ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๙๓

 
khampan.a
วันที่  31 ม.ค. 2564
หมายเลข  33648
อ่าน  1,861

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

* * ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๙๓
* *



~ ความดี คือ ความถูกต้องตามความเป็นจริง ถ้าไม่ถูกต้อง จะดีได้ไหม? ถ้าผิด ดีไม่ได้แน่นอน

~ ถ้ารู้คุณของความดี ทำความดีได้ แต่ถ้าไม่รู้คุณ จะทำได้ไหม ก็ทำไม่ได้ เพราะฉะนั้น ที่สำคัญที่สุด ก็คือ รู้ว่าคุณความดีคืออะไร เมื่อรู้คุณของความดีแล้ว ผู้นั้นเป็นคนดี แล้วก็ทำความดีทุกประการ

~ ความดี ไม่ทำความเดือดร้อนให้ใคร แล้วก็มีตั้งหลายอย่างมากมาย มีความหวังดี มีความคิดที่จะช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น ทุกสิ่งทุกอย่างที่ดี ทำตามความดีนั้นๆ ก็เป็นความดี

~ พูดคำไม่ดี เป็นความดีไหม? แล้วลูกเคยพูดคำไม่ดีกับพ่อแม่บ้างหรือเปล่า?

~ ความไม่รู้มหาศาล ความไม่ดีต่างๆ มหาศาล มีมากมาย ที่ปรากฏนี้ยังน้อยกว่าที่มี เพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ปรากฏเกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัย แต่ความจริง สิ่งที่ไม่ดีมีมากมายกว่านั้นมาก

~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพร่ำสอน ๔๕ พรรษา และพร่ำสอนตลอดไป เพราะคำนั้นยังมีอยู่ สภาพธรรมก็เป็นจริงตามที่พระองค์ทรงตรัสรู้ ไม่เปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นเลย

~ ทำดีต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็คือ ให้ผู้อื่นได้มีโอกาสได้เข้าใจคำของพระองค์ด้วย

~ ไม่ตระหนี่ธรรม คือ ให้ผู้อื่นได้เข้าใจธรรมเพิ่มขึ้น เพราะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง จะเก็บไว้ทำไมคนเดียว

~ ชีวิตประจำวันก็เป็นเครื่องพิสูจน์ของปัญญาว่าเข้าใจพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสมากน้อยแค่ไหน แม้คำเดียวว่าธรรม

~ น่าอัศจรรย์ ความไม่ดีที่สะสมมาจนกระทั่งมีความประพฤติที่ไม่ดีต่อแม้มารดาบิดา ยังสามารถเปลี่ยนได้ ค่อยๆ หมดไปได้ ด้วยความเข้าใจพระธรรม ตามความถูกต้อง ไม่มีคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่สามารถที่จะนำกิเลสที่มีมากออกไปได้หรือค่อยๆ ลดไปได้เลย แต่ตรงกันข้าม พอมีความเข้าใจเกิดขึ้น น่าอัศจรรย์ที่เปลี่ยนจากความที่เป็นคนไม่ดีมาก่อน ค่อยๆ ดีขึ้น นี้เป็นสิ่งที่มารดาบิดาต้องการไหม นี้เป็นการตอบแทนสูงสุดไหม ที่จะทำต่อมารดาบิดา คือ เป็นคนดีและเข้าใจพระธรรม และรู้คุณของพระธรรม

~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเรียกร้องให้ใครไปทำความดีกับพระองค์หรือเปล่า หรือว่า ทั้งหมดด้วยพระมหากรุณาที่เพื่อเขาเท่านั้น เพื่อทุกคนที่จะได้รู้ความจริง เพื่อทุกคนจะได้เป็นคนดีขึ้น เพื่อทุกคนจะได้ไม่มีความชั่วร้ายที่สะสมมามากมายมหาศาล ทั้งกายและวาจา

พูดไม่ดี ชั่วร้ายไหม? พระภิกษุ เห็นสิ่งที่เล็กน้อยที่สุดว่าเป็นโทษที่ใหญ่หลวง เพราะฉะนั้น ถ้าหมด (ซึ่งความไม่ดีแม้เพียงเล็กน้อย) ก็คือ พ้นจากความชั่วร้ายทั้งหลายได้ เพียงแค่เล็กน้อยแต่เห็นว่าเป็นภัยใหญ่ เพราะอะไร? เพราะถ้าไม่ละ ไม่สนใจ ก็ค่อยๆ เพิ่มพูนขึ้น ใหญ่ไหมล่ะ ใหญ่ขึ้นๆ ประมาณไม่ได้เลย จากเล็กน้อยนิดเดียว

~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงความจริงของสิ่งที่มีจริงให้เข้าใจถูกต้อง ว่า ถ้าไม่ได้ฟังคำของพระองค์แล้ว สัตว์โลก ไม่ว่าใคร ไม่ว่าจะเป็นเทพ จะเป็นพรหม เป็นใครทั้งหมด ไม่สามารถที่จะรู้ความจริงได้ เพราะฉะนั้น แต่ละคำ ต้องไตร่ตรองเพื่อที่จะได้ไม่ลืมในความเป็นจริงของธรรม

~ พระธรรมทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นำไปสู่ความเข้าใจถูกต้องว่าไม่มีเรา สำคัญที่สุด “อนัตตา” ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร จะเป็นอย่างที่อยากเป็น ก็ไม่ได้ จะไม่เป็นอย่างที่กำลังเป็น ก็ไม่ได้ เพราะเหตุว่า เกิดแล้วเป็นแล้วทั้งหมด

~ การพูดความจริงให้เข้าใจความถูกต้อง เป็นประโยชน์ และเป็นเพื่อนเป็นผู้ที่หวังดีจริงๆ ที่จะให้พ้นจากความเห็นผิด ไม่ใช่เป็นการไปทำร้ายใครเลย แต่เป็นการให้พ้นจากการถูกทำลายด้วยความเห็นผิด

~ พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นประโยชน์โดยตลอด ทำให้มีความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ ไม่มีแม้บทเดียว ที่จะไม่มีประโยชน์ เพราะเป็นความจริงจากการทรงตรัสรู้ของพระองค์ เป็นเรื่องของการขัดเกลาทั้งนั้น จึงจะเป็นพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

~ ต้องเป็นผู้ที่ตรง แม้แต่ในการศึกษาธรรม เพื่อขัดเกลา แล้วการที่จะขัดเกลาได้ก็ต่อเมื่อรู้ความจริง เพราะฉะนั้น ก็คือ รู้ว่าไม่มีใครสามารถที่จะเอาอกุศลที่สะสมมาในจิตของตัวเองออกทิ้งหมดไปได้เลย นอกจากปัญญาที่ค่อยๆ เกิดขึ้น

~ สิ่งที่ไม่ดีทั้งหมดที่เราเห็นในโลกทุกวันนี้ คนนั้นเป็นอย่างนี้ ประเทศนี้เป็นอย่างนั้น เรื่องนั้นเป็นอย่างโน้น ล้วนแต่เป็นเรื่องไม่ดีทั้งหมด มาจากไหน? ก็ต้องมาจากความไม่ดี ด้วยเหตุนี้ ใครที่จะแก้ปัญหา หรือแก้สิ่งที่ไม่ดี มีหนทางเดียว คือ ด้วยความดี แต่ความดีซึ่งทุกคนอยากจะดี ก็ดีไม่ได้เพียงอยาก แต่มีหลายเหตุหลายปัจจัยที่จะทำให้ดีขึ้น ที่สำคัญที่สุดคือความเห็นถูกต้อง ความรู้จริงว่าแท้ที่จริงแล้ว ธรรมเป็นธรรม เปลี่ยนไม่ได้

~ สภาพธรรมที่ไม่ดี นอกจากจะทำร้ายตน ก็ยังทำร้ายคนอื่นด้วย ใครไม่โกรธบ้าง? โกรธ หมดไปได้ไหม? บังคับไม่ได้ แต่ปัญญาเท่านั้นที่สามารถที่จะเห็นโทษ เมื่อไหร่ที่เห็นโทษ ก็ละด้วยความเห็นที่ถูกต้องว่าเป็นโทษ แต่ถ้าตราบใดยังไม่เห็นว่าเป็นโทษ ก็ไม่ละ

~ ต้องมีคนหลายคนรวมกันจึงจะเป็นสังคม แม้จะเป็นเพียงหนึ่งคนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงมีพระมหากรุณาแสดงประโยชน์ให้แม้แก่คนเดียว แต่เมื่อหลายๆ คนรวมกันเข้า สิ่งที่พระองค์ทรงแสดงให้แต่ละหนึ่งคนเป็นผู้ที่มีความเข้าใจ ว่า อะไรถูก อะไรผิด อะไรดี อะไรชั่ว ก็จะทำให้คนแต่ละหนึ่งคนเมื่อเป็นคนดีแล้วสังคมก็ต้องดี

~ แต่ละคนไม่มีใครจะไปจัดการชีวิตของคนอื่นได้ แม้แต่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ไม่สามารถไปเปลี่ยนจิตของแต่ละคนที่สะสมอกุศลมามากๆ ไม่ให้กรรมที่ได้กระทำแล้วเป็นปัจจัยให้เกิดในที่ต่างๆ กัน ไม่มีใครสามารถทำอะไรได้เลย เพียงแต่ว่าเมื่อทรงตรัสรู้แล้ว ก็ทรงแสดงความจริงของสภาพธรรม ซึ่งผู้ที่สะสมบุญมาแล้วมีโอกาสได้ยินได้ฟัง มีความเข้าใจธรรมว่า ไม่ใช่ใครเลย เป็นจิตซึ่งเกิดแต่ละขณะ และแต่ละขณะสะสมอกุศลมามากแค่ไหน ถ้าขณะนี้ ไม่สะสมปัญญาที่เริ่มเห็นถูก ก็ไม่มีทางที่อกุศลที่สะสมมาเบาบางลงไปได้

~ ทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นวาจาสัจจะ (คำจริง) เพราะฉะนั้น คำที่เรากล่าว เราไม่ได้คิดเอง แต่เราได้ศึกษาแล้วฟังแล้วเข้าใจแล้ว เพราะฉะนั้น ก็สามารถที่จะรู้ว่าวาจาสัจจะของพระองค์ ใครจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจ ก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนวาจาของความจริงได้ ด้วยเหตุนี้ผู้ที่เห็นคุณของการที่จะได้พ้นจากความไม่รู้และความเข้าใจผิดคิดไปต่างๆ นานาด้วยตัวเอง ก็ควรที่จะเริ่มศึกษาแล้วก็เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยการเข้าใจพระธรรม เพราะจริงๆ แล้วชาวพุทธที่ไม่เข้าใจธรรมไม่เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย ไม่รู้ว่าพระองค์เป็นใครแล้วทรงแสดงธรรมอะไรจากการที่ได้ทรงตรัสรู้อะไร ไม่รู้จักเลยจริงๆ แต่ว่าเมื่อได้ศึกษาธรรมแล้ว เห็นพระองค์โดยการเข้าใจธรรม เพราะฉะนั้น เห็นพระคุณมหาศาลของพระองค์ก็ต่อเมื่อมีความเข้าใจธรรมละเอียดขึ้น ลึกซึ้งขึ้น เห็นพระองค์ค่อยๆ เข้าใจในความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อมีความเข้าใจที่ถูกต้อง แล้วความหวังดีความเป็นมิตรตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ได้ทรงบำเพ็ญมาตลอด บุคคลนั้นก็เห็นประโยชน์ของการที่จะดำเนินรอยตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อที่จะให้คนอื่นได้เข้าใจถูกต้อง ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น แต่เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง

~ ถ้าเราทำความดีขณะใด ขณะนั้นใจไม่เดือดร้อน เป็นสุขตั้งแต่ขณะที่ทำ เพราะฉะนั้น ผลที่ตามมา ก็เป็นคนที่ไม่เดือดร้อน เพราะไม่ได้หวังอะไรจากการกระทำสิ่งนั้น แต่ทำเพราะเหตุว่า เป็นสิ่งที่สมควรอย่างยิ่งที่จะทำ เป็นประโยชน์

~ เมื่อมีความเห็นถูกแล้ว คิดถึงคนอื่นที่เขาเห็นผิดบ้างไหม? ที่ถ้ามีโอกาสที่จะเกื้อกูล เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ที่สุดในชีวิตที่เกิดมา เพราะฉะนั้น ใครที่มีโอกาสได้เข้าใจพระธรรม เห็นคุณอย่างยิ่ง แล้วทำทุกอย่าง ในชีวิตซึ่งไม่มีอะไรจะมีประโยชน์ยิ่งกว่านี้เลย คือ ให้คนอื่นได้มีความเข้าใจพระธรรมด้วย


* * ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ * *

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๙๒



...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 31 ม.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
mammam929
วันที่ 31 ม.ค. 2564

กราบนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

กราบบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

กราบอนุโมทนากุศลจิตของท่านอาจารย์สุจินต์และผู้ร่วมกุศลในการรักษาพระธรรมให้คงอยู่ในความเข้าใจถูกต้องค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
มังกรทอง
วันที่ 31 ม.ค. 2564

"การพูดความจริงให้เข้าใจความถูกต้อง เป็นประโยชน์ และเป็นเพื่อน"

น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
natthayapinthong339
วันที่ 1 ก.พ. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
jaturong
วันที่ 1 ก.พ. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Khemsai
วันที่ 2 ก.พ. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ