ศีลที่พระอริยเจ้าใคร่แล้ว เป็นไปเพื่อสมาธิ มีประมาณเพียงใด?

 
mana.amo
วันที่  25 เม.ย. 2564
หมายเลข  34134
อ่าน  1,341

พระไตรปิฎกไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๑๙ หน้าที่ ๓๕๙-๓๖๐ ข้อที่ ๑๔๘๐.

[๑๔๘๐] ดูกรอานนท์ ก็ธรรมปริยายชื่อธรรมาทาส ที่อริยสาวกประกอบแล้ว เมื่อหวังอยู่ พึงพยากรณ์ตนด้วยตนเองได้ว่า เรามีนรก กำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ปิตติวิสัย อบาย ทุคติวินิบาต สิ้นแล้ว เราเป็นพระโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า เป็นไฉน? อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า ในพระธรรม ในพระสงฆ์ ประกอบด้วยศีลที่พระอริยเจ้าใคร่แล้ว เป็นไปเพื่อสมาธิ นี้แล คือ ธรรมปริยายชื่อธรรมาทาส ที่อริยสาวกประกอบแล้ว เมื่อหวังอยู่พึงพยากรณ์ตนด้วยตนเองได้ว่า เรามีนรก กำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ปิตติวิสัย อบาย ทุคติ วินิบาตสิ้นแล้ว เราเป็นพระโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า.


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
mana.amo
วันที่ 25 เม.ย. 2564

และขอเรียนถามต่อจากหัวข้อกระทู้ด้วยครับว่า

"ความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า ในพระธรรม ในพระสงฆ์" นั้นพิจารณาอย่างไร?

ขอบคุณครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 26 เม.ย. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ หน้าที่ ๒๑๙

บทว่า อเวจฺจปฺปสาเทน ได้แก่ ด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหว อันตนบรรลุแล้ว.

บทว่า อริยกนฺเตหิ ได้แก่ ศีล ๕ เพราะว่า ศีล ๕ เหล่านั้น เป็นที่ปรารถนา คือเป็นที่รักของพระอริยเจ้าทั้งหลาย พระอริยเจ้าทั้งหลาย ถึงไปสู่ภพ ก็ไม่ละศีล ๕ เหล่านั้น เพราะฉะนั้น ศีล ๕ เหล่านั้น จึงเรียกว่า "เป็นที่ปรารถนาของพระอริยเจ้า"


พระโสดาบัน เป็นพระอริยบุคคลขั้นต้น ประจักษ์แจ้งพระนิพพานเป็นครั้งแรก ดับกิเลสได้ในระดับหนึ่ง กล่าวคือ ดับความเห็นผิดได้ทั้งหมด ดับความลังเลสงสัยได้ และกิเลสในฐานะเดียวกันก็ดับได้ จึงไม่มีทางที่จะมีที่พึ่งอย่างอื่นได้เลย นอกจากพระรัตนตรัย เพราะท่านได้ประจักษ์แจ้งสภาพธรรมตามความเป็นจริง ด้วยปัญญาที่ท่านอบรมเจริญจนถึงความสมบูรณ์พร้อมแล้ว และ ท่านจะเป็นผู้ที่อบรมเจริญปัญญายิ่งๆ ขึ้นไป จนถึงความเป็นพระอรหันต์ในที่สุด ครับ

...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
chatchai.k
วันที่ 26 เม.ย. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
mana.amo
วันที่ 26 เม.ย. 2564

เมื่อพิจารณาจากบทพยัญชนะในพระสูตรในกระทู้ที่ผมตั้งไว้แล้ว ผนวกกับคำตอบของอาจารย์คำปั่นในความเห็นที่ 2 บทว่า อริยกนฺเตหิ ได้แก่ ศีล ๕ เพราะว่า ศีล ๕ เหล่านั้น เป็นที่ปรารถนา คือเป็นที่รักของพระอริยเจ้าทั้งหลาย พระอริยเจ้าทั้งหลาย ถึงไปสู่ภพ ก็ไม่ละศีล ๕ เหล่านั้น เพราะฉะนั้น ศีล ๕ เหล่านั้น จึงเรียกว่า "เป็นที่ปรารถนาของพระอริยเจ้า" ดูเหมือนว่าการจะบรรลุโสดาบันไม่ยากเลยนะครับ ถ้ามีความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า ในพระธรรม ในพระสงฆ์ และรักษาศีล ๕ ได้บริบูรณ์

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
khampan.a
วันที่ 27 เม.ย. 2564

เรียนความคิดเห็นที่ ๔ ครับ

[เล่มที่ 36] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต เล่ม ๓ - หน้าที่ ๘๑๘

ปหีนสูตร

(ว่าด้วยธรรมที่พระโสดาบันละได้แล้ว)

[๓๖๑] ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๖ ประการนี้ อันบุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิละได้แล้ว ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน คือ สักกายทิฏฐิวิจิกิจฉาสีลัพพตปรามาส ๑ ราคะที่เป็นเหตุไปสู่อบาย ๑ โทสะที่เป็นเหตุไปสู่อบาย ๑ โมหะที่เป็นเหตุไปสู่อบาย ๑

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๖ ประการนี้แล อันบุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิละได้แล้ว


การรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ถึงความเป็นพระอริยบุคคล แม้ความเป็นพระโสดาบัน ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องสะสมคุณความดีและการฟังพระธรรมศึกษาพระธรรม จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ มาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน เมื่อเหตุปัจจัยพร้อม จึงสามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้ ศีล ๕ จะบริสุทธิ์ได้ ก็เพราะมีปัญญา ไม่ใช่ด้วยการรักษาศีลโดยการนับข้อหรือด้วยความเป็นตัวตนที่อยากจะมีศีล ๕ ครบ จะเห็นได้ว่าการไม่ล่วงศีล ๕ อีกเลย นั้น เป็นผลจากความเป็นพระโสดาบัน นั่นเอง เพราะเหตุว่าท่านดับกิเลสอย่างหยาบที่จะเป็นเหตุให้ล่วงศีลได้แล้ว (ตามข้อความในพระสูตรข้างต้น) ท่านจึงไม่ล่วงศีล ๕ อีกต่อไป แต่ตราบใดที่ยังไม่ถึงความเป็นพระโสดาบัน ยังไม่สามารถดับกิเลสอะไรๆ ได้ ย่อมมีโอกาสล่วงศีลได้ เมื่อเหตุปัจจัยพร้อม แสดงถึงความเป็นจริงของสภาพธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัยไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น แม้บางท่านก่อนจะได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมถึงความเป็นพระโสดาบัน ท่านยังล่วงศีล ๕ เช่น นางชุชชุตตรา ล่วงศีลข้อ ๒ นายเขมกะหลานชายท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ล่วงศีลข้อ ๓ เป็นต้น แต่เมื่อท่านได้เป็นพระโสดาบันแล้ว ย่อมไม่มีเหตุใหล่วงศีลอีกต่อไป จึงเป็นเรื่องที่ละเอียดอย่างยิ่ง ครับ

...ยินดีในความดีของทุกๆ ทานครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
chatchai.k
วันที่ 27 เม.ย. 2564

ขออนุโมทนาครับ 

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
chatchai.k
วันที่ 27 เม.ย. 2564

ข้อความบางตอนจาก...

ความเห็นที่ 4

ดูเหมือนว่าการจะบรรลุโสดาบันไม่ยากเลยนะครับ ถ้ามีความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า ในพระธรรม ในพระสงฆ์ และรักษาศีล ๕ ได้บริบูรณ์


การบรรลุโสดาบัน ไม่ใช่เรื่องง่าย ครับ

ขอเชิญอ่านและรับฟังเพิ่มเติม...

ฟังเท่านี้.. ก็บรรลุเป็นพระโสดาบัน

หนทางสู่ความเป็นพระโสดาบัน (ภาคแรก)

หนทางสู่ความเป็นพระโสดาบัน (ภาคสอง)

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
nui_sudto55
วันที่ 16 เม.ย. 2567

สาธุครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ