ความสงสัยในเรื่องของพรหม

 
JYS
วันที่  26 มี.ค. 2564
หมายเลข  33939
อ่าน  805

๑. รูปพรหมมีเพียงจักขุวิญญาณและโสตวิญญาณเท่านั้น แต่ไม่มีฆานวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ และกายวิญญาณ ใช่หรือไม่?

๒. รูปพรหมมีโลภะเกิดขึ้นได้ แต่ไม่มีความกำหนัดในกามอันเป็นเมถุนธรรม เพราะไม่มีกายวิญญาณและไม่มีเพศ แต่รูปพรหมที่เป็นปุถุชน พระโสดาบัน และพระสกทาคามียังยินดีพอใจในรูปและเสียง เพราะมีแต่จักขุวิญญาณและโสตวิญญาณ

แต่ปกติของพระสกทาคามีนั้นมีโลภะ โทสะ และโมหะเบาบาง และพระสกทาคามีปฏิบัติเพื่อถึงความเป็นพระอนาคามี คือปฏิบัติเพื่อดับความยินดีพอใจในรูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัส เป็นต้น ซึ่งพระสกทาคามีพรหมย่อมมีจิตที่สูงพระสกทาคามีในกามสุคติภูมิ ๗ และแม้พระสกทาคามีเป็นรูปพรหมก็ยังคงยินดีพอใจในรูปและเสียง ใช่หรือไม่?


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 26 มี.ค. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

-การเกิดเป็นรูปพรหมบุคคล ในรูปพรหมภูมิ เกิดจากกำลังของกุศลขั้นฌานซึ่งสามารถระงับความติดข้องยินดีพอใจในรูป เสียง กลิ่น รส และสิ่งที่กระทบสัมผัสกาย ดังนั้น เมื่อเกิดเป็นรูปพรหมบุคคลแล้ว (เว้นอสัญญสัตตาพรหมซึ่งมีแต่รูปธรรม เท่านั้น ไม่มีนามธรรมเกิดขึ้นเป็นไป) มี จักขุปสาทะ และ มีโสตปสาทะ จึงยังมีการเห็น มีการได้ยิน แต่ไม่มีฆานวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ และกายวิญญาณ นั้น ถูกต้อง เพราะเหตุว่า ไม่มีฆานปสาทะ ไม่มีชิวหาปสาทะ ไม่มีกายปสาทะ ตามความเป็นไปของภพภูมินั้นๆ แต่ในความเป็นจริง ท่านก็มีรูปที่เรียกว่า จมูก มีรูปที่เรียกว่าลิ้น มีรูปที่เรียกว่า กาย เป็นรูปเป็นร่าง แต่ไม่มี ปสาทะ เหล่านั้นเกิดขึ้น ไม่ใช่ว่าท่านจะเป็นพรหมที่มีรูปร่างพิกลพิการแต่อย่างใด และเพราะท่านไม่มีกายปสาทะ จึงไม่มีความยินดีพอใจในการเสพกาม เหมือนอย่างมนุษย์และเทวดา ซึ่งมีกายปสาทะ และรูปพรหมบุคคล ไม่มี ชิวหาปสาทะ เพราะท่านไม่ต้องมาดื่มมาลิ้มรสต่างๆ เหมือนอย่างพวกมนุษย์และเทวดา เพราะเหตุว่า ท่านมีความเอิบอิ่มใจ (ปีติ) เป็นอาหาร นั่นเอง

-รูปพรหมบุคคล ที่ยังไม่สามารถดับโลภะได้ โลภะก็ยังเกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย แม้พระสกทาคามี ซึ่งมีโลภะที่เบาบาง ก็มียังโลภะเกิดขึ้นเป็นไปได้ จากการเห็น จากการได้ยิน นั่นเอง แสดงถึงความเป็นจริงของสภาพธรรม ที่เมื่อเหตุปัจจัยพร้อม ก็เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น ครับ

ขอเชิญอ่านคำบรรยายท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ดังนี้

พรหมภูมิไม่มีโทสะแต่ยังมีโลภะและโมหะ

สุ.  อกุศลจิตเกิดในสวรรค์ได้ไหม [ได้] ถ้ายังไม่ได้ดับเป็นสมุจเฉท เกิดในรูปพรหมได้ไหม [ได้] เว้นโทสมูลจิต นี่ก็จะเห็นได้ว่า แม้อกุศลประเภทต่างๆ ก็ต้องเว้นตามภูมิต่างๆ ด้วย แม้ว่ายังไม่ได้ดับเป็นสมุจเฉท แต่ว่า ไม่มีปัจจัยที่จะเกิด สำหรับโทสมูลจิตในรูปพรหมภูมิเป็นรูปพรหมบุคคล กว่าจะได้กุศลในระดับที่ไม่เกิดในสวรรค์ เกิดเป็นเทพก็จริง แต่เป็นเทพที่เป็นพรหม เป็นรูปพรหมบุคคล ก็จะเห็นได้ว่าอบรมเจริญกุศลมาก แล้วก็เวลาที่เกิดในภูมินั้นแล้ว อารมณ์ของพรหมโลก ประณีตกว่าอารมณ์ของสวรรค์ เพราะฉะนั้น ก็ไม่มีปัจจัยที่จะให้โทสมูลจิตเกิดเลย

ลองคิดถึงที่ไหน ที่จะไม่มีโทสมูลจิตเกิดเลย คนที่เป็นเจ้าโทสะและก็ไม่อยากมีโทสะจริงๆ ถ้ายังไม่ถึงพระอนาคามีบุคคล ก็ต้องเป็นถึงการเกิดในรูปพรหมบุคคล จึงจะละโทสะได้ชั่วคราว ระหว่างที่เกิดเป็นรูปพรหมบุคคล แต่ถ้าเป็นพระอนาคามีบุคคล ดับได้เป็นสมุจเฉท ไม่มีเชื้อของโทสะที่จะเกิด แม้เพียงความขุ่นใจเล็กน้อย ก็ไม่มี นี่แสดงให้เห็นถึงปัญญา ที่ต่างขั้น

ปัญญาที่สามารถที่จะทำให้กุศลจิตเกิดมาก จนกระทั่งเป็นความสงบที่มั่นคง อกุศลจิตเกิดไม่ได้ แม้ว่าเกิดในรูปพรหม เป็นรูปพรหมบุคคล โทสมูลจิตก็ยังเกิดไม่ได้ แต่โลภะ เกิดได้ทั้ง ๘ (ดวง)

เห็นไหมว่าโลภะนี่ครองจิตใจ ไม่ได้จากพรากไปไหนเลย ไม่ว่าจะอยู่ในภพใดๆ ก็จะไม่ขาดโลภะเลย แต่ว่าถ้าเกิดเป็นรูปพรหมบุคคลไม่มีโทสะ แต่ก็มีทั้งโลภมูลจิตและโมหมูลจิต

ขอเชิญคลิกฟังคำบรรยายท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ

พรหมภูมิไม่มีโทสะแต่ยังมีโลภะและโมหะ

...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
JYS
วันที่ 26 มี.ค. 2564

ขอบพระคุณมากครับ ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
chatchai.k
วันที่ 26 มี.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ 

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ