๖. สตาปารัทธสูตร ว่าด้วยสัตว์คบค้าสมาคมกันโดยธาตุ
[เล่มที่ 26] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้า 448
๖. สตาปารัทธสูตร
ว่าด้วยสัตว์คบค้าสมาคมกันโดยธาตุ
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 26]
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้า 448
๖. สตาปารัทธสูตร (๑)
ว่าด้วยสัตว์คบค้าสมาคมกันโดยธาตุ
[๓๖๘] พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี. ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกภิกษุทั้งหลาย... แล้วได้ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลายย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกัน โดยธาตุเทียว คือสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยเลว ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยเลว แม้ในอดีตกาล... แม้ในอนาคตกาล... แม้ในปัจจุบันกาล สัตว์ทั้งหลายก็ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกัน โดยธาตุเทียว คือสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยเลว ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยเลว.
[๓๖๙] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คูถกับคูถย่อมเข้ากันได้ ร่วมกันได้ มูตรกับมูตรย่อมเข้ากันได้ ร่วมกันได้ เขฬะกับเขฬะย่อมเข้ากันได้ ร่วมกันได้ บุพโพกับบุพโพย่อมเข้ากันได้ ร่วมกันได้ โลหิตกับโลหิตย่อมเข้ากันได้ ร่วมกันได้ แม้ฉันใด ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลายก็ฉันนั้นแล ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกัน โดยธาตุเทียว คือสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยเลว ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยเลว แม้ในอดีตกาล... แม้ในอนาคตกาล... แม้ในปัจจุบันกาล สัตว์ทั้งหลายก็ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกัน โดยธาตุเทียว คือจำพวกที่มีอัธยาศัยเลว ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยเลว.
(๑) ม. สคาถาสูตร.
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้า 449
[๓๗๐] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลายย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกัน โดยธาตุเทียว คือสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยดี ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยดี แม้ในอดีตกาล... แม้ในอนาคตกาล... แม้ในปัจจุบันกาล สัตว์ทั้งหลายก็ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกัน โดยธาตุเทียว คือสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยดี ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยดี.
[๓๗๑] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย น้ำนมสดกับน้ำมันสดย่อมเข้ากันได้ ร่วมกันได้ น้ำมันกับน้ำมันย่อมเข้ากันได้ ร่วมกันได้ เนยใสกับเนยใสย่อมเข้ากันได้ ร่วมกันได้ น้ำผึ้งกับน้ำผึ้งย่อมเข้ากันได้ ร่วมกันได้ น้ำอ้อยกับน้ำอ้อยย่อมเข้ากันได้ ร่วมกันได้ แม้ฉันใด สัตว์ทั้งหลายก็ฉันนั้นแล ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกัน โดยธาตุเทียว คือสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยดี ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยดี แม้ในอดีตกาล... แม้ในอนาคตกาล... แม้ในปัจจุบันกาล สัตว์ทั้งหลายก็ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกัน โดยธาตุเทียว คือสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยดี ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยดี.
[๓๗๒] พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้สุคตศาสดา ครั้นได้ตรัสไวยากรณภาษิตนี้จบลงแล้ว จึงตรัสพระคาถาประพันธ์ต่อไปว่า:
กิเลสเพียงดังหมู่ไม้ในป่า เกิดขึ้นเพราะการคบค้าสมาคม ย่อมขาดเพราะไม่คบค้าสมาคม คนเกาะท่อนไม้เล็กๆ พึงจมลงในห้วงมหรรณพ ฉันใด แม้สาธุชนก็ย่อมจมลง เพราะอาศัยคนเกียจคร้าน ฉันนั้น เพราะฉะนั้น พึงเว้นคนเกียจคร้าน มีความ
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้า 450
เพียรเลวนั้นเสีย พึงอยู่ร่วมกับบัณฑิตผู้สงัด ผู้เป็นอริยะ ผู้มีใจสูง ผู้เพ่งพินิจ ผู้ปรารภความเพียรเป็นนิตย์.
จบสตาปารัทธสูตรที่ ๖
อรรถกถาสตาปารัทธสูตรที่ ๖
พึงทราบวินิจฉัยในสตาปารัทธสูตรที่ ๖ ดังต่อไปนี้.
บทว่า คูโถ คูเถน สํสนฺทติ สเมติ ความว่า คูถแม้อยู่ระหว่างสมุทร ระหว่างชนบท ระหว่างจักรวาล โดยสีก็ดี โดยกลิ่นก็ดี โดยรสก็ดี ไม่เข้าถึงความต่างกัน ย่อมเข้ากันได้ รวมกันได้ คือเป็นเช่นเดียวกันและเป็นนิรันดร.
แม้ในบทที่เหลือก็มีนัยนี้แล.
ก็อุปมาด้วยของไม่น่าปรารถนานี้ ท่านนำมาเพื่อแสดงความที่อัธยาศัยของผู้มีอัธยาศัยเลวเสมอกัน.
อุปมาด้วยของดีเลิศมีน้ำนมเป็นต้น ท่านนำมาเพื่อแสดงความที่อัธยาศัยของผู้มีอัธยาศัยดีเสมอกัน.
บทว่า สํสคฺคา ความว่า ด้วยความสิเนหาด้วยตัณหามีการเห็น การฟังและการคบค้ากันเป็นต้นเป็นที่ตั้ง.
บทว่า วนโถ ชาโต ได้แก่ ป่าคือกิเลสเกิดแล้ว.
บทว่า อสํสคฺเคน ฉิชฺชติ ความว่า เมื่อไม่กระทำการยืนและการนั่งร่วมกัน ก็ย่อมขาด เพราะไม่คบค้าสมาคมคือไม่พบเห็นกัน.
บทว่า สาธุชีวี ได้แก่ เมื่อยังมีชีวิตอยู่ ก็มีชีวิตบริสุทธิ์.
บทว่า สหาวเส ได้แก่ พึงอยู่ร่วมกัน.
จบอรรถกถาสตาปารัทธสูตรที่ ๖