้งไปได้เลย
* * ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ * *
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๘๘
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
กราบนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
กราบบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และกราบอนุโมทนาอาจารย์วิทยากรทุกท่านค่ะ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์และอนุโมทนาอาจารย์วิทยากรทุกท่านค่ะที่ได้มาฟังพระธรรมเป็น 1 ในมงคล 38 ประการ เห็นเข้าใจได้ลึกซึ้งสุดจะกล่าวออกมาได้ค่ะ
"ก่อนฟังพระธรรม ชีวิตก็เป็นไปตามเหตุปัจจัยทั้งหมด ฟังพระธรรมแล้ว ก็เป็นไปตามเหตุปัจจัย แต่ที่สำคัญ คือ มีความเข้าใจเพิ่มขึ้น"
กราบบูชาพระคุณท่านอาจารย์ที่แสดงคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ได้ฟังแล้วฟังอีก ความเข้าใจทีละน้อยๆ ที่ค่อยๆ สะสม มีค่าที่สุดทุกครั้งที่ค่อยๆ เข้าใจค่ะ
กราบขอบพระคุณยินดีในกุศล อ.คำปั่นด้วยค่ะ