ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๙๐
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
* * ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๙๐ * *
~ ฟังธรรมเพื่อให้เข้าใจ จะมั่นคงอยู่ในทางคุณธรรม เพื่อที่จะได้ไม่ไปอบายภูมิ โดยที่ใครก็พาไปไม่ได้ นอกจากการกระทำของตนเอง
~ โอกาสที่หายากอย่างยิ่ง คือ ฟังพระธรรม เพราะไม่มีใครรู้ว่าชาติก่อนเกิดเป็นอะไร และชาติต่อไปจะเกิดเป็นอะไร แม้แต่ขณะต่อไป จะเกิดอะไร ทุกคนเหมือนกับอยู่ในโลกนี้ แต่จะอยู่นานสักเท่าไหร่ บางคนออกจากบ้านไปทำธุระ ก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะออกจากบ้านหรืออยู่ในบ้านหรืออยู่ที่ไหนก็ตาม ก็ไม่รู้ว่าขณะต่อไปจะเป็นอะไร แล้วจะได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอีกหรือไม่? เพราะฉะนั้น โอกาสที่ประเสริฐที่สุดในแต่ละชาติ คือ ความเข้าใจพระธรรม ทรัพย์สินเงินทองก็นำไปไม่ได้ รูปร่างทุกสิ่งทุกอย่างติดตามไปไม่ได้เลย แต่ว่าความเข้าใจธรรมที่ค่อยๆ เข้าใจขึ้นค่อยๆ สะสมจนสามารถที่จะถึงเวลาที่สภาพธรรมจะปรากฏกับปัญญาที่สามารถเข้าใจธรรมนั้นได้ เป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด
~ วันนี้ทั้งวันตั้งแต่เช้ามาจนถึงเดี๋ยวนี้ ใครเห็นอกุศลบ้าง มากมายแค่ไหน กลัวโควิด ก็เป็นอกุศลทั้งหมดเลย เพราะฉะนั้น ปัญญาเท่านั้นที่สามารถที่จะเข้าใจความจริงที่จะทำให้ไม่หวั่นไหว เพราะไม่มีเรา
~ ฟังธรรมเข้าใจก็เป็นประโยชน์แล้ว
~ คำเตือนมีประโยชน์ เมื่อผู้นั้นรับฟังแล้วก็สำนึกแล้วก็รู้จริงๆ แล้วก็เห็นคุณของผู้ที่เตือนด้วย
~ ธรรม (สิ่งที่มีจริง) เป็นธรรม ธรรมเกิดไม่ได้ถ้าไม่มีเหตุปัจจัย ไม่มีใครอยากเป็นคนเลวคนชั่ว แต่สะสมความเลวความชั่ว เพราะฉะนั้น สิ่งที่เกิด ก็คือ ความเลวความชั่ว ไม่ใช่ใคร
~ กุศลที่เกิดแล้ว สะสมสืบต่อในจิตขณะต่อไป ทำให้แต่ละบุคคลมีอัธยาศัยต่างกันตามประเภทที่สะสม อย่างคนที่สะสมการให้ทาน เขาจะคิดถึงเรื่องทาน ทั้งวันเลยมีแต่เรื่องทาน (การให้) เพราะสะสมมาที่จะเป็นอัธยาศัยอย่างนี้ แต่บางคนสะสมอัธยาศัยของการฟังธรรม เรื่องอื่นเขาจะสนใจน้อยกว่า แต่พอถึงเวลาฟังธรรม จะมีความสนใจที่จะมีการสะสมความเข้าใจธรรมจากการฟัง
~ ทำไมฟังธรรม ฟังทำไม? ถ้ามั่นคงก็ตอบได้เลย ฟังเพื่อเข้าใจ คำนี้สำคัญที่สุด ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่นเลยทั้งสิ้น อยู่มาในโลกนานเท่าไหร่ตั้งแต่เกิด เข้าใจหรือเปล่า จนกว่าจะได้ฟังธรรม เพราะฉะนั้น ฟังธรรมเพื่อเข้าใจ ไม่ใช่เพื่อทรัพย์สมบัติ ลาภ ยศ ชื่อเสียงหรืออะไรทั้งสิ้น แต่ฟังเพื่อเข้าใจ
~ กุศลธรรม กล้าที่จะทำสิ่งที่ดี ละอายที่จะทำสิ่งที่ไม่ดี ไม่กล้าที่จะทำสิ่งที่ไม่ดี เพราะเห็นโทษของสิ่งที่ไม่ดี
~ ทุกอย่างที่จะเกิด เกิดตามเหตุตามปัจจัย ถ้าเป็นเหตุที่ดี ก็ต้องนำผลที่ดีมาให้ ถ้าเหตุที่ไม่ดี จะนำผลที่ดีมาให้ได้อย่างไร แค่นี้ ในชีวิต ทำดี เพราะรู้ว่าจะเกิดอีกนานในสังสารวัฏฏ์ แล้วจะเป็นอะไรแล้วแต่การสะสม เพราะฉะนั้น คนต่อไปไม่ใช่คนนี้ แต่สืบต่อจากคนนี้ จะเป็นอย่างไร ก็แล้วแต่คนนี้ในชาตินี้ จะเห็นผิด ก็สะสมความเห็นผิดต่อไปในชาติหน้า ดีไหม (ไม่ดี) อันตรายแค่ไหนของความเห็นผิด เป็นตอของสังสารวัฏฏ์ ออกไปไม่ได้เลย
~ "ไปสำนักปฏิบัติ นั่ง ยืน เดิน ทำนั่น ทำนี่แล้วจะรู้สิ่งที่กำลังปรากฏได้อย่างไร" การที่กล่าวให้ได้เข้าใจความจริง เป็นการอนุเคราะห์ให้ได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อให้ไตร่ตรองว่าคำไหนเป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คำไหนไม่ใช่คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อจะได้ไม่หลงผิด
~ อยู่มานานแล้วยังจะต้องเป็นอย่างนี้ต่อไปอีก เมื่อหมดความเป็นบุคคลนี้ ชาติหน้าเกิดเป็นคนใหม่ ก็หมดอีก ชาติก่อนเป็นใครก็หมดแล้ว ไม่เหลือเลย เพราะฉะนั้น มี เพื่อหมด ชั่วคราวที่เกิดขึ้นแล้วก็หมดไป ถ้าเข้าใจอย่างนี้จะเป็นคนดีขึ้นไหม จะไปทำชั่วทำไม ในเมื่อความชั่วเป็นเหตุที่จะทำให้เกิดผลชั่วที่จะได้รับในภายหน้า
~ ไม่ว่าวันไหน เดือนไหน ปีไหน ก็มีสิ่งที่ปรากฏ แต่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริงที่ปรากฏทุกวัน พระองค์ทรงเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้สิ่งที่ธรรมดาทุกวันที่เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น เป็นต้น ชีวิตก็ดำรงอยู่เพียงชั่วหนึ่งขณะจิต ถ้าขาดขณะหนึ่งขณะใดชีวิตก็ดำรงอยู่ไม่ได้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสรู้สิ่งอื่น แต่ตรัสรู้สิ่งที่มีจริงตั้งแต่เกิดจนตาย
~ แต่ละคำของสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ผู้ที่ได้ฟังเมื่อได้ฟังแล้วก็จะรู้ว่า สิ่งที่ได้ฟังไม่เหมือนที่เคยฟังจากคนอื่นมาก่อนเลย เช่น คำว่า ธรรม คำนี้ทุกคนเหมือนจะไม่สนใจเพราะได้ยินบ่อยๆ แต่ถ้าถามว่า ธรรมคืออะไร คำตอบของแต่ละคนที่ไม่เคยฟังธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาก่อน ตอบไม่ถูกแน่นอน
~ หนึ่งชาติที่เกิดมาเป็นคนนี้ แล้วก็จะเป็นคนนี้ได้อีกไม่นาน ไม่มีใครรู้ว่าจะเป็นคนนี้นานเท่าไหร่ ต่อไปก็จะเป็นคนใหม่ เพราะฉะนั้น คนใหม่ก็มาจากคนนี้ คนนี้ทำอะไรไว้สืบเนื่องมาจากแสนโกฏิกัปป์ ก็จะปรุงแต่งให้ขณะต่อไปจากโลกนี้ สู่โลกอื่น เป็นคนใหม่ และไม่รู้ว่ากรรมที่ได้ทำมาแล้วทั้งหมด กรรมไหนจะให้ผล เพราะฉะนั้น ก็เป็นสิ่งซึ่งไม่ละเว้นแต่ละโอกาส แต่ละขณะมีค่าอย่างยิ่งที่ได้เข้าใจพระธรรม เพราะว่า ถ้าไม่มีแต่ละหนึ่งขณะ จะไม่มีทางที่จะเข้าใจพระธรรมเพิ่มขึ้น
~ พอเห็นใครทำไม่ดี ธรรมต่างหากที่สะสมมาที่เป็นอย่างนั้น และเขาจะต้องได้รับผลที่ไม่ดีด้วย จะเมตตาไหม จะเห็นใจไหม จะพยายามให้เขาเป็นคนดีไหม? นี่ก็คือแต่ละหนึ่ง
~ เราหลงติดข้องในสิ่งที่ไม่มี เพราะจากไม่มี แล้วมีแล้วก็หามีไม่ หายไปเลย ไม่กลับมาอีกเลย เพราะฉะนั้น เราติดข้องในสิ่งที่ไม่มี เพียงเกิดขึ้นมีปรากฏให้ติดข้องนิดเดียวเล็กน้อยมากแล้วก็ดับไป แล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย โง่หรือฉลาดที่ติดข้องในสิ่งที่ไม่มี?
~ เพียงแค่ช่วยคนอื่น ขณะนั้นถ้าไม่เมตตา ก็ช่วยไม่ได้เลย แต่ความเป็นมิตร แม้เป็นคนแปลกหน้าที่เราไม่รู้จัก เราก็สามารถสงเคราะห์ช่วยเหลือได้ เพราะขณะนั้น ไม่ใช่เรา แต่เป็นธรรมซึ่งเป็นโสภณเจตสิก คือ เจตสิกฝ่ายดีเกิดขึ้น เป็นสภาพธรรมที่เป็นอโทสะ คือ ไม่โกรธ ไม่หวังร้าย ถ้าโกรธ จะช่วยไหม ไม่มีทางเลย แต่ถ้าเมตตาเมื่อไหร่ ก็ทำสิ่งที่ดีเมื่อนั้น
~ เติมกุศลทุกวัน ก็คือ กุศลเกิดทุกวัน ถ้าไม่มีกุศลก็จะเติมอะไรในจิตก็ไม่ได้นอกจากอกุศล เพราะฉะนั้น แม้แต่คำว่าเติมกุศล ก็คือ มีกุศล ไม่ขาดกุศล แล้วก็เพิ่มขึ้นทุกโอกาสที่จะเป็นไปได้ ไม่ละเลย
~ ทุกคนคงไม่ลืม พระธรรม ไม่ได้ทำให้เกิดความทุกข์ ไม่ได้ทำให้เกิดความลำบากใจใดๆ ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น แม้การคิดที่จะให้ธรรมแก่คนอื่น ก็เป็นความเบิกบาน เพราะเหตุว่า ได้ทำประโยชน์ ในสังสารวัฏฏ์สิ่งนี้ไม่เคยเกิดเลยกับเขา แต่สามารถที่จะเกิดขึ้นและก็เจริญเติบโตขึ้นจนกระทั่งสามารถที่จะรู้ความจริงได้ แล้วเราจะเบิกบานไหม แม้แต่เพียงคิดที่จะช่วย และถ้ามีโอกาสที่จะทำได้แล้วไม่ทำ จริงหรือที่ว่านับถือและเห็นประโยชน์ของการที่จะให้คนอื่นได้รู้ประโยชน์ของพระธรรมด้วย?
~ บูชาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยการฟังพระธรรม ด้วยการเคารพ ด้วยความเข้าใจจริงๆ เพิ่มขึ้นในความลึกซึ้ง ยากที่ใครจะรู้ได้ เห็นพระมหากรุณาที่ทรงแสดงพระธรรมจนกระทั่งผู้ที่สืบทอดต่อมาคือพระอริยบุคคลทั้งหลายดำรงมาถึงเราได้ฟังด้วย เดี๋ยวนี้ สมควรไหมที่จะให้พระธรรมของพระองค์ดำรงอยู่ต่อไป?
~ มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา ตั้งแต่เริ่มดำเนินงานมา ก็เพื่อประโยชน์ของคนอื่น ซึ่งนั่นเอง ก็คือ ประโยชน์ของตน แต่ไม่ใช่มุ่งที่จะเอาประโยชน์ตน แต่เพื่อให้ประโยชน์แก่คนอื่น เพราะฉะนั้น ไม่มีเรา แต่ว่ามีธรรมซึ่งจะต้องเป็นไปตามการสะสม
* * ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ * *
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๘๙
... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ ...
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ และยินดียิ่งในความดีของท่านค่ะ.