๘. โลกายติกสูตร ว่าด้วยโลกายตะ
[เล่มที่ 26] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้า 232
๘. โลกายติกสูตร
ว่าด้วยโลกายตะ
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 26]
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้า 232
๘. โลกายติกสูตร
ว่าด้วยโลกายตะ
[๑๗๕] พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี. ครั้งนั้นแล พราหมณ์ผู้รอบรู้คัมภีร์โลกายตะเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ฯลฯ
[๑๗๖] ครั้นนั่งเรียบร้อยแล้ว พราหมณ์ผู้รอบรู้คัมภีร์โลกายตะ ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า พระโคดมผู้เจริญ สิ่งทั้งปวงมีอยู่หรือหนอ.
ภ. ดูก่อนพราหมณ์ ข้อที่ว่า สิ่งทั้งปวงมีอยู่นี้ เป็นทิฏฐิว่าด้วยความสืบต่อแห่งโลกที่หนึ่ง.
โล. ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ก็สิ่งทั้งปวงไม่มีอยู่หรือ.
ภ. ดูก่อนพราหมณ์ ข้อที่ว่า สิ่งทั้งปวงไม่มีอยู่นี้ เป็นทิฏฐิว่าด้วยความสืบต่อแห่งโลกที่สอง.
โล. ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ สิ่งทั้งปวงมีสภาพเป็นอย่างเดียวกันหรือ.
ภ. ดูก่อนพราหมณ์ ข้อที่ว่า สิ่งทั้งปวงมีสภาพเป็นอย่างเดียว
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้า 233
กันนี้ เป็นทิฏฐิว่าด้วยความสืบต่อแห่งโลกที่สาม.
โล. พระโคดมผู้เจริญ ก็สิ่งทั้งปวงมีสภาพต่างกันหรือ.
ภ. ดูก่อนพราหมณ์ ข้อที่ว่า สิ่งทั้งปวงมีสภาพต่างกันนี้ เป็นทิฏฐิว่าด้วยความสืบต่อแห่งโลกที่สี่ ดูก่อนพราหมณ์ ตถาคตแสดงธรรมโดยสายกลาง ไม่เข้าใกล้ส่วนสุดทั้งสองนั้นดังนี้ว่า เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขาร เพราะสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ ฯลฯ ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้ ก็เพราะอวิชชาดับด้วยสำรอกโดยไม่เหลือ สังขารจึงดับ เพราะสังขารดับ วิญญาณจึงดับ ฯลฯ ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้.
[๑๗๗] เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้แล้ว โลกายติกพราหมณ์ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ พระธรรมเทศนาแจ่มแจ้งยิ่งนัก ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ พระธรรมเทศนาแจ่มแจ้งยิ่งนัก ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ เปรียบเหมือนบุคคลหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางให้แก่คนหลงทาง หรือตามประทีปไว้ในที่มืด ด้วยหวังว่า คนมีจักษุจักเห็นรูปดังนี้ ฉันใด พระองค์ทรงประกาศธรรมโดยอเนกปริยาย ฉันนั้นเหมือนกัน ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์นี้ขอถึงท่านพระโคดมกับทั้งพระธรรมและภิกษุสงฆ์ว่าเป็นสรณะ ขอท่านพระโคดมผู้เจริญ จงทรงจำข้าพระองค์ว่าเป็นอุบาสกผู้ถึงสรณะตลอดชีวิต ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป.
จบโลกายติกสูตรที่ ๘
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้า 234
อรรถกถาโลกายติกสูตรที่ ๘
ในโลกายติกสูตรที่ ๘ มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
บทว่า โลกายติโก ได้แก่ ผู้กระทำความคุ้นเคยในทิฏฐิว่าด้วยความสืบต่อแห่งโลก อันหมู่ชนผู้คุ้นเคยกันคุยกันเล่นสนุกๆ.
บทว่า เชฏฺเมตํ โลกายตํ ได้แก่ ทิฏฐิว่าด้วยความสืบต่อแห่งโลกข้อที่ ๑.
บทว่า โลกายตํ ได้แก่ ความสืบต่อแห่งโลกนั่นเอง คือความสืบต่อแห่งโลกพาลปุถุชน ได้แก่ทิฏฐิว่ามีเล็กน้อย อันบุคคลเข้าไปทรงจำว่าใหญ่ว่าลึก.
ด้วยบทว่า เอกตฺตํ นี้ พราหมณ์ชื่อ โลกายตะ ถามถึงสิ่งที่มีสภาพเป็นอย่างเดียวกันว่า เป็นสิ่งที่เที่ยงนั่นเอง.
ด้วยบทว่า ปุถุตฺตํ โลกายติกพราหมณ์ ถามถึงสภาพที่ต่างจากสภาพก่อน หมายเอาความขาดสูญว่า สิ่งทั้งปวงมีโดยภาวะเป็นเทวดาและมนุษย์เป็นต้นก่อน แต่ภายหลังย่อมไม่มีอีก.
ในพระสูตรนี้ พึงทราบสัสสตทิฏฐิ ๒ คือ สิ่งทั้งปวงมีอยู่ ๑. สิ่งทั้งปวงมีสภาวะเป็นอย่างเดียวกัน ๑.
พึงทราบอุจเฉททิฏฐิ ๒ คือ สิ่งทั้งปวงไม่มี ๑ สิ่งทั้งปวงมีสภาวะต่างกัน ๑ ด้วยประการฉะนี้.
จบอรรถกถาโลกายติกสูตรที่ ๘