๑๐. ตติยเจตนาสูตร ว่าด้วยความเกิดและดับกองทุกข์
[เล่มที่ 26] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้า 210
๑๐. ตติยเจตนาสูตร
ว่าด้วยความเกิดและดับกองทุกข์
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 26]
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้า 210
๑๐. ตติยเจตนาสูตร
ว่าด้วยความเกิดและดับกองทุกข์
[๑๔๙] พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุย่อมจงใจ ย่อมดำริ และย่อมครุ่นคิดถึงสิ่งใด สิ่งนั้นย่อมเป็นอารัมมณปัจจัยเพื่อความตั้งอยู่แห่งวิญญาณ เมื่อมีอารัมมณปัจจัย ความตั้งมั่นแห่งวิญญาณจึงมี เมื่อวิญญาณนั้นตั้งมั่นแล้ว เจริญขึ้นแล้ว ตัณหาจึงมี เมื่อมีตัณหา คติในการเวียนมาจึงมี เมื่อมีคติในการเวียนมา จุติและอุปบัติจึงมี เมื่อมีจุติและอุปบัติ ชาติชราและมรณะ
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้า 211
โสกปริเทวทุกขโทมนัสและอุปายาสจึงมี ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่จงใจ ไม่ดำริ แต่ยังครุ่นคิดถึงสิ่งใด สิ่งนั้นย่อมเป็นอารัมมณปัจจัยเพื่อความตั้งอยู่แห่งวิญญาณ เมื่อมีอารัมมณปัจจัย ความตั้งมั่นแห่งวิญญาณจึงมี เมื่อวิญญาณนั้นตั้งมั่นแล้ว เจริญขึ้นแล้ว ตัณหาจึงมี เมื่อมีตัณหา คติในการเวียนมาจึงมี เมื่อมีคติในการเวียนมา จุติและอุปบัติจึงมี เมื่อมีจุติและอุปบัติ ชาติชราและมรณะ โสกปริเทวทุกขโทมนัสและอุปายาสจึงมี ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้.
[๑๕๐] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อภิกษุไม่จงใจ ไม่ดำริ และไม่ครุ่นคิดถึงสิ่งใด สิ่งนั้นย่อมไม่เป็นอารัมมณปัจจัยเพื่อความตั้งอยู่แห่งวิญญาณ เมื่อไม่มีอารัมมณปัจจัย ความตั้งมั่นแห่งวิญญาณจึงไม่มี เมื่อวิญญาณนั้นไม่ตั้งมั่นแล้ว ไม่เจริญขึ้นแล้ว ตัณหาจึงไม่มี เมื่อไม่มีตัณหา คติในการเวียนมาจึงไม่มี เมื่อไม่มีคติในการเวียนมา จุติและอุปบัติจึงไม่มี เมื่อไม่มีจุติและอุปบัติ ชาติ ชราและมรณะ โสกปริเทวทุกขโทมนัสและอุปายาสต่อไปจึงดับ ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้.
จบตติยเจตนาสูตรที่ ๑๐
กฬารขัตติยวรรคที่ ๔ จบ
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้า 212
รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้ คือ
๑. ภูตมิทสูตร
๒. กฬารขัตติยสูตร
๓. ปฐมญาณวัตถุสูตร
๔. ทุติยญาณวัตถุสูตร
๕. ปฐมอวิชชาปัจจยสูตร
๖. ทุติยอวิชชาปัจจยสูตร
๗. นตุมหสูตร
๘. ปฐมเจตนาสูตร
๙. ทุติยเจตนาสูตร
๑๐. ตติยเจตนาสูตร.
อรรถกถาตติยเจตนาสูตรที่ ๑๐
พึงทราบวินิจฉัยในตติยเจตนาสูตรที่ ๑๐ ต่อไป.
บทว่า นติ แปลว่า ตัณหา.
ก็ตัณหานั้น เรียกว่า นติ เพราะอรรถว่าน้อมไปในอารมณ์มีรูปเป็นต้น อันเป็นปิยรูป รูปที่น่ารัก.
ข้อว่า อาคติคติ โหติ แปลว่า คติในการเวียนมาจึงมี. เมื่อกรรม กรรมนิมิต หรือคตินิมิตมาปรากฏ คติแห่งวิญญาณย่อมมีด้วยอำนาจปฏิสนธิ.
บทว่า "จุตูปปาโต จุติและอุปบัติจึงมี" หมายความว่า เมื่อคติอันเป็นอารมณ์แห่งปฏิสนธิมาปรากฏแก่วิญญาณ มีอยู่ จุติ กล่าวคือการเคลื่อนจากภพนี้จึงมี. อุปบัติ กล่าวคือการบังเกิดขึ้นในภพนั้นจึงมี.
ชื่อว่าจุติและอุปบัติ (การตายและการเกิด) นี้จึงมี.
ระหว่างตัณหากับคติในการเวียนมา จึงเป็นอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า เป็นสนธิอันหนึ่งในพระสูตรนี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
จบอรรถกถาตติยเจตนาสูตรที่ ๑๐
จบอรรถกถากฬารขัตติยวรรคที่ ๔