ปมาทาทิวรรคที่ ๙ ว่าด้วยธรรมที่เลิศและเป็นไปเพื่อประโยชน์และมิใช่ประโยชน์
[เล่มที่ 32] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 151
ปมาทาทิวรรคที่ ๙
ว่าด้วยธรรมที่เลิศและเป็นไปเพื่อประโยชน์และมิใช่ประโยชน์ 82/151
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 32]
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 151
ปมาทาทิวรรคที่ ๙
ว่าด้วยธรรมที่เลิศและเป็นไปเพื่อประโยชน์และมิใช่ประโยชน์
[๘๒] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเจริญด้วยยศมีประมาณน้อย ความเจริญด้วยปัญญาเลิศกว่าความเจริญทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงสำเนียกอย่างนี้ว่า เราทั้งหลายจักเจริญโดยความเจริญด้วยปัญญา ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แล.
[๘๓] ดูก่อภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง ที่เป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์อย่างใหญ่ เหมือนความประมาท ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความประมาท ย่อมเป็นไป เพื่อมิใช่ประโยชน์อย่างใหญ่.
[๘๔] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง ที่เป็นไปเพื่อประโยชน์อย่างใหญ่ เหมือนความไม่ประมาท ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความไม่ประมาท ย่อมเป็นไป เพื่อประโยชน์อย่างใหญ่.
[๘๕] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง ที่เป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์อย่างใหญ่ เหมือนความเป็นผู้เกียจคร้าน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเป็นผู้เกียจคร้าน ย่อมเป็นไป เพื่อมิใช่ประโยชน์อย่างใหญ่.
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 152
[๘๖] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง ที่เป็นไปเพื่อประโยชน์อย่างใหญ่ เหมือนความเป็นผู้ปรารภความเพียร ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเป็นผู้ปรารภความเพียร ย่อมเป็นไป เพื่อประโยชน์อย่างใหญ่.
[๘๗] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง ที่เป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์อย่างใหญ่ เหมือนความเป็นผู้มักมาก ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเป็นผู้มักมาก ย่อมเป็นไป เพื่อมิใช่ประโยชน์อย่างใหญ่.
[๘๘] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง ที่เป็นไปเพื่อประโยชน์อย่างใหญ่ เหมือนความเป็นผู้มักน้อย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเป็นผู้มักน้อย ย่อมเป็นไป เพื่อประโยชน์อย่างใหญ่.
[๘๙] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง ที่เป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์อย่างใหญ่ เหมือนความเป็นผู้ไม่สันโดษ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเป็นผู้ไม่สันโดษ ย่อมเป็นไป เพื่อมิใช่ประโยชน์อย่างใหญ่.
[๙๐] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง ที่เป็นไปเพื่อประโยชน์อย่างใหญ่ เหมือนความเป็นผู้สันโดษ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเป็นผู้สันโดษ ย่อมเป็นไป เพื่อประโยชน์อย่างใหญ่.
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 153
[๙๑] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง ที่เป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์อย่างใหญ่ เหมือนการใส่ใจโดยไม่แยบคาย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การใส่ใจโดยไม่แยบคาย ย่อมเป็นไป เพื่อมิใช่ประโยชน์อย่างใหญ่.
[๙๒] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง ที่เป็นไปเพื่อประโยชน์อย่างใหญ่ เหมือนการใส่ใจโดยแยบคาย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การใส่ใจโดยแยบคาย ย่อมเป็นไป เพื่อประโยชน์อย่างใหญ่.
[๙๓] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง ที่เป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์อย่างใหญ่ เหมือนความเป็นผู้ไม่รู้สึกตัว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเป็นผู้ไม่รู้สึกตัว ย่อมเป็นไป เพื่อมิใช่ประโยชน์อย่างใหญ่.
[๙๔] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง ที่เป็นไปเพื่อประโยชน์อย่างใหญ่ เหมือนความเป็นผู้รู้สึกตัว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเป็นผู้รู้สึกตัว ย่อมเป็นไป เพื่อประโยชน์อย่างใหญ่.
[๙๕] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง ที่เป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์อย่างใหญ่ เหมือนความเป็นผู้มีมิตรชั่ว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเป็นผู้มีมิตรชั่ว ย่อมเป็นไป เพื่อมิใช่ประโยชน์อย่างใหญ่.
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 154
[๙๖] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่าง หนึ่ง ที่เป็นไปเพื่อประโยชน์อย่างใหญ่ เหมือนความเป็นผู้มีมิตรดี ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเป็นผู้มีมิตรดี ย่อมเป็นไป เพื่อประโยชน์อย่างใหญ่
[๙๗] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง ที่เป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์อย่างใหญ่ เหมือนการประกอบอกุศลธรรมเนืองๆ การไม่ประกอบกุศลธรรม ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การประกอบอกุศลธรรมเนืองๆ การไม่ประกอบกุศลธรรม ย่อมเป็นไป เพื่อมิใช่ประโยชน์อย่างใหญ่.
[๙๘] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง ที่เป็นไปเพื่อประโยชน์อย่างใหญ่ เหมือนการประกอบกุศลธรรมเนืองๆ การไม่ประกอบอกุศลธรรม ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การประกอบกุศลธรรมเนืองๆ การไม่ประกอบอกุศลธรรม ย่อมเป็นไป เพื่อประโยชน์อย่างใหญ่.
จบ ปมาทาทิวรรคที่ ๙
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 155
อรรถกถาปมาทาทิวรรคที่ ๙
อรรถกถาสูตรที่ ๑
วรรคที่ ๙ สูตรที่ ๑ ท่านกล่าวไว้แล้ว ในเหตุเกิดเรื่องนั่นแล. ได้ยินว่า ภิกษุมากรูป นั่งประชุมกันในโรงธรรม ปรารภถึงกุมภโฆสก กล่าวว่า ตระกูลชื่อโน้น เมื่อก่อนมียศน้อย มีบริวารน้อย บัดนี้มียศมากมีบริวารมาก. พระศาสดาเสด็จมาโดยนัยก่อนนั่นแล ได้ทรงสดับคำของภิกษุเหล่านั้น จึงเริ่มพระสูตรนี้ ใจความแห่งพระสูตรนั้น พึงทราบโดยนัยดังกล่าวแล้วในหนหลัง นั่นแล.
จบ อรรถกถาสูตรที่ ๑
อรรถกถาสูตรที่ ๒
ในสูตรที่ ๒ มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
บทว่า มหโต อนตฺถาย ได้แก่ เพื่อประโยชน์แก่ความพินาศอย่างใหญ่ คำที่เหลือในสูตรนี้ง่ายทั้งนั้นแล.
จบ อรรถกถาสูตรที่ ๒
จบ อรรถกถา ปมาทาทิวรรคที่ ๙