บวชชี

 
martmart23445
วันที่  5 ก.พ. 2564
หมายเลข  33670
อ่าน  673

สอบถามหน่อยค่ะ คือ อยากบวชชีพรามหมณ์แต่ไม่สะดวกทำที่วัด แต่อยากทำที่บ้านค่ะ ไม่ทราบทำได้มัยค่ะ แล้วเวลาที่เราจะลาสิกขา เราจะลาเองได้มัยค่ะ และถ้าลาต้องทำยังงัยค่ะ แนะนำหน่อยค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 5 ก.พ. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การบวชชี ไม่มีในคำสอนทางพระพุทธศาสนา เพราะคำว่า "ชี" ที่เข้าใจกันในสังคมไทย  คือ อุบาสิกาผู้รักษาศีล ๘ แต่ตามความเป็นจริงแล้ว ผู้ที่จะรักษาศีล ๘ ไม่จำเป็นต้องเป็น ชี ก็ได้ อุบาสก อุบาสิกา ผู้มีศรัทธาที่จะขัดเกลากิเลสยิ่งขึ้น ก็รักษาศีล ๘ ได้ทั้งนั้น สำคัญ คือ ความเข้าใจที่ถูกต้อง และ เป็นเพื่อขัดเกลากิเลสเท่านั้น ไม่ใช่เห็นว่า ศีล ๘ มากกว่าศีล ๕  ก็เลยรักษาโดยที่ไม่มีความเข้าใจที่ถูกต้อง ดังนั้น จึงขึ้นอยู่กับอัธยาศัยของผู้นั้นจริงๆ ถึงแม้จะไม่ได้รักษาศีล ๘ แต่เป็นผู้รักษาศีล ๕ พร้อมทั้งเป็นผู้ได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญาด้วย ย่อมเป็นสิ่งที่ดีแล้วกับการที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ในคำสอนทางพระพุทธศาสนา จะมีคำว่า บวช ซึ่งมีรากศัพท์ภาษาบาลี ว่า ปวช แปลว่า เว้นทั่ว หรือ เว้นโดยประการทั้งปวง ซึ่งก็คือ เว้นจากความติดข้องยินดีพอใจในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ เว้นจากอกุศลธรรมทุกประการ เพราะฉะนั้นแล้ว การบวช จึงเป็นเรื่องที่ละเอียดมาก  เป็นไปเพื่อขัดเกลากิเลสทั้งสิ้น เพราะการบวช เมื่อกล่าวกว้างๆ แล้ว มี ๒ อย่าง คือ บวชโดยถือเพศ เช่น บวช เป็นพระภิกษุ สามเณร ซึ่งเป็นเพศบรรพชิต และ บวชด้วยข้อปฏิบัติ กล่าวคือ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้บวชด้วยการถือเพศ แต่ก็มีความจริงใจที่จะศึกษาและน้อมประพฤติปฏิบัติตามพระธรรม ก้าวออกจากอกุศลทุกประการ ก็ชื่อว่า บวช ด้วยเช่นเดียวกัน แต่เป็นการบวช ด้วยข้อปฏิบัติ นั่นเอง ครับ
 
ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่ ครับ 

ความเข้าใจเรื่องการบวช [การบวชด้วยเพศ-การบวชด้วยข้อปฏิบัติ]

การบวชชีพราหมณ์

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chatchai.k
วันที่ 5 ก.พ. 2564

ขออนุโมทนาครับ 

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
Witt
วันที่ 5 ก.พ. 2564

ขออนุโมทนาครับ 

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 5 ก.พ. 2564

ขอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เมื่อมีความประสงค์ที่จะศึกษาพระธรรม เข้าใจพระธรรม ขัดเกลาละคลายความไม่รู้ ก็เริ่มศึกษาพระธรรมได้ตั้งแต่ในขณะนี้ ไม่ต้องไปทำอะไรที่ผิดปกติที่ไหนเลย เพราะเหตุว่า ผู้หญิง ก็คือ อุบาสิกา เป็นคฤหัสถ์ แต่จะเป็นอุบาสิกา สมชื่อ ก็ต่อเมื่อได้เข้าใจพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นผู้นั่งใกล้พระรัตนตรัย เห็นประโยชน์ของพระธรรม และ ถ้าประสงค์จะขัดเกลากิเลสยิ่งขึ้น นอกจากจะรักษาศีล ๕ ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรรักษาเป็นปกติของชีวิตคฤหัสถ์ ก็สามารถสมาทานศึกษารักษาศีล ๘ เพื่อขัดเกลากิเลสยิ่งขึ้น ก็สามารถรักษาได้เลย ด้วยความตั้งใจ จริงใจ ตรงต่อการขัดเกลากิเลส โดยไม่ต้องไปขอจากใคร ซึ่งจะเห็นได้จริงๆ ว่า ความเข้าใจพระธรรมเท่านั้นที่จะเป็นที่พึ่งในชีวิตอย่างแท้จริง ป้องกันไม่ให้ตกไปในฝ่ายที่ผิด โดยประการทั้งปวง ครับ

...ยินดีในความดีของทุกๆท่านครับ... 

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
chatchai.k
วันที่ 7 ก.พ. 2564

ขออนุโมทนาครับ 

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ