พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

สูตรที่ ๔ ว่าด้วยทักขิไณยบุคคล ๒ จําพวก

 
บ้านธัมมะ
วันที่  19 ต.ค. 2564
หมายเลข  38472
อ่าน  337

[เล่มที่ 33] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาคที่ ๒ - หน้า 362

สูตรที่ ๔

ว่าด้วยทักขิไณยบุคคล ๒ จําพวก


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 33]


  ข้อความที่ 1  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 30 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาคที่ ๒ - หน้า 362

สูตรที่ ๔

ว่าด้วยทักขิไณยบุคคล ๒ จำพวก

[๒๘๐] ๓๘. ครั้งนั้นแล อนาถบิณฑิกคฤหบดีได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในโลกมีทักขิไณยบุคคลกี่จำพวก และควรให้ทานในเขตไหน พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า ดูก่อนคฤหบดี ในโลกมีทักขิไณยบุคคล ๒ จำพวก คือ พระเสขะ ๑ พระอเสขะ ๑ ดูก่อนคฤหบดี ในโลกนี้มีทักขิไณยบุคคล ๒ จำพวกนี้แล และควรให้ทานในเขตนี้.

ครั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้สุคตศาสดาได้ตรัสไวยากรณภาษิตนี้จบลงแล้ว จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปอีกในภายหลังว่า

 
  ข้อความที่ 2  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 30 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาคที่ ๒ - หน้า 363

"ในโลกนี้ พระเสขะกับพระอเสขะเป็นผู้ควรแก่ทักษิณาของทายกผู้บูชาอยู่ พระเสขะและอเสขะเหล่านั้น เป็นผู้ตรงทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ นี้เป็นเขตบุญของทายกผู้บูชาอยู่ ทานที่ให้แล้วในเขตนี้มีผลมาก."

จบสูตรที่ ๔

อรรถกถาสูตรที่ ๔

ในสูตรที่ ๔ มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.

บทว่า ทกฺขิเณยฺยา ความว่า ทานท่านเรียกว่า ทักษิณา. ท่านอนาถบิณฑิกคฤหบดีถามว่า บุคคลกี่เหล่าที่ควรรับทานนั้น. ด้วยบทว่า เสกฺโข นี้ ท่านแสดงพระเสขบุคคล ๗ จำพวก. แลในบทนี้ ท่านสงเคราะห์แม้ปุถุชนผู้มีศีลด้วยพระโสดาบันนั้นแล. บทว่า อาหุเนยฺยา ยชมานานํ โหนฺติ ความว่า เป็นผู้ควรแก่ของที่นำมาบูชาของผู้ถวายทาน คือ เป็นผู้รับทาน. บทว่า เขตฺตํ ได้แก่ เป็นพื้นที่ คือ ที่ตั้ง อธิบายว่า เป็นที่งอกงามแห่งบุญ.

จบอรรถกถาสูตรที่ ๔