ทัททัลลวิมาน ... พระสูตรสนทนาออนไลน์ วันเสาร์ที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๔
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ
ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ
สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ
•••..... ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย .....•••
พระสูตรที่จะนำมาสนทนาออนไลน์
วันเสาร์ที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๔
คือ
ทัททัลลวิมาน
...จาก...
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้าที่ ๒๗๙
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้าที่ ๒๗๙
๖. ทัททัลลวิมาน
ว่าด้วยทัททัลลวิมาน
[๓๔] นางภัททาเทพธิดาผู้พี่สาว ได้ถามนางสุภัททาเทพธิดา ผู้น้องสาวว่า ท่านรุ่งเรืองด้วยรัศมี ทั้งเป็นผู้เรืองยศ ย่อมรุ่งโรจน์ล่วงเทพเจ้าชาวดาวดึงส์ทั้งหมด ด้วยรัศมี ดิฉันไม่เคยเห็นท่าน เพิ่งจะมาเห็นในวันนี้เป็นครั้งแรก ท่านมาจากเทวโลกชั้นไหน จึงมาเรียกดิฉัน โดยชื่อเดิมว่า ภัททา ดังนี้เล่า
นางสุภัททาเทพธิดาผู้น้องสาวตอบว่า ข้าแต่พี่ภัททา ฉันชื่อว่าสุภัททา ในภพก่อนครั้งยังเป็นมนุษย์อยู่ ดิฉันได้เป็นน้องสาวของพี่ ทั้งได้เคยเป็นภริยาร่วมสามีเดียวกันกับพี่มาด้วย ดิฉันตายจากมนุษยโลกนั้นมาแล้ว ได้มาเกิดเป็นเทพธิดาประจำสวรรค์ชั้นนิมมานรดี
นางภัททาเทพธิดาจึงถามต่อไปอีกว่า ดูก่อนแม่สุภัททา ขอเธอได้บอกการอุบัติของเธอในหมู่เทพเจ้าเหล่านิมมานรดี ซึ่งเป็นที่ๆ สัตว์ได้สั่งสมบุญกุศลไว้มาก แล้วจึงได้มาบังเกิด เธอได้มาเกิดในที่นี้เพราะทำบุญกุศลสิ่งใดไว้ และใครเป็นครูผู้แนะนำพร่ำสอนเธอ เธอเป็นผู้เรืองยศและถึงความสุขพิเศษไพบูลย์เช่นนี้ เพราะได้ให้ทานและรักษาศีลเช่นไรไว้ ดูก่อนแม่เทพธิดา ฉันถามเธอแล้ว นี่เป็นผลแห่งกรรมอะไร โปรดตอบฉันด้วย
นางสุภัททาเทพธิดาตอบว่า เมื่อชาติก่อน ดิฉันมีใจเลื่อมใส ได้ถวายบิณฑบาต ๘ ที่ แก่สงฆ์ผู้เป็นทักขิไณยบุคคล ๘ รูปด้วยมือของตน เพราะบุญกรรมนั้น ดิฉันจึงมีวรรณะงามเช่นนี้ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศเพราะบุญกรรมนั้น
นางภัททาเทพธิดาได้ถามต่อไปอีกว่า พี่ เลี้ยงดูพระภิกษุทั้งหลาย ผู้สำรวมดี ผู้ประพฤติพรหมจรรย์ ให้อิ่มหนำสำราญด้วยข้าวและน้ำ ด้วยมือของตนเอง มากกว่าเธอ ครั้นให้ทานมากกว่าเธอแล้ว ก็ยังได้บังเกิดในเหล่าเทพเจ้าต่ำกว่าเธอ ส่วนเธอได้ถวายทานเพียงเล็กน้อย อย่างไรจึงมาได้ผลอย่างพิเศษไพบูลย์ถึงเช่นนี้เล่า แน่ะแม่เทพธิดา ฉันถามเธอแล้ว นี่เป็นผลแห่งกรรมอะไร โปรดตอบฉันด้วย
นางสุภัททาเทพธิดาตอบว่า เมื่อชาติก่อน ดิฉันได้เห็นพระภิกษุผู้อบรมทางจิตใจเพื่อคุณอันยิ่งใหญ่ จึงได้นิมนต์ท่านรวม ๘ รูปด้วยกัน มีพระเรวตเถระเป็นประธาน ด้วยภัตตาหาร ท่านพระเรวตเถระนั้นมุ่งจะให้เกิดประโยชน์ อนุเคราะห์แก่ดิฉัน จึงบอกดิฉันว่า จงถวายสงฆ์เถิด ดิฉันได้ทำตามคำของท่าน ทักขิณาของดิฉันนั้น จึงเป็นสังฆทาน ดิฉันให้เข้าไปตั้งไว้ในสงฆ์ เป็นทานที่ไม่อาจปริมาณผลได้ว่า มีอยู่เท่าไร ส่วนทานที่คุณพี่ได้ถวายแก่ภิกษุ ด้วยความเลื่อมใสเป็นรายบุคคล จึงมีผลไม่มาก
นางภัททาเทพธิดา เมื่อจะรับรองความข้อนั้นจึงกล่าวว่า พี่เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่า การถวายสังฆทานนี้ มีผลมาก ถ้าว่าพี่ได้ไปบังเกิดเป็นมนุษย์อีก จักเป็นผู้รู้ความประสงค์ของผู้ขอ ปราศจากความตระหนี่ ถวายสังฆทาน และไม่ประมาทเป็นนิตย์
เมื่อสนทนากันแล้ว นางสุภัททาเทพธิดาก็กลับไปสู่ทิพยวิมานของตน บนสวรรค์ชั้นนิมมานรดี ท้าวสักกเทวราชได้ทรงสดับการสนทนานั้น เมื่อนางสุภัททาเทพธิดากลับไปแล้ว จึงตรัสถามนางเทพธิดา ว่า
ดูก่อนนางภัททา เทพธิดาผู้นั้นเป็นใคร มาสนทนาอยู่กับเธอ ย่อมรุ่งโรจน์กว่าเทพเจ้าเหล่าดาวดึงส์ทั้งหมดด้วยรัศมี
นางภัททาเทพธิดา เมื่อจะบรรยายข้อที่สังฆทานของเทพธิดาผู้น้องสาว ว่า มีผลมาก จึงทูลว่า ขอเดชะ ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมเทพ เทพธิดาผู้นั้น เมื่อชาติก่อนยังเป็นมนุษย์อยู่ในมนุษยโลก เป็นน้องสาวของหม่อมฉัน และยังได้เคยร่วมสามีเดียวกันกับหม่อมฉันด้วย เธอสั่งสมบุญกุศลคือถวายสังฆทาน จึงได้ไพโรจน์ถึงอย่างนี้เพคะ
ท้าวสักกเทวราช เมื่อจะทรงสรรเสริญสังฆทาน จึงตรัสว่า
ดูก่อนนางภัททา น้องสาวของเธอไพโรจน์กว่าเธอ ก็เพราะเหตุในปางก่อน คือ การถวายสังฆทานที่ไม่อาจจะปริมาณผลได้ อันที่จริง ฉันได้ทูลถามพระพุทธเจ้า ครั้งประทับอยู่ ณ ภูเขาคิชฌกูฏ ถึงผลแห่งไทยธรรมที่ได้จัดแจงถวายในเขตที่มีผลมากของมนุษย์ทั้งหลายผู้มุ่งบุญให้ทานอยู่ หรือทำบุญปรารภเหตุแห่งการเวียนเกิดเวียนตาย จะถวายในบุคคลประเภทใดจึงจะมีผลมาก พระพุทธเจ้าตรัสตอบข้อความนั้น แก่ฉันอย่างแจ่มแจ้งว่า ท่านผู้ปฏิบัติเพื่ออริยมรรค ๔ จำพวก และท่านผู้ตั้งอยู่ในอริยมรรค ๔ จำพวก พระอริยบุคคล ๘ จำพวกนี้ชื่อว่า สงฆ์ เป็นผู้ปฏิบัติตรงดำรงมั่นอยู่ในปัญญาและศีล เมื่อมนุษย์ทั้งหลายผู้มุ่งบุญถวายทานในท่านเหล่านี้ หรือทำบุญปรารภการเวียนเกิดเวียนตาย ทานที่ถวายในสงฆ์ย่อมมีผลมาก สงฆ์นี้เป็นผู้มีคุณความดีอันยิ่งใหญ่ ยังผลให้เกิดแก่ผู้ถวายทานในท่านอย่างไพบูลย์ ยากที่ใครจะปริมาณว่าเท่านี้ๆ ได้ เหมือนทะเลยากที่จะคาดคะเนได้ว่ามีน้ำเท่านี้ๆ ฉะนั้น สงฆ์เหล่านี้แล เป็นผู้ประเสริฐสุด เป็นสาวกของพระพุทธเจ้าผู้มีความเพียรเป็นเยี่ยมในหมู่นรชน เป็นแหล่งสร้างแสงสว่าง คือ ญาณของชาวโลก ได้แก่ นำเอาแสงสว่าง คือ พระสัทธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงประกาศไว้แล้วมาชี้แจง ปวงชนผู้ใคร่ต่อบุญเหล่าใด ถวายทานมุ่งตรงต่อสงฆ์ ทักขิณาของเขาเหล่านั้น ชื่อว่าเป็นทักขิณาที่ถวายดีแล้ว เป็นยัญวิธีที่เซ่นสรวงถูกต้อง จัดเป็นบูชากรรมที่บูชาแล้วชอบ เพราะทักขิณานั้นจัดเป็นสังฆทาน มีผลมาก อันพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายผู้รู้แจ้งโลกทรงสรรเสริญ ชนเหล่าใดยังท่องเที่ยวอยู่ในโลก มาหวนระลึกถึงบุญเช่นนี้ ได้เกิดปีติโสมนัส ก็จะกำจัดมลทิน คือ ความตระหนี่พร้อมทั้งมูลเหตุเสียได้ ทั้งจะไม่เป็นผู้ถูกผู้รู้ติเตียน ชนเหล่านั้น ก็จะเข้าถึงสถานที่ๆ เป็นแดนสวรรค์
จบ ทัททัลลวิมาน
ขอเชิญอ่านอรรถกถาทัททัลลวิมานได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้
อรรถกถาทัททัลลวิมาน [วิมานวัตถุ]
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ข้อความโดยสรุป
(สรุปจากข้อความเบื้องต้นของอรรถกถา)
ทัททัลลวิมาน *
(ว่าด้วยทัททัลลวิมาน)
กุฎุมพีคนหนึ่ง ที่นาลกคาม ผู้เป็นอุปัฏฐากของท่านพระเรวตเถระ ได้มีธิดาสองคน ชื่อ ภัททา กับ สุภัททา ในบรรดาธิดาสองคนนี้ นางภัททาแต่งงานมีครอบครัว แต่เป็นหญิงหมัน นางจึงแนะนำสามีเพื่อให้นำน้องสาวของตนชื่อสุภัททามาเป็นภรรยาอีกคน โดยให้เหตุผลว่าน้องสุภัททาสามารถมีบุตรและวงศ์ตระกูลก็จะสืบต่อไปได้ สามีได้ทำตามที่เธอแนะนำ
เมื่อน้องสาวของตนมาอยู่ร่วมสามีเดียวกัน นางภัททาก็แนะนำน้องสุภัททาให้เป็นผู้ยินดีในการให้ทาน และไม่ประมาทในการประพฤติธรรม นางสุภัททาก็ดำรงอยู่ในคำพร่ำสอนของพี่สาวโดยตลอด วันหนึ่งนางสุภัททาได้นิมนต์พระเรวตเถระ พร้อมกับภิกษุอีก ๗ รูป รวมเป็น ๘ รูป เพื่อถวายภัตตาหาร พระเรวตเถระ ได้แนะนำนางสุภัททาในการถวายทานแด่สงฆ์ นางสุภัททา มีจิตเลื่อมใสได้ถวายทานด้วยตนเอง ต่อมานางสุภัททา เมื่อสิ้นชีวิตแล้ว ก็ได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นนิมมานรดี ส่วนนางภัททาผู้เป็นพี่สาว ได้ถวายทานโดยเจาะจงบุคคล สิ้นชีวิตแล้ว ได้ไปเกิดเป็นปริจาริกา (ผู้รับใช้) ของท้าวสักกะ ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
เมื่อนางสุภัททาได้เกิดเป็นเทพธิดาในสวรรค์นิมมานรดีแล้ว ก็พิจารณาเห็นความจริงว่าที่ตนเองได้เกิดในสวรรค์ชั้นนิมมานรดี ก็เป็นเพราะได้ถวายทานแด่สงฆ์ จึงคิดถึงพี่สาวของตนว่าไปเกิด ณ ที่ใด ได้ทราบว่าพี่สาวของตนไปเกิดเป็นปาริจาริกาของท้าวสักกะในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ซึ่งเป็นสวรรค์ชั้นต่ำกว่า เมื่อมีความตั้งใจที่จะเกื้อกูลพี่สาวให้ได้เห็นถึงผลของการถวายทานแด่สงฆ์ว่ามีผลมาก จึงได้ลงมายังสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ได้สนทนากันจนเป็นเหตุให้ภัททาเทพธิดาได้เข้าใจ (ตามที่ปรากฏในพระสูตร) ซึ่งการสนทนากันระหว่างสุภัททาเทพธิดากับภัททาเทพธิดา นั้น ท้าวสักกะ ก็ได้สดับทั้งหมด และได้เห็นถึงความสว่างไสวรุ่งโรจน์เกินทวยเทพทั้งหลายของสุภัททาเทพธิดา เมื่อสุภัททาเทพธิดาได้กลับไปยังสวรรค์ชั้นนิมมานรดีแล้ว ท้าวสักกะได้ตรัสถามภัททาเทพธิดา ว่า เทพธิดาที่สนทนาด้วยนั้น เป็นใคร ภัททาเทพธิดาจึงได้ทูลท้าวสักกะถึงความเป็นไปของตนเองกับน้องสาวเมื่อครั้งที่เป็นมนุษย์ และการที่น้องสาวของตนเองได้เกิดในสวรรค์ชั้นสูงกว่าก็เพราะว่าได้ถวายทานแด่สงฆ์ จึงเป็นเหตุให้ท้าวสักกะ เมื่อได้สดับแล้ว ก็ได้ตรัสสรรเสริญทานที่ถวายแด่สงฆ์ว่าเป็นทานที่มีผลมากเช่นเดียวกัน (ตามที่ปรากฏในพระสูตร)
หมายเหตุ
-ทัททัลล หมายถึง ผู้รุ่งเรือง
-วิมาน หมายถึง ที่อยู่ของเทวดาทั้งหลาย
ขอเชิญศึกษาเพิ่มเติมได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ
ความยำเกรงในสงฆ์ทำได้ยาก [ทักขิณาวิภังคสูตร]
มีจิตเสมอกันในภิกษุทุกรูป [ทุติยอุคคสูตร]
ทักษิณาทาน สังฆทาน [ทักษิณาวิภังคสูตร]
มีความเห็นอย่างไรกับการถวายสังฆทาน
สังฆทานที่ถูกต้องเป็นอย่างไร
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น