๗. สมัตตสูตร ว่าด้วยบุคคลจะชื่อว่าเป็นพระอเสขะ
[เล่มที่ 30] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๑ - หน้า 469
๗. สมัตตสูตร
ว่าด้วยบุคคลจะชื่อว่าเป็นพระอเสขะ
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 30]
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๑ - หน้า 469
๗. สมัตตสูตร
ว่าด้วยบุคคลจะชื่อว่าเป็นพระอเสขะ
[๗๘๓] นิทานต้นสูตรเหมือนกัน. ครั้นท่านพระสารีบุตรนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้ถามท่านพระอนุรุทธะว่า
[๗๘๔] ดูก่อนท่านอนุรุทธะ ที่เรียกว่า พระอเสขะๆ ดังนี้ ด้วยเหตุเพียงเท่าไรหนอ บุคคลจึงจะชื่อว่าเป็นพระอเสขะ. ท่านพระอนุรุทธะตอบว่า ดูก่อนผู้มีอายุ บุคคลที่จะชื่อว่าเป็นพระอเสขะ เพราะเจริญสติปัฏฐาน ๔ ได้บริบูรณ์. สติปัฏฐาน ๔ เป็นไฉน. ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย. ย่อมพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่... ย่อมพิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่... ย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๑ - หน้า 470
มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสโนโลกเสีย. ดูก่อนท่านผู้มีอายุ บุคคลที่จะชื่อว่าเป็นพระอเสขะ เพราะเจริญสติปัฏฐาน ๔ เหล่านี้แลได้บริบูรณ์.
จบสมัตตสูตรที่ ๗
อรรถกถาสมัตตสูตร
ในสูตรที่ ๗. คำว่า เพราะอบรมสมบูรณ์แล้ว คือ เพราะความที่ตนได้อบรมเต็มที่แล้ว. จริงอยู่ ผู้ที่กำลังทำให้เกิดอรหัตตผลขึ้นชื่อว่าได้อบรมสติปัฏฐานสมบูรณ์แล้ว.
จบอรรถกถาสมัตตสูตรที่ ๗