พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

๑๐. เวปุลลปัพพตสูตร ว่าด้วยความเป็นไปของภูเขาเวปุลละ

 
บ้านธัมมะ
วันที่  4 ก.ย. 2564
หมายเลข  36630
อ่าน  437

[เล่มที่ 26] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้า 532

๑๐. เวปุลลปัพพตสูตร

ว่าด้วยความเป็นไปของภูเขาเวปุลละ


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 26]


  ข้อความที่ 1  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 31 ม.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้า 532

๑๐. เวปุลลปัพพตสูตร

ว่าด้วยความเป็นไปของภูเขาเวปุลละ

[๔๕๖] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ ภูเขาคิชฌกูฏ กรุงราชคฤห์. ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกภิกษุ

 
  ข้อความที่ 2  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 31 ม.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้า 533

ทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ดังนี้.

[๔๕๗] พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสดังนี้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สงสารนี้กำหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ เมื่อเหล่าสัตว์ผู้มีอวิชชาเป็นที่กางกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องประกอบไว้ ท่องเที่ยวไปมาอยู่ ที่สุดเบื้องต้นย่อมไม่ปรากฏ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว เวปุลลบรรพตนี้ได้ชื่อว่าปาจีนวังสะ สมัยนั้นแล หมู่มนุษย์ได้ชื่อว่า ติวรา หมู่มนุษย์ชื่อติวรา มีอายุประมาณ ๔ หมื่นปี หมู่มนุษย์ชื่อติวรา ขึ้นปาจีนวังสบรรพตเป็นเวลา ๔ วัน ลงก็เป็นเวลา ๔ วัน. สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่ากกุสันธะ เสด็จอุบัติขึ้นในโลก พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่ากกุสันธะมีพระสาวกคู่หนึ่ง เป็นคู่เลิศ เป็นคู่เจริญ ชื่อว่าวิธูระ และสัญชีวะ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงดูเถิด ชื่อแห่งภูเขานี้นั้นแล อันตรธานไปแล้ว มนุษย์เหล่านั้นกระทำกาละไปแล้ว และพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นก็ปรินิพพานแล้ว สังขารทั้งหลาย ไม่เที่ยงอย่างนี้ ไม่ยั่งยืนอย่างนี้ ไม่น่าชื่นใจอย่างนี้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็เหตุเพียงเท่านี้ พอทีเดียวเพื่อจะเบื่อหน่ายในสังขารทั้งปวง พอเพื่อจะคลายกำหนัด พอเพื่อจะหลุดพ้น ดังนี้.

[๔๕๘] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว ภูเขาเวปุลละนี้มีชื่อว่าวงกต. สมัยนั้นแล หมู่มนุษย์มีชื่อว่าโรหิตัสสะ มีอายุประมาณ ๓ หมื่นปี มนุษย์ชื่อว่าโรหิตัสสะ ขึ้นวงกตบรรพตเป็นเวลา ๓ วัน ลงก็เป็นเวลา ๓ วัน สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า

 
  ข้อความที่ 3  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 31 ม.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้า 534

ทรงพระนามว่าโกนาคมนะ เสด็จอุบัติขึ้นในโลก พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าโกนาคมนะ มีพระสาวกคู่หนึ่ง เป็นคู่เลิศ เป็นคู่เจริญ ชื่อว่าภิยโยสะและอุตตระ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงดูเถิด ชื่อแห่งภูเขานี้นั้นแลอันตรธานไปแล้ว มนุษย์เหล่านั้นทำกาละไปแล้ว และพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นก็ปรินิพพานแล้ว สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงอย่างนี้ ฯลฯ พอเพื่อจะหลุดพ้น ดังนี้.

[๔๕๙] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว เวปุลลบรรพตนี้มีชื่อว่า สุปัสสะ. สมัยนั้นแล หมู่มนุษย์ชื่อสุปปิยา มีอายุประมาณ ๒ หมื่นปี หมู่มนุษย์ที่ชื่อว่าสุปปิยา ขึ้นสุปัสสะบรรพตเป็นเวลา ๒ วัน ลงก็เป็นเวลา ๒ วัน สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่ากัสสปะ เสด็จอุบัติขึ้นในโลก พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่ากัสสปะ ได้มีพระสาวกคู่หนึ่ง เป็นคู่เลิศ เป็นคู่เจริญ ชื่อว่าติสสะและภารทวาชะ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงดูเถิด ชื่อแห่งภูเขานี้นั้นแลอันตรธานไปแล้ว มนุษย์เหล่านั้นกระทำกาละไปแล้ว และพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นก็ปรินิพพานแล้ว สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงอย่างนี้ ฯลฯ พอเพื่อจะหลุดพ้น ดังนี้.

[๔๖๐] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็บัดนี้แล ภูเขาเวปุลละนี้มีชื่อว่า เวปุลละทีเดียว ก็บัดนี้หมู่มนุษย์เหล่านี้มีชื่อว่ามาคธะ หมู่มนุษย์ที่ชื่อมาคธะ มีอายุน้อย นิดหน่อย ผู้ใดมีชีวิตอยู่นาน ผู้นั้นมีอายุเพียงร้อยปี น้อยกว่าก็มี เกินกว่าก็มี หมู่มนุษย์ชื่อมาคธะ ขึ้นเวปุลลบรรพตเพียงครู่เดียว และบัดนี้ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นี้ เสด็จอุบัติขึ้นแล้วในโลก ก็เราแลมีสาวกคู่หนึ่ง เป็นคู่เลิศ เป็นคู่เจริญ ชื่อสารีบุตรและ

 
  ข้อความที่ 4  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 31 ม.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้า 535

โมคคัลลานะ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมัยนั้นก็จักมี และชื่อแห่งบรรพตนี้จักอันตรธาน หมู่มนุษย์เหล่านี้จักทำกาละ และเราก็จักปรินิพพาน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงอย่างนี้ ไม่ยั่งยืนอย่างนี้ ไม่น่าชื่นใจอย่างนี้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็เหตุเพียงเท่านี้ พอทีเดียวเพื่อจะเบื่อหน่ายในสังขารทั้งปวง พอเพื่อจะคลายกำหนัด พอเพื่อจะหลุดพ้น ดังนี้.

[๔๖๑] พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้สุคตศาสดา ครั้นได้ตรัสไวยากรณภาษิตนี้จบลงแล้ว จึงตรัสพระคาถาประพันธ์ต่อไปว่า

ปาจีนวังสบรรพตของหมู่มนุษย์ชื่อติวระ วงกฏบรรพตของหมู่มนุษย์ชื่อโรหิตัสสะ สุปัสสบรรพตของหมู่มนุษย์ชื่อสุปปิยา และเวปุลลบรรพตของหมู่มนุษย์ชื่อมาคธะ สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ มีอันเกิดขึ้นแลเสื่อมไปเป็นธรรมดา ครั้นเกิดขึ้นแล้วย่อมดับไป ความที่สังขารเหล่านั้นสงบระงับไป เป็นสุข ดังนี้.

จบเวปุลลปัพพตสูตรที่ ๑๐

จบทุติยวรรคที่ ๒

 
  ข้อความที่ 5  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 31 ม.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้า 536

รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้ คือ

๑. ทุคตสูตร

๒. สุขิตสูตร

๓. ติงสมัตตาสูตร

๔. มาตุสูตร

๕. ปิตุสูตร

๖. ภาตุสูตร

๗. ภคินีสูตร

๘. ปุตตสูตร

๙. ธีตุสูตร

๑๐. เวปุลลปัพพตสูตร

จบอนมตัคคสังยุตที่ ๓

อรรถกถาเวปุลลปัพพตสูตรที่ ๑๐

พึงทราบวินิจฉัยในเวปุลลปัพพตสูตรที่ ๑๐ ดังต่อไปนี้.

บทว่า ภูตปุพฺพํ ความว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงนำเรื่องราวเรื่องหนึ่งในอดีตกาลมาแสดง.

บทว่า สมญฺา อุทปาทิ ได้แก่ บัญญัติ.

บทว่า จตุเหน อาโรหนฺติ นี้ ท่านกล่าวหมายถึงคนมีกำลังปานกลาง.

บทว่า อคฺคํ คือ สูงสุด.

บทว่า ภทฺทยุคํ คือ คู่ที่ดี.

บทว่า ตีเหน อาโรหนฺติ ความว่า ได้ยินว่า แผ่นดินหนาขึ้น ๑ โยชน์ ระหว่างพระพุทธเจ้าทั้งสอง ด้วยคำมีประมาณเท่านี้. ภูเขานั้นสูง ๓ โยชน์.

บทว่า อปฺปํ วา ภิยฺโย ความว่า ผู้อยู่เกินกว่า ๑๐๐ ปี น้อยกว่า ๑๐ ปีบ้าง. ผู้ที่ชื่อว่าอยู่ตลอด ๑๐๐ ปี ไม่มีอีก. แต่โดยสูงสุด สัตว์มีชีวิตอยู่ได้ ๖๐ ปีบ้าง ๘๐ ปีบ้าง ส่วนสัตว์ยังไม่ถึง ๑๐๐ ปี ตายไปในเวลา ๕ ปี หรือ ๑๐ ปีเป็นต้นก็มีมาก.

คำนี้ว่า ก็พระผู้มีพระภาคเจ้ากกุสันธะ บังเกิดในเวลามีอายุ ๔ หมื่นปี พระผู้มีพระภาคเจ้าโกนาคมนะ บังเกิดในเวลามีอายุ ๓ หมื่นปี ดังนี้ ท่านจัดให้เป็นความเสื่อมโดยลำดับ.

แต่ไม่พึงทราบว่า

 
  ข้อความที่ 6  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 31 ม.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้า 537

อายุเสื่อมอย่างนี้ เจริญแล้วๆ ก็เสื่อม.

ถามว่า อย่างไร.

ตอบว่า ครั้งแรก พระผู้มีพระภาคเจ้ากกุสันธะ บังเกิดในเวลามีอายุ ๔ หมื่นปี ในกัปนี้แบ่งประมาณอายุออกเป็น ๕ ส่วน ดำรงอยู่ ๔ ส่วน ปรินิพพานแล้วในเมื่อส่วนที่ ๕ ยังมีอยู่.

อายุนั้นเสื่อมลงถึง ๑๐ ปี กลับเจริญขึ้นอีก จนถึงอสงไขยปี แล้วกลับเสื่อม ดำรงอยู่ในเวลามีอายุ ๓ หมื่นปี. พระโกนาคมนะบังเกิดแล้วในกาลนั้น. แม้พระองค์ก็ปรินิพพานอย่างนั้นแล.

อายุนั้นเสื่อมลงถึง ๑๐ ปี กลับเจริญขึ้นอีกจนถึงอสงไขยปี แล้วก็เสื่อม ดำรงอยู่ในเวลามีอายุ ๒ หมื่นปี. พระผู้มีพระภาคเจ้ากัสสปะบังเกิดในกาลนั้น. แม้พระองค์ปรินิพพานแล้วอย่างนั้นแล.

อายุนั้นเสื่อมลงถึง ๑๐ ปี กลับเจริญขึ้นอีกจนถึงอสงไขยปี แล้วเสื่อมลงไปถึง ๑๐๐ ปี. ครั้งนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราทรงอุบัติ.

พึงทราบว่าอายุเสื่อมแล้วกลับเจริญ เจริญแล้วก็เสื่อม.

พระพุทธเจ้าทั้งหลายทรงอุบัติในมนุษย์ มีประมาณอายุอันใดในกัปนั้น อันนั้นแล เป็นประมาณอายุแม้ของพระพุทธเจ้าเหล่านั้น.

จบอรรถกถาเวปุลลปัพพตสูตรที่ ๑๐

จบทุติยวรรคที่ ๒

จบอรรถกถาอนมตัคคสังยุตที่ ๓