การพูดเพื่อตักเตือนผู้อื่น ควรดูกาละเทศะที่สมควร

 
เก็บมาฝาก
วันที่  21 พ.ค. 2550
หมายเลข  3760
อ่าน  4,450

การพูดเพื่อตักเตือนผู้อื่น ด้วยเจตนาดี ควรดูกาละเทศะที่สมควรว่า เขาพร้อมที่จะรับฟังหรือไม่ หรือเขาปวารณาตนไว้ก่อน หรือไม่ว่าขอให้ตักเตือน และถ้าให้ดีคือ ขอโอกาสเขาก่อนว่าจะพูดเตือนเขาในบางอย่าง ถ้าเขายินดีรับฟังก็ควรพูด ถ้าเขาไม่ให้โอกาสไม่ควรพูด ที่สำคัญคือ เราต้องรักษาใจให้ดีว่า จะเตือนด้วยเมตตาจิต และถ้อยคำที่น่าฟัง เพื่อประโยชน์แก่เขาเท่านั้น


  ความคิดเห็นที่ 2  
 
สำราญบานตะไท
วันที่ 21 พ.ค. 2550

คำพูดดีก็จะกลายเป็นคำพูดชั่ว ถ้ากล่าวไม่ถูกกาละ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
medulla
วันที่ 21 พ.ค. 2550

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
orawan.c
วันที่ 21 พ.ค. 2550

คำพูดเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะคนเราใช้ในการสื่อสารมากที่สุด

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wannee.s
วันที่ 21 พ.ค. 2550

อยู่คนเดียวให้ระวังความคิด อยู่ในหมู่มิตรให้ระวังวาจา เราต้องขอบคุณคนที่ว่ากล่าวตักเตือนเรา เพราะเขาเป็นผู้มีพระคุณกับเรา เปรียบเหมือนผู้ชี้ขุมทรัยพ์ให้เรา ทำให้เราเห็นโทษของอกุศล และเห็นประโยชน์ของการละอกุศล เพราะขณะที่กุศลไม่เกิด ทั้งวันก็เต็มไปด้วยอกุศลค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
อารายเนี่ย
วันที่ 21 พ.ค. 2550

เรื่องการยอมรับคำตักเตือนของพระสารีบุตร
ขอเชิญคลิกอ่านได้ที่ ...

ยอมรับการตักเตือน [อรรถกถาสุสิมสูตร]


เรื่องการตักเตือนเพราะยึดธรรมเป็นใหญ่ ขอเชิญคลิกอ่านได้ที่ ...

คำพูดที่มีประโยชน์ [คันธารชาดก]


เรื่องพระพุทธเจ้าทรงเตือนแล้วเตือนอีก ผู้ได้มีสาระคือธรรมอยู่จึงดำรงอยู่ได้

ขอเชิญคลิกอ่านได้ที่ ...

ทรงเตือนแล้วเตือนอีก [ชาดก]

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
namarupa
วันที่ 22 พ.ค. 2550

ดิฉันขออนุโมทนาแก่ผู้ที่ยกข้อความนี้มากล่าวเป็นอย่างยิ่ง เพราะอะไรรู้มั้ยคะ

เพราะเหตุว่า ดิฉันเคยได้ยินบางท่านที่กล่าวตักเตือนผู้อื่น หรือกล่าวติติงผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นด้านการแต่งตัว การกิน การสนทนาธรรม ฯลฯ โดยที่ไม่ได้ขอโอกาสเขาก่อนว่าจะพูดเตือนเขาในบางอย่าง ได้ไหม? และถ้อยคำที่เตือนไปก็ไม่น่าฟัง คือฟังดูแล้วไม่ประกอบด้วยเมตตาเลย ผู้ที่เคยโดนกล่าวตักเตือนได้พูดกับดิฉันว่า เค้าว่าดิฉันแม้กระทั่งการกิน ดิฉันก็ได้แต่ปลอบโยนเค้าไปว่า อย่าคิดมากเลย ให้คิดเสียว่า เราเคยได้พูดคำที่ไม่ดีกับคนนั้นมาแล้วในอดีต ดังนั้นชาตินี้ ก็ต้องมาได้ยินคำพูดที่ไม่เพราะ ไม่มีเมตตา แบบนี้จากบุคคลนี้ จงให้อภัยแล้วไม่ต้องไปคิดมาก ควรที่จะรักษาจิตของเรา อย่าให้เศร้าหมองไปแค่นั้นก็พอ เค้าก็บอกว่าเค้าโดนแบบนี้มาตั้งนานแล้ว และก็ทำใจได้ด้วยพระธรรมที่ได้ยินได้ฟังมา ก็เลยหวั่นไหวน้อยลง และก็ให้อภัยแก่บุคคลนั้นตลอดมา ดิฉันก็เลยอนุโมทนาท่านนั้น และก็ดีใจที่พระธรรมช่วยท่านได้

หัวข้อนี้ สำหรับดิฉันแล้ว มีประโยชน์กับดิฉันมาก เพราะจะเป็นเครื่องช่วยเตือนใจให้ดิฉัน ระมัดระวังตัวเพิ่มขึ้น ที่จะไม่ไปกล่าวติติง หรือตักเตือนผู้อื่น โดยที่ไม่ขออนุญาตเค้าก่อน หลายคนที่มักจะคิดว่าตัวเองมีความรู้มากพอในเรื่องของธรรม เพราะฉะนั้นจะว่าจะกล่าวสั่งสอนใครก็ย่อมได้ ไม่น่าที่จะมีปัญหา แต่จริงๆ แล้วเรามีเมตตามากพอที่จะติติง ตักเตือนเขาได้หรือไม่? หรือเราจะพูดไปด้วย ตัณหา มานะและทิฏฐิ ซึ่งน่าคิดนะคะ

ขออนุโมทนาเป็นอย่างยิ่งต่อผู้ที่อยากขัดเกลากิเลสจริงๆ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
yu_da2554hotmail
วันที่ 29 มี.ค. 2567

ยินดีในกุศจิตค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ