ปล่อยวางด้วยความไม่รู้ กับ ปล่อยวางด้วยความเข้าใจธรรม ต่างกันอย่างไร

 
apiwit
วันที่  2 ก.พ. 2564
หมายเลข  33657
อ่าน  972

ปล่อยวางด้วยความไม่รู้ก็คิดว่าเป็นสิ่งที่มนุษย์ปุถุชนหลายๆ คนเป็นกันอยู่แล้ว เพราะยังมีความเห็นผิดว่ามีตัวตนจึงต้องไปพยายามทำสิ่งต่างๆ ที่คิดว่าเป็นการปล่อยวางอย่างที่เห็นนักปฏิบัติทั้งหลายก็ไปทำสมาธิ ไปปลีกวิเวก ไม่ข้องเกี่ยวกับเรื่องทางโลกเพราะคิดว่าแบบนี้เป็นการปล่อยวาง เป็นการละกิเลส นี้ประการหนึ่ง ส่วนอีกอย่างหนึ่งก็คือ คิดว่าปล่อยวางหรือไม่ยึดถือก็คือ ไม่สนใจกับอะไรทั้งสิ้น อะไรจะเกิดก็ปล่อยมันไปไม่สนใจ อย่างเช่นฝนตกหลังคารั่วก็ไม่ซ่อม ก็ปล่อยมันไป คิดว่าแบบนี้คือการไม่ยึดติด หรือแม้แต่ผมเองก็เคยมีความเห็นผิดๆ เกี่ยวกับความหมายของการไม่ยึดติด อย่างบางทีผมแต่งตัวออกบ้านแต่แต่งตัวไม่เรียบร้อย ผมไม่เป็นระเบียบไม่ได้หวีผมเพราะรีบออกบ้าน พอเจอคนทักผมก็บอกเขาไปว่า ช่างมันเถอะ ทุกอย่างไม่ควรยึดถือ ยึดถือเป็นกิเลส อย่างนี้เป็นต้น ทั้งหมดนี้ก็เป็นเรื่องของความไม่รู้และความเห็นผิด ตราบใดที่ยังเป็นปุถุชนอยู่ ยังไม่ใช่พระโสดาบัน แม้จะฟังพระธรรมมานานแต่ก็ย่อมต้องมีความเห็นผิดและความไม่รู้อยู่แน่นอน พระธรรมจริง ๆ เป็นเรื่องที่ละเอียดลึกซึ้งมาก แม้แต่เหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวันก็ไม่ควรจะมองข้าม หากยังไม่เข้าใจกระจ่างชัดจึงต้องยกประเด็นนี้ขึ้นสนทนา เพราะทุกอย่างล้วนเป็นประโยชน์เพื่อความเข้าใจธรรมนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องลึกหรือตื้นก็ไม่ควรมองข้าม คิดว่าควรทำความกระจ่างในทุกเรื่อง

จึงใคร่อยากทราบความต่างกันระหว่างปล่อยวางด้วยความไม่รู้แบบที่เราเป็นกันอยู่แล้วกับปล่อยวางด้วยความเข้าใจธรรม จะมีความต่างกันอย่างไร ปล่อยวางด้วยความเข้าใจธรรม คือ ต้องเกิดจากการฟังเข้าใจจนกระทั่งปัญญาประจักษ์แจ้งแทงตลอดในสภาพธรรมที่กำลังปรากฏขณะนี้ว่าไม่ใช่ตัวตน ไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน จนละคลายความหลงติดข้องยินดีพอใจในสิ่งที่กำลังปรากฏ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงทำสิ่งต่างๆ เป็นปกติ ประพฤติปฏิบัติต่อสิ่งต่างๆ อย่างถูกต้องเหมาะสมใช่หรือไม่ ฝนตกหลังคารั่วก็ยังต้องซ่อม ที่อยู่ที่อาศัยสกปรกก็ต้องปัดกวาดเช็ดถู ออกบ้านต่อหน้าผู้คนก็ต้องรู้จักแต่งตัวให้สุภาพเรียบร้อย คงไม่ได้หมายถึงว่า เมื่อเข้าถึงความปล่อยวางแล้วจะละทิ้งทุกอย่างใช่หรือไม่ ขอท่านอาจารย์โปรดชี้แนะเพื่อความเข้าใจกระจ่างชัดในประเด็นนี้ยิ่งขึ้น ครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 3 ก.พ. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ธรรมเป็นเรื่องที่ละเอียดลึกซึ้งอย่างยิ่ง การไปทำอะไรด้วยความไม่รู้แล้วคิดว่าจะเป็นหนทางรู้ความจริงหรือเป็นหนทางหมดกิเลส นั่น ไม่ใช่ปล่อยวาง หรือแม้แต่การไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น มีชีวิตเป็นไปตามสบาย อะไรจะเกิด ก็ไม่สนใจ ก็ไม่ใช่ปล่อยวาง เพราะทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นอกุศลทั้งหมด ไม่มีปัญญารู้ความจริงอะไรเลยทั้งสิ้น

สิ่งที่จะเป็นที่พึ่งให้ค่อยๆ เกิดปัญญา ความเข้าใจถูกเห็นถูก ค่อยๆ ขัดเกลาละคลายความไม่รู้ ก็คือ พระธรรมทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ได้ฟังได้ศึกษาด้วยความเคารพอย่างยิ่ง ปัญญา ความเข้าใจถูกเห็นถูก ที่เข้าใจสิ่งที่มีจริงแต่ละหนึ่งๆ ว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เรา แล้วละคลายความยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคล จึงจะเป็นการปล่อยวางตามความเป็นจริง ด้วยความเข้าใจถูกเห็นถูกจริงๆ ไม่ใช่เป็นเราที่จะปล่อยวาง เพราะใครๆ ก็ไปทำการปล่อยวางไม่ได้ เพราะเหตุว่าธรรมทั้งหลายทั้งปวง เป็นอนัตตา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น ครับ

ขอเชิญคลิกฟังคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

เพิ่มเติมได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ ครับ

ปล่อยวาง

ปล่อยวาง

...ยินดีในความดีของทุกๆท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chatchai.k
วันที่ 3 ก.พ. 2564

ขออนุโมทนาครับ 

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
apiwit
วันที่ 3 ก.พ. 2564

กราบอนุโมทนาสาธุครับ ต้องค่อยๆฟัง ค่อยๆพิจารณาและค่อยๆไตร่ตรองครับ กราบขอบพระคุณที่ชี้แนะครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ