บันทึกสุดท้าย แด่ คุณป้าสงวน สุจริตกุล
บันทึกสุดท้าย ... แด่ คุณป้าสงวน สุจริตกุล
ได้ทราบข่าวว่า คุณป้าสงวน สุจริตกุล เสียชีวิตแล้วเมื่อเช้าวันนี้ (28 พ.ค. 2564) ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เมื่ออายุเกือบ 105 ปี ไม่มีโอกาสได้เห็นท่านผู้มีบุญที่มีอายุเกิน 100 ปี และยังสามารถมาฟังธรรมที่มูลนิธิ ฯ ได้อีกแล้ว ตามพระพุทธพจน์ที่ทรงแสดงไว้ว่า “ชีวิตนี้น้อยหนอ สัตว์ย่อมตายหย่อนแม้กว่า 100 ปี แม้หากผู้ใดเป็นอยู่เกินไป ผู้นั้นย่อมตายแม้เพราะชราโดยแท้” (ขุททกนิกาย มหาวรรค)
ได้มีโอกาสสนิทสนมกับคุณป้าเมื่อเดินทางไปนมัสการสังเวชนียสถานที่ประเทศอินเดียครั้งแรก (ของดิฉัน) เมื่อกุมภาพันธ์ 2530 โดยการนำของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ การเดินทางครั้งนั้นยาวนานถึง 23 วัน ไปทั้งกัลกัตตา ดาร์จีลิง สิกขิม ชัยปุระ ถ้ำอชันตา ออโรล่า ป้อมแดง ทัชมาฮาล กรุงนิวเดลี ฯลฯ นั่งรถรอนแรมไปทั้งกลางวันทั้งกลางคืน คนขับรถอินเดียลงมาจุดเตาปิ้งโรตีข้างทาง ตอนนั้นเราเพิ่งไปฟังธรรมที่ท่านอาจารย์บรรยายที่วัดบวรนิเวศใหม่ๆ ยังไม่รู้จักใครเลย แต่ด้วยความศรัทธาในพระธรรมที่ได้ฟัง จึงสมัครร่วมเดินทางทันทีที่ได้ข่าว กลัวจะว้าเหว่เพราะไม่รู้จักสนิทกับใครเลย แต่ไม่ได้เป็นอย่างนั้น เพราะผู้ร่วมเดินทางปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมที่ได้เข้าใจแล้ว จึงได้รับความเมตตาจากคณะที่เดินทางไปด้วยกัน โดยเฉพาะท่านผู้ใหญ่ มีคุณหญิงณพรัตน์ สนิทวงศ์ คุณป้าสงวน สุจริตกุล คุณน้าชมัย กรลักษณ์ พี่จี๊ด คุณสุจิตต์ อึ้งภากรณ์ พี่กระเช้ารัตน์ สนิทวงศ์ พี่ดวงเดือน บารมีธรรม เป็นต้น ที่คอยดูแล
บางท่านก็กลัวจะหิวในระหว่างเดินทาง ท่านนำขนมชาววังมากมายไปแจกผู้ร่วมเดินทาง ยังจำรสชาติของขนมพายเรือสับปะรดลำเล็กๆ ที่ทั้งสวยงามและอร่อย และคุณป้ายังนำมาความบันเทิงด้วยเรื่องเล่าตลกๆ ตลอดการเดินทาง เช่น เรื่องพ่อแม่ส่งลูกชายไปเรียนเมืองนอก เมื่อเรียนจบนำภรรยาฝรั่งกลับมาด้วย แม่เห็นครั้งแรกอุทานว่า “เวรกรรม” ลูกสะใภ้ดีใจเข้าไปกอด ที่แม่บอกว่า “welcome” (ยินดีต้อนรับ) เมื่อเห็นคุณป้าครั้งใด ก็เตรียมหัวเราะไว้ก่อนได้เลย
การเดินทางไปอินเดียครั้งแรกนั้นจึงประทับใจมากๆ ชุ่มชื่นหัวใจด้วยความเข้าใจพระธรรมที่ท่านอาจารย์บรรยายตามสังเวชนียสถานทุกแห่ง และท่านยังเมตตาเกื้อกูลผู้มาฟังธรรมใหม่ ด้วยการสนทนาธรรมด้วยทุกครั้งที่มีโอกาส ตอนนั้นดิฉันก็เหมือนเด็กเพิ่งหัดพูด สอบถามตลอด อ่านอะไรมาก็ถาม จำได้ว่า ได้อ่าน "วาณิชชสูตร" ที่ว่า พ่อค้าบางคนค้าขายได้กำไรดี บางคนเท่าทุน บางคนขาดทุน เพราะบางคนปวารณาไว้แล้วทำมากกว่า บางคนทำเท่าที่พูดไว้ บางคนทำน้อยกว่าหรือไม่ทำเลย จึงถามท่านว่า "ถ้าอย่างนั้นไม่ต้องปวารณาไม่ดีกว่าหรือ อยากทำอะไรก็ทำเลย เป็นพ่อค้าจะได้ไม่ขาดทุน" ท่านอาจารย์ตอบว่า "คุณกาญจนา อย่าอ่านธรรมเหมือนอ่านกฎหมาย ทรงแสดงเหตุและผลของสภาพธรรมตามความเป็นจริง ที่เป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้" ตอนนั้นฟังแล้วก็มืดสนิทจนไม่รู้จะถามอะไรต่อ เวลาผ่านไปหลายสิบปี ฟังธรรมต่อมาเรื่อยๆ ตอนนี้เริ่มเข้าใจแล้วค่ะ และมีตอนหนึ่งท่านอาจารย์กล่าวว่า "สิ่งที่คิดว่ามีนั้น เหมือนกำมือเปล่า พอแบมือออกมาแล้วก็ไม่มีอะไรเลย" ประทับใจมาก แม้จะยังไม่เข้าใจแจ่มก็ตาม ตอนนี้แจ่มมากขึ้นว่า กำมือเปล่า เพราะไม่มีเรา แล้วจะมีสิ่งอื่นได้อย่างไร และต้องกราบขอบคุณความเมตตาของคณะผู้ร่วมเดินทางทุกท่านที่ทำให้อบอุ่นใจเหมือนอยู่ท่ามกลางญาติมิตร การเดินทางไปนมัสการสังเวชนียสถานที่อินเดียในครั้งนั้น ทำให้ชีวิตเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น ทำให้มั่นคงในการศึกษาพระธรรมมากขึ้นว่า ทางนี้แหละใช่เลย คือ ฟังธรรมให้เข้าใจ แล้วความเข้าใจจะทำกิจของความเข้าใจเอง ไม่ต้องเสียเวลาไปแสวงหาธรรมที่ไหน จากใครอีกแล้ว
และวันเวลาก็ผ่านไปนานนับสิบๆ ปี ได้รู้จักคุณป้ามากขึ้น รู้ว่า แม้คุณป้าจะชอบเล่าเรื่องตลกให้คนหัวเราะ แต่คุณป้าจริงจังกับการศึกษาพระธรรมมากที่สุดเท่าที่เคยเห็น ท่านอาจารย์เล่าว่า คุณป้าเริ่มศึกษาธรรมเมื่ออายุ 50 ปี และหลังจากนั้นคุณป้าก็ศึกษาต่อเนื่อง ไม่ไปที่ไหนอีกเลย คุณป้าทำประโยชน์แก่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนามากที่สุดท่านหนึ่ง ท่านเป็นกรรมการมูลนิธิ ฯ ตั้งแต่เริ่มตั้งและเป็นเรื่อยมาจนอายุ 100 กว่า แม้มีอายุเกิน 100 จนต้องนั่งรถเข็น เมื่อสุขภาพแข็งแรงพอก็จะให้ลูกสาว คุณแดง อริสา เตชะกำพุช พามาโรงเรียน (ตามสำนวนคุณป้า) ในบ่ายวันอาทิตย์ พวกเราคงจำภาพคุณป้าบนรถเข็น หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสทักทายผู้คนที่พากันมาไหว้ตลอดทาง และภาพประทับใจเมื่อบัณฑิตทั้งสองท่านพบกัน คือท่านอาจารย์และคุณป้า ก่อนขึ้นบรรยายธรรม ท่านอาจารย์ก็จะมาไหว้คุณป้าที่นั่งรถเข็นอยู่แถวกลางหน้าสุดในฐานะที่อาวุโสกว่า และคุณป้าก็ไหว้ท่านอาจารย์ในฐานะอาจารย์ทุกครั้ง
ที่ว่าคุณป้าจริงจังกับการศึกษาพระธรรมมากที่สุดเท่าที่เคยเห็นนั้น เพราะคุณป้าถอดคำบรรยาย “แนวทางเจริญวิปัสสนา” ของท่านอาจารย์จากเทปคาสเซทด้วยลายมือที่สวยงาม เก็บไว้เป็นเล่มๆ นับได้หลายร้อยเล่ม เพื่อกันลืม (มีใครทำแบบนี้ต่อเนื่องยาวนานบ้าง) มีคนขอยืมไปแล้วไม่คืนก็มาก แต่คุณป้าก็ถอดใหม่ และเมื่อสถานีวิทยุ สทร. นำเทปมาออกอากาศในตอนเช้าและตอนค่ำ คุณป้าก็จะตรวจทานคำบรรยายอีกครั้งหนึ่ง เมื่อต้องเดินทางไปต่างประเทศ ไม่สามารถตรวจทานด้วยตนเองได้ ก็จะมอบหมายให้ผู้ที่คุณป้าต้องการให้เข้าใจธรรม ตรวจทานให้ เช่น พี่น้อย คุณโกวิท อมาตยกุล ที่เขียนไว้ในหนังสือ "เหตุใดผมจึงศึกษาธรรม" และมีครั้งหนึ่ง คุณป้าเดินทางไปธรรมสัญจรกับท่านอาจารย์และคณะที่ตุรกีและอิยิปต์ ท่านได้มอบหมายให้ดิฉันเป็นคนตรวจทานคำบรรยายที่คุณป้าถอดเทปไว้ว่าคลาดเคลื่อนกับที่ออกอากาศหรือไม่ ซึ่งไม่พบที่ผิดคลาดเคลื่อนเลย เมื่อกลับมาจากธรรมสัญจร คุณป้ายังมีของฝากเป็นเสื้อสวยลวดลายอิยิปต์ เป็นรางวัลที่ช่วยตรวจทานให้ ความจริงสิ่งที่ได้จากงานที่คุณป้ามอบหมายให้นั้น คือ ความเข้าใจธรรมเพิ่มขึ้นก็มีค่าที่สุดแล้ว แต่ก็ดีใจมากที่ได้รับรางวัลค่ะ
นอกจากนั้นคุณป้ายังออกอากาศทางสถานีวิทยุในรายการ "คุยกันวันพุธ" กับคณะสหายธรรม โดยการนำของอาจารย์ประณีต ก้องสมุทร ซึ่งเป็นผู้เรียบเรียงบทจากพระสูตร ให้คุณป้าและคณะผลัดกันอ่านคนละวรรค และต่อมารวบเรียงพิมพ์เป็นหนังสือ "คุยกันวันพุธ" แจกเป็นธรรมทานหลายเล่ม ดิฉันก็ได้รับแจกด้วยเช่นกัน
คุณป้ากับดิฉันเกิดเดือนเดียวกัน คือ ตุลาคม เมื่อก่อนนี้พวกเราที่เกิดเดือนเดียวกันจะไปรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันที่บ้านท่านอาจารย์อยู่นานหลายปี ดิฉันได้รับของขวัญและการ์ดอวยพรของมูลนิธิสายใจไทย และคำอวยพรด้วยลายมือสวยๆ ของคุณป้าหลายครั้ง กราบขอบพระคุณในเมตตาจิตที่มอบให้มาตลอดตั้งแต่รู้จักกันค่ะ
เมื่อ พ.ศ. 2535 ท่านอาจารย์ให้ดิฉันพิมพ์คำบรรยาย "แนวทางเจริญวิปัสสนา" เก็บไว้ในคอมพิวเตอร์เพื่อเป็นหลักฐานไม่ให้สูญหาย คุณป้าถอดเทปเสร็จแล้วก็ให้คุณอ้อม สวิณี แสนทอง นำมาให้ที่บ้านเย็นวันอาทิตย์ (ตอนนั้นไม่สะดวกเดินทางไปมูลนิธิฯ) เพื่อพิมพ์เก็บไว้ และต่อมาคุณป้าไม่ได้ไปที่มูลนิธิฯ ก็ให้คุณพรชัย เสรีเจริญศักดิ์ ไปเอาที่บ้านคุณป้าไปให้ที่มูลนิธิฯ จึงได้พิมพ์ติดต่อกันจนครบทั้ง 2,081 ตอน (รวมกับท่านอื่น คือ คุณน้าประมัย โชติวรรณ ที่พิมพ์คำบรรยายบางส่วน และอีกท่านหนึ่งพิมพ์ "ปัจจัย 24" ไว้แล้ว) และทางมูลนิธิฯได้จัดทำเป็น e book ในเว็บไซต์ www.dhammahome.com
ขอให้กุศลจิตที่คุณป้าอยู่กับพระธรรมเกือบตลอดเวลาที่ได้ฟัง ได้เขียน ได้อ่านทบทวน ได้พิจารณาพระธรรมนั้น และกุศลทั้งหมดที่พวกเราอุทิศให้ จงเป็นพลวปัจจัยให้คุณป้าสงวน สุจริตกุล มีความสุขในภพภูมิที่อยู่ตลอดไปจนกว่าจะถึงที่สุดแห่งทุกข์ในวัฏฏะค่ะ
กราบเท้าคุณป้าเป็นครั้งสุดท้ายด้วยความเคารพอย่างยิ่งค่ะ
ขอเชิญอ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง ของคุณย่าสงวน สุจริตกุล ได้ที่ลิงค์ด้านล่าง
- ผู้เพิ่งจากไป คุณย่าสงวน สุจริตกุล คุณย่า ๕ แผ่นดิน สมาชิกชมรมบ้านธัมมะ ลำดับที่ ๓
- คุณย่าสงวน สุจริตกุล คุณย่า ๕ แผ่นดิน สมาชิกชมรมบ้านธัมมะ ลำดับที่ ๓
- คุณย่าสงวน สุจริตกุล มอบเงินสมทบกองทุนสนับสนุนส่งเสริมการเผยแพร่พระธรรมในประเทศอินเดีย
- ผู้อยู่เบื้องหลังหนังสือธรรมะ ของมูลนิธิฯ ... คุณย่า สงวน สุจริตกุล
- ประมวลภาพ บูชาคุณ คุณย่าสงวน สุจริตกุล
- ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ บ้านอัมพวา รีสอร์ทแอนด์สปา ๑๗ - ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๕
- วันสุกดิบ งานครบรอบคล้ายวันเกิดครบ ๘ รอบ คุณย่าสงวน สุจริตกุล ๑๗ ต.ค. ๕๕
- ณ กาลครั้งหนึ่ง ๙๖ ปี คุณย่าสงวน สุจริตกุล
- ขอแสดงความยินดีกับ คุณย่าสงวน สุจริตกุล ที่ได้รับรางวัล หอเกียรติยศ Hall of Fame จากสยามกีฬา
กุศลอันใดที่ข้าพเจ้าได้กระทำขอให้คุณย่าได้มีจิตโสมนัสร่วมด้วย และกราบอนุโมทนาในกุศลทั้งปวงที่คุณย่าได้ทำ และทิ้งมรดกอันล้ำค่าทางธรรมให้ได้ศึกษาคะ
ขออนุโมทนาในกุศลทุกประการที่คุณย่าสงวน สุจริตกุล ได้บำเพ็ญแล้ว
กราบอนุโมทนาครับ
ข้อมูลในเมนูต่างๆของเว็ปไซต์บ้านธัมมะ มาจาก กุศลวิริยะของคุณย่า ครับ
นอกจากฟังธรรมแล้ว คุณย่ายังบันทึกเทป (เพื่อกันลืม) และถอดเทปการบรรยายธรรมทางวิทยุของท่านอาจารย์ ด้วยความมุ่งมั่นและสนใจจริง ตั้งแต่เริ่มฟังจนบัดนี้ เกือบจะครบ ๔๖ ปี ในเดือนตุลาคม ศกนี้ (พุทธศักราช ๒๕๕๕) จากผลงานการถอดเทปของคุณย่าเพื่อกันลืมนั้น ได้เป็นผลงานที่ทรงคุณค่ายิ่งแก่พระพุทธศาสนา นั่นคือ หนังสือของมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนาในช่วงแรกๆ หลายรายการ อาทิ แนวทางเจริญวิปัสสนา ๑ - ๔ , บารมีในชีวิตประจำวัน ฯลฯ ล้วนมาจากการถอดเทปของคุณย่าทั้งสิ้น ยกเว้น หนังสือปรมัตถธรรมสังเขป ซึ่งเป็นหนังสือเพียงเล่มเดียว ที่ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ได้เขียนขึ้นไว้ด้วยตัวของท่านเอง (ตีสองจนรุ่งเช้า เป็นเวลาถอดเทปของคุณย่าในปัจจุบัน ส่วนสมัยก่อนนั้น คุณย่าบอกว่าถอดเทปแทบทั้งวัน) ..."
กราบอนุโมทนาในกุศลทุกประการของคุณย่าสงวน สุจริตกุล
กราบคุณย่าสงวนด้วยความเคารพยิ่ง
ขออุทิศคุณความดีทั้งปวงที่ได้ทำมาแล้วให้แก่คุณย่า ขอคุณย่าจงมีจิตโสมนัสยินดีอนุโมทนาในส่วนกุศลด้วยเทอญ
กราบอนุโมทนาในกุศลทุกประการที่คุณย่าสงวน สุจริตกุล ได้บำเพ็ญแล้ว
กราบอนุโมทนาในกุศลจิตทุกประการของคุณย่าหงวนด้วยค่ะ คุณย่าไม่เคยขาดการฟังธรรมเลย และคุณย่าเป็นคนน่ารักและมีอารมณ์ขันอยู่เสมอ เจอคุณย่าทีไรเป็นได้ฮาตลอด นั่นคือคุณย่าค่ะ พอมาได้มาพบท่านอาจารย์ ก็เห็นคุณย่าติดตามาตลอดไม่เคยขาด
ที่ชอบและประทับใจมากที่สุดคือ เวลาที่ท่านมาฟังธรรม ท่านจะนั่งอยู่แถวหน้าสุด พอถึงเวลา เริ่มสนทนาช่วงบ่าย ท่านอาจารย์ก็จะแวะมาทักทายคุณย่าก่อนขึ้นนั่งสนทนาธรรมทุกครั้ง และการทักทายของทั้งสองท่าน มือของทั้งสองท่านที่สัมผัสกัน แม้นมองด้วยสายตา ก็สามารถสัมผัสได้ถึง ความอบอุ่น ความเป็นกัลยาณมิตรของท่านทั้งสองอย่างชัดเจน ท่านมีความเอื้ออาทรต่อกันเสมอ นี่แหละคือความทรงจำที่จะไม่มีวันลืม ภาพนั้นที่เคยถ่ายเอาไว้แทบทุกครั้ง ดูทีไรก็ตื้นตันใจทุกทีค่ะ
คุณย่าเป็นที่รักและเคารพของทุกคนค่ะ รักและเคารพคุณย่านะคะ🙏
ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลที่ได้บำเพ็ญแล้ว แด่คุณย่าสงวน สุจริตกุล ขอจงมีจิตโสมนัสยินดีอนุโมทนาในส่วนกุศลด้วยเทอญ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาพี่แดงและทุกท่านค่ะ
กราบอนุโมทนาในกุศลทุกประการที่คุณย่าสงวน สุจริตกุล ได้บำเพ็ญแล้ว
ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลที่ได้บำเพ็ญแล้ว แด่คุณย่า สงวน สุจริตกุล ขอจงมีจิตโสมนัสยินดีอนุโมทนาในส่วนกุศลด้วยเทอญ สาธุ
กราบคุณย่าด้วยความเคารพยิ่งและขออุทิศส่วนกุศลให้คุณย่าด้วยครับ
กราบเท้าชื่นชมยินดียิ่งในคุณความดีทั้งหลายที่คุณย่าสงวน สุจริตกุลได้กระทำไว้ค่ะ
ขออุทิศส่วนกุศลที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมาแล้วแด่คุณย่าสงวน สุจริตกุล ได้มีจิตโสมนัสยินดีในส่วนกุศลด้วยเทอญ
กราบขอบพระคุณและกราบอนุโมทนาพี่แดงด้วยค่ะ
กราบระลึกถึงและอนุโมทนาในคุณความดีทุกประการของคุณย่าที่ได้กระทำไว้แล้วค่ะ บุญกุศลของท่านได้แผ่มาถึงเราผู้มาศึกษาใหม่ที่ท่านได้บันทึกการแสดงพระธรรมที่มีค่าของท่านอาจารย์ไว้แก่พวกเรา
กราบอนุโมทนาพี่แดงค่ะ
กราบคุณป้าสงวนด้วยความเคารพรัก ขอน้อมส่งคุณป้าสู่สัมปรายภพอันไพบูลย์ค่ะ
กราบคุณย่า"สงวน" ผู้รักษาตนด้วยความดีจากความเข้าใจพระธรรม จึงเจริญกุศลเพื่อพระธรรมมาอย่างยาวนาน เป็นประโยชน์ต่อพวกเรา และคนรุ่นถัดๆไปที่นับเวลาและจำนวนไม่ได้เลย ให้ได้อ่านข้อความที่เป็นความจริงที่เป็นคำของท่านอาจารย์ถ่ายทอดจากความเข้าใจในคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
คุณประโยชน์ที่คุณย่ากระทำสำเร็จแล้วย่อมคงอยู่ในหทัยไม่สูญหาย และพวกเรารุ่นหลังก็ได้รับประโยชน์นั้นด้วยอย่างมากมาย เมื่ออ่านหนังสือ"แนวทางเจริญวิปัสสนา" จนถึง"บารมีในชีวิตประจำวัน" ฯลฯ
ขอน้อมอุทิศกุศลคุณความดีทั้งปวงที่ได้บำเพ็ญแล้วให้แก่คุณย่าได้รับทราบเพื่อมีจิตโสมนัสยินดีอนุโมทนาในส่วนกุศลด้วยเทอญ
กราบขอบพระคุณยินดีในกุศลพี่แดง อาจารย์กาญจนา และทุกท่าน ด้วยค่ะ
แม้นได้เพียงรู้จักท่าน "คุณย่าสงวน" จากการบอกเล่าในปี 2563 ก็มหัศจรรย์แล้ว
พอทราบข่าวว่าท่านสู่ภพภูมิใหม่ยิ่งเข้าใจสังสารวัฏฏ์ ที่ท่านได้สะสมความดีทั้งทางโลกที่ได้รับการยกย่องและยังได้บันทึกทางธรรม ที่ปรากฏตลอด 105 ปีของอายุคุณย่า
ขอระลึกกราบความดีที่ท่านกระทำมาค่ะ และน้อมอุทิศกุศลที่ข้าพเจ้าได้ทำมาแด่ "คุณย่าสงวน" และทุกท่านค่ะ
หนูขออุทิศกุศลกรรมทุกประการ แด่ คุณย่าสงวน สุจริตกุล ค่ะ
และหนูขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณย่าด้วยค่ะ ที่มีความพากเพียรอุสาหะ ถอดเทปคำบรรยายท่านอาจารย์ จนกลายมาเป็นหนังสือพระธรรมให้ผู้ที่มีความสนใจในพระพุทธศาสนาได้อ่าน ที่จะเป็นครั้งหนึ่งในสังสารวัฏฏ์ที่แสนประเสริฐและหาได้ยากยิ่ง
น้อมกราบอนุโมทนาสาธุในความดีที่ท่านมีความเมตตาให้ให้พวกเราทั้งหลายได้รู้ได้เข้าใจในธรรมะทุกประการเทอญ
กราบอนุโมทนาในคุณความดีทั้งหลายที่คุณย่าสงวน สุจริตกุลได้กระทำไว้ และขออุทิศส่วนกุศลทั้งหมดที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมาแด่คุณย่าสงวน สุจริตกุล ขอคุณย่าได้รับรู้และ มีจิตโสมนัสยินดีด้วยเทอญ
กราบขอบพระคุณและกราบอนุโมทนาพี่แดงด้วยค่ะ
กราบยินดีในกุศลทุกประการที่คุณย่าสงวน สุจริตกุล บำเพ็ญตลอดมา และขออุทิศกุศลแด่คุณย่าสงวนค่ะ สาธุ.สาธุ.สาธุ
ไม่ว่าจะมีคน สัตว์ สิ่งของที่พลัดพราก ย่อมเป็นธรรมดา และยากแสนยาก คือความพลัดพราก จะได้พบกันอีกเมื่อไร ไม่ทราบได้
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออุทิศส่วนกุศลที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมาแล้วแด่คุณย่าสงวน สุจริตกุล ขอจงมีจิตโสมนัสยินดีอนุโมทนาในส่วนกุศลด้วยเทอญ
- สยามกีฬา อวอร์ดส์ ครั้งที่ ๑๑ KBank Hall of Fame 2016 คุณย่าสงวน สุจริตกุล นักเทนนิส 5 แผ่นดิน
- ข่าวจากไทยรัฐออนไลน์ : วงการกีฬาเศร้า สูญเสีย คุณย่าสงวน สุจริตกุล สิ้นตำนานเทนนิส 5 แผ่นดิน
- ผู้เพิ่งจากไป คุณย่าสงวน สุจริตกุล คุณย่า ๕ แผ่นดิน สมาชิกชมรมบ้านธัมมะ ลำดับที่ ๓
- คุณย่าสงวน สุจริตกุล คุณย่า ๕ แผ่นดิน สมาชิกชมรมบ้านธัมมะ ลำดับที่ ๓