ไม่อยากฆ่า ทำอย่างไรดี
บ้านเป็นบ้านไม้เก่า ไม่ได้ทากันปลวก ตอนแรกขึ้นที่เดียว ก็ทำใจไม่อยากฆ่า ปล่อยไว้จนเดี๋ยวนี้กระจายไปหลายจุด ถ้าไปบอกให้บริษัทกำจัดปลวด เขาต้องฆ่าแน่นอน ทำยังดีค่ะ
พระพุทธองค์ทรงสอนให้สาวก เว้นจากปาณาติบาต คือ ไม่ควรฆ่าหรือทำลายชีวิตสัตว์อื่น ถ้าเรารักสุขเกลียดทุกข์ ไม่ควรทำเหตุแห่งทุกข์ ควรเว้นจากการฆ่าการเบียดเบียน และการทำลายชีวิตสัตว์อื่น สำหรับพระอริยะท่านไม่มีการล่วงศีล ๕ อีกเลย แต่ปุถุชนไม่แน่นอน ย่อมก้าวล่วงศีลข้อใดข้อหนึ่งได้เพราะเหตุต่างๆ เช่น เนื่องด้วยทรัพย์ ญาติ ชีวิต เป็นต้น อนึ่งในยุคปัจจุบันมีเครื่องสำหรับไล่ปลวก มด แมลงสาบ วางจำหน่ายทั่วไป ถ้าไม่ต้องการให้ปลวกหรือแมลงมารบกวน ควรซื้อเครื่องดังกล่าวมาติดไว้ป้องกัน หรือ
อาจใช้น้ำชีวภาพเทรด เพื่อไล่ ไม่ใช่การฆ่า
เชิญคลิกอ่านได้ที่ ...
สัตว์ทุกๆ ชีวิตย่อมรักสุขเกลียดทุกข์ ไม่ควรเบียดเบียน หรือฆ่าสัตว์ ควรปัองกันดีกว่าการฆ่าสัตว์ เพราะว่าการฆ่าสัตว์ทำให้เราจะต้องได้รับวิบากในอบายภูมิข้างหน้าค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ -หน้าที่ 172
"หม่อมฉันตัดคอแม่แพะตัวเดียว ไหม้อยู่แล้ว (ในนรก) ด้วยการนับขน (แพะ), ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นกษัตริย์ พระองค์ตัดคอของมนุษย์เป็นอันมาก จักกระทำอย่างไร?"
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย เรื่อง ฆ่าหรือไม่ฆ่าดี พิจารณาจากเรื่องนี้
การถูกตัดศีรษะถึง ๕๐๐ ชาติ [ภัตตกมัตตชาดก]
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
สวัสดีค่ะ วันก่อนถามเรื่องทำอย่างไรจะฟังเสียงจากการบรรยาย ตอนนี้ฟังได้แล้ว เพราะลองดูจากข้อความก่อนๆ ที่สนทนามาก็พบเหตุจุดนี้จึงได้พยายามทำตามก็สำเร็จสามารถรับฟังได้แล้ว อนุโมทนาค่ะ แต่ก็มาเจอตรงไม่สามารถเปิดอ่านพระไตรปิฎกได้ ต้องทำอย่างไรค่ะ
เคยประสบปัญหานี้เช่นกันครับ ... เครื่องไล่ปลวกและน้ำยาชีวภาพเทรดจะหาซื้อ ได้ที่ไหนครับ
ขอบพระคุณครับ
ที่บ้านติดตั้งอุปกรณ์ไล่หนู มด ยุง และ แมลงสาบไว้ทั่ว แต่หาอุปกรณ์ไล่ปลวกไม่มีเลยค่ะ ส่วนน้ำยาชีวภาพเท่าที่ศึกษามา ก็ทำให้ปลวกตายค่ะ แต่ไม่ทราบว่ามีชนิดที่ไล่อย่างเดียวหรือเปล่า เท่าที่ทำได้ตอนนี้ ก็ซื้อน้ำยากำจัดปลวกมารดรอบบ้านทุกเดือน ไม่รู้ว่าป้องกันได้หรือเปล่า (เพราะปกติทางบริษัทกำจัดจะมาดูแลประมาณสามถึงหกเดือนครั้งมาแต่ละครั้งเจอปลวกแทบทุกครั้ง) เลยคิดว่าถ้ารดน้ำยาป้องกันไว้ก่อนปลวกก็คงไม่กล้ามาไกล้ๆ บริเวณบ้าน เพราะเลยบ้านไปประมาณ ๑๐๐ เมตร มีจอมปลวกกลุ่มใหญ่มากแถมคนเอาผ้าสีมาผูกไว้รอบเลย
จากหนังสือ ..เมตตา
เมื่อนึกถึงความตาย ทำให้คิดนำคำบรรยายของอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์มาเขียนเตือนใจไว้ ดังนี้
"การตายพรากทุกสิ่งจากชาตินี้ไปหมดสิ้น ไม่มีอะไรเหลือเป็นของบุคคลนี้อีกต่อไป แม้แต่ความทรงจำ ชาตินี้เกิดมาแล้ว จำได้ไหมว่า ชาติก่อนเป็นใคร อยู่ที่ไหน ทำอะไร หมดความเป็นบุคคลในชาติก่อนสิ้นเชิง ฉันใด แม้ชาตินี้จะได้สร้างบุญ ทำกรรมใดมาแล้ว จะมีมานะในชาติ ตระกูล ยศศักดิ์ใดๆ ก็ตาม ก็จะต้องหมดสิ้น ไม่มีเยื่อใยในชาตินี้ภพนี้เหลืออยู่อีกเลย ฉันนั้น การตายพรากจากทุกสิ่งโดยสิ้นเชิง ทั้งความคิด ความจำ ความยึดถือใดๆ ทั้งสิ้นที่เคยเกาะเกี่ยวผูกไว้ตั้งแต่เกิดจนเดี๋ยวนี้นั้น ก็จะผูกพันยึดถือว่าเป็นตัวเราอีกต่อไปไม่ได้
การพบกันครั้งสุดท้ายก่อนตายจากไปนั้น ไม่มีเครื่องหมาย ไม่มีสิ่งใดเลยที่จะแสดงให้รู้ว่า เมื่อเห็นกันแล้วจะไม่ได้เห็นกันอีก เมื่อเห็นตอนเช้าก็อาจจะไม่ได้เห็นตอนเย็น เห็นตอนเย็นก็อาจจะไม่ได้เห็นตอนเช้า ทุกคนเห็นความจริงว่า ไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยงหรือต่อรองความตายได้ จะขอเวลาต่อแม้เล็กน้อยก็ไม่ได้ ฉะนั้น การกล่าวถึงชีวิตของแต่ละคน ก็ไม่พ้นจากการพิจารณาสภาพธรรมที่เกิดขึ้นเป็นแต่ละบุคคล ซึ่งไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาเลย
เมื่อพูดกันเรื่องผู้ตาย ก็ควรจะได้ระลึกถึงสภาพจิตในขณะนั้นว่า แยบคายหรือยัง แทนที่จะโศกเศร้าเสียใจอาลัยอาวรณ์ ก็ควรจะเป็นความเบิกบานในพระธรรม ที่ได้เข้าใจความจริงอันเป็นสัจจธรรม ซึ่งพระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้และทรงแสดงถึงธรรมดาของการเกิด ซึ่งก็ต้องมีการตาย เมื่อเกิดแล้วที่จะไม่ตายนั้นไม่มี และการตายก็ไม่สามารถจะรู้ล่วงหน้าได้เลย เมื่อเข้าใจความจริง ก็รู้ว่าความจริงเป็นสัจจธรรม ชีวิตเราเป็นกระแสจิตที่เกิดดับสืบต่อกันทีละขณะจิตเรื่อยไป ตั้งแต่เกิดจนตาย จากชาติหนึ่งไปสู่อีกชาติหนึ่ง
กิเลสทุกชนิดเกิดขึ้นเพราะได้สะสมมาแล้วในอดีต เมื่อปัญญายังไม่เจริญถึงขั้นดับกิเลส กิเลสก็เกิดอีกๆ ต่อไปในอนาคต ศึกษาธรรมเพื่อละกิเลส ผู้ทำอกุศลก็ต้องรับผลของอกุศลอยู่แล้วไม่ก้าวก่ายในอกุศลของผู้อื่น กิเลสของตัวเองทำให้คิดหมุนวนอยู่ อย่าชอบไปเดาความคิดของผู้อื่น กิเลสของเราทำให้เราไม่มีความสุขจงคิดเป็นกุศล
การฟังพระธรรมเสมอๆ ความเข้าใจพระธรรมย่อมสะสมไปในภพหน้า