๑๒. อปคตสูตร ว่าด้วยการละมานะว่าเรา ว่าของเรา
[เล่มที่ 26] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้า 697
๑๒. อปคตสูตร
ว่าด้วยการละมานะว่าเรา ว่าของเรา
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 26]
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้า 697
๑๒. อปคตสูตร
ว่าด้วยการละมานะว่าเรา ว่าของเรา
[๖๓๔] พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อาราม
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้า 698
ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี. ครั้งนั้นแล ท่านพระราหุลเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ครั้นเข้าไปเฝ้าแล้ว ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง เมื่อท่านพระราหุลนั่งเรียบร้อยแล้ว ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่อย่างไร มนัสจึงจะปราศจากอหังการ มมังการ และมานะในกายที่มีใจครองนี้ และในสรรพนิมิตภายนอก ก้าวล่วงส่วนแห่งมานะด้วยดี สงบระงับ พ้นวิเศษแล้ว.
[๖๓๕] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนราหุล รูปอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่เป็นอดีตก็ดี ที่เป็นอนาคตก็ดี ที่เป็นปัจจุบันก็ดี ที่เป็นภายในก็ดี ที่เป็นภายนอกก็ดี หยาบก็ดี ละเอียดก็ดี เลวก็ดี ประณีตก็ดี อยู่ในที่ไกลก็ดี อยู่ในที่ใกล้ก็ดี รูปทั้งหมดนั้น อริยสาวกเห็นแล้วด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริงอย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา เราไม่เป็นนั่น นั่นไม่ใช่อัตตาของเรา ดังนี้ ย่อมเป็นผู้หลุดพ้นไปเพราะไม่ถือมั่น [ขันธ์ทั้ง ๕ ก็ควรทำอย่างนี้].
เวทนาอย่างใดอย่างหนึ่ง... สัญญาอย่างใดอย่างหนึ่ง... สังขารเหล่าใดเหล่าหนึ่ง... วิญญาณอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่เป็นอดีตก็ดี ที่เป็นอนาคตก็ดี ที่เป็นปัจจุบันก็ดี ที่เป็นภายในก็ดี ที่เป็นภายนอกก็ดี หยาบก็ดี ละเอียดก็ดี เลวก็ดี ประณีตก็ดี อยู่ในที่ไกลก็ดี อยู่ในที่ใกล้ก็ดี วิญญาณทั้งหมดนั้น อริยสาวกเห็นแล้วด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริงอย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา เราไม่เป็นนั่น นั่นไม่ใช่อัตตาของเรา ดังนี้ ย่อมเป็นผู้หลุดพ้นไปเพราะไม่ถือมั่น ดูก่อนราหุล
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้า 699
เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่อย่างนี้แล มนัสจึงจะปราศจากอหังการ มมังการ และมานะในกายที่มีใจครองนี้ และในสรรพนิมิตภายนอก ก้าวล่วงส่วนแห่งมานะด้วยดี สงบระงับ พ้นวิเศษแล้ว ดังนี้.
จบอปคตสูตรที่ ๑๒
จบทุติยวรรคที่ ๒
รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้ คือ
๑. จักขุสูตร
๒. รูปสูตร
๓. วิญญาณสูตร
๔. สัมผัสสสูตร
๕. เวทนาสูตร
๖. สัญญาสูตร
๗. เจตนาสูตร
๘. ตัณหาสูตร
๙. ธาตุสูตร
๑๐. ขันธสูตร
๑๑. อนุสยสูตร
๑๒. อปคตสูตร.
จบราหุลสังยุตที่ ๖
อรรถกถาอปคตสูตรที่ ๑๒
พึงทราบวินิจฉัยในอปคตสูตรที่ ๑๒ ดังต่อไปนี้.
บทว่า อหํการมมํการมานาปคตํ ได้แก่ ปราศจากอหังการทิฏฐิ มมังการตัณหา และมานะ.
บทว่า วิธา สมติกฺกนฺตํ ได้แก่ ก้าวล่วงด้วยดีซึ่งส่วนแห่งมานะ.
บทว่า สนฺตํ สุวิมุตฺตํ ได้แก่ ชื่อว่าสงบ เพราะสงบกิเลสเสียได้ ชื่อว่าหลุดพ้นด้วยดีจากกิเลสทั้งหลาย.
คำที่เหลือง่ายทั้งนั้นแล.
จบอรรถกถาอปคตสูตรที่ ๑๒
จบอรรถกถาทุติยวรรคที่ ๒
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้า 700
แม้ในวรรคทั้งสอง ก็ตรัสอเสกขภูมิไว้. แต่ในวรรคทั้งสองนั้น วรรคที่ ๑ ทรงแสดงแก่พระราหุลผู้ทูลขอ. วรรคที่ ๒ ทรงแสดงแก่พระราหุลผู้มิได้ทูลขอ. แต่ตรัสธรรมอันอบรมบ่มวิมุตติสำหรับพระเถระในราหุลสังยุตแม้ทั้งสิ้นแล.
จบราหุลสังยุต