พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

๑๔. อาคันตุกาคารสูตร ธรรมที่ควรกําหนดรู้ ควรละ ควรทําให้แจ้ง ควรทําให้เจริญ

 
บ้านธัมมะ
วันที่  7 ต.ค. 2564
หมายเลข  37745
อ่าน  372

[เล่มที่ 30] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๑ - หน้า 156

๑๔. อาคันตุกาคารสูตร

ธรรมที่ควรกําหนดรู้ ควรละ ควรทําให้แจ้ง ควรทําให้เจริญ


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 30]


  ข้อความที่ 1  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 24 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๑ - หน้า 156

๑๔. อาคันตุกาคารสูตร

ธรรมที่ควรกำหนดรู้ ควรละ ควรทำให้แจ้ง ควรทำให้เจริญ

[๒๙๐] สาวัตถีนิทาน. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คนผู้มาจากทิศบูรพาก็ดี จากทิศปัจฉิมก็ดี จากทิศอุดรก็ดี จากทิศทักษิณก็ดี ย่อมพักอยู่ที่เรือนสำหรับรับแขก ถึงกษัตริย์ พราหมณ์ แพทย์ ศูทรก็ดี ที่มาแล้วก็ย่อมพักอยู่ที่เรือนสำหรับรับแขกนั้น แม้ฉันใด ภิกษุเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ กระทำให้มากซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ ย่อมกําหนดรู้ธรรมที่ควรกําหนดรู้ด้วยปัญญาอันยิ่ง ย่อมละธรรมที่ควรละด้วยปัญญาอันยิ่ง ย่อมกระทำให้แจ้งซึ่งธรรมที่ควรทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่ง ย่อมเจริญธรรมที่ควรให้เจริญด้วยปัญญาอันยิ่ง ฉันนั้นเหมือนกัน.

[๒๙๑] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ธรรมที่ควรกําหนดรู้ด้วยปัญญาอันยิ่งเป็นไฉน คือ ธรรมที่เรียกว่า อุปาทานขันธ์ ๕ อุปาทานขันธ์ ๕ เป็นไฉน คือ รูปูปาทานขันธ์ ฯลฯ วิญญาณูปาทานขันธ์ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมเหล่านี้ควรกําหนดรู้ด้วยปัญญาอันยิ่ง.

 
  ข้อความที่ 2  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 24 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๑ - หน้า 157

[๒๙๒] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ธรรมที่ควรละด้วยปัญญาอันยิ่งเป็นไฉน คือ อวิชชาและภวตัณหา ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมเหล่านี้ควรละด้วยปัญญาอันยิ่ง.

[๒๙๓] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ธรรมที่ควรทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเป็นไฉน คือ วิชชาและวิมุตติ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมเหล่านี้ควรทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่ง.

[๒๙๔] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ธรรมที่ควรให้เจริญด้วยปัญญาอันยิ่งเป็นไฉน คือ สมถะและวิปัสสนา ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมเหล่านี้ควรให้เจริญด้วยปัญญาอันยิ่ง.

[๒๙๕] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ กระทำให้มากซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างไรเล่า จึงกําหนดรู้ธรรมที่ควรกําหนดรู้ด้วยปัญญาอันยิ่ง ฯลฯ จึงเจริญธรรมที่ควรให้เจริญด้วยปัญญาอันยิ่ง ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญสัมมาทิฏฐิ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ ฯลฯ ย่อมเจริญสัมมาสมาธิ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ กระทำให้มากซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างนี้แล จึงกําหนดรู้ธรรมที่ควรกําหนดรู้ด้วยปัญญาอันยิ่ง ฯลฯ จึงเจริญธรรมที่ควรให้เจริญด้วยปัญญาอันยิ่ง.

จบอาคันตุกาคารสูตรที่ ๑๔

 
  ข้อความที่ 3  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 28 เม.ย. 2565

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๑ - หน้า 158

อรรถกถาอาคันตุกาคารสูตร

บทว่า อาคนฺตุกาคารํ ได้แก่เรือนรับรองแขกที่ผู้ต้องการบุญสร้างไว้ท่ามกลางเมือง แม้พระราชาและมหาอำมาตย์ของพระราชาก็สามารถเข้าไปพักอาศัยได้. บทว่า อภิญฺา ปริญฺเยฺย ความว่า เหมือนอย่างว่า การอยู่ของกษัตริย์เป็นต้นผู้มาจากทิศ มีทิศตะวันออกเป็นต้นเหล่านั้น ย่อมสำเร็จได้ในเรือนรับรองฉันใด ภิกษุทั้งหลายย่อมสำเร็จด้วยการเจริญอริยมรรคอันเป็นสมาธิวิปัสสนา ด้วยการกำหนดรู้ด้วยปัญญาอันยิ่งเป็นต้นแห่งธรรมทั้งหลายมีอาทิว่า อภิญฺา ปริญฺเยฺย แม้เหล่านี้ก็ฉันนั้น ด้วยเหตุนั้นท่านจึงกล่าวคำนี้ไว้.

จบอรรถกถาอาคันตุกาคารสูตรที่ ๑๔