ขันธยมกที่ ๒ - ปริญญาวาระ
[เล่มที่ 82] พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑
พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๕
ยมก ภาคที่ ๑ ตอนที่ ๑
ขันธยมกที่ ๒
ปริญญาวาระ
ปัจจุปปันนานาคตวาระ ปัจจนิก 295
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 82]
พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้า 286
ปริญญาวาระ
ปัจจุปปันนวาระ อนุโลม
รูปขันธมูล
รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-
[๒๗๓] บุคคลใดกำลังรู้แจ้งรูปขันธ์, บุคคลนั้นก็กำลังรู้แจ้ง เวทนาขันธ์ ใช่ไหม?
ใช่.
ก็หรือว่า บุคคลใดกำลังรู้แจ้งเวทนาขันธ์, บุคคลนั้นก็กำลัง รู้แจ้งรูปขันธ์ ใช่ไหม?
ใช่.
จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี
รูปขันธมูล จบ
ปัจจุปปันนวาระ อนุโลม จบ
พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้า 287
ปัจจุปปันนวาระ ปัจจนิก
รูปขันธมูล
รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-
บุคคลใดไม่ใช่กำลังรู้แจ้งรูปขันธ์, บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังรู้แจ้ง เวทนาขันธ์ ใช่ไหม?
ใช่.
ก็หรือว่า บุคคลใดไม่ใช่กำลังรู้แจ้งเวทนาขันธ์, บุคคลนั้น ก็ไม่ใช่กำลังรู้แจ้งรูปขันธ์ ใช่ไหม?
ใช่.
จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี
รูปขันธมูล จบ
ปัจจุปปันนวาระ ปัจจนิก จบ
พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้า 288
อตีตวาระ อนุโลม
รูปขันธมูล
รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-
[๒๗๔] บุคคลใดเคยรู้แจ้งรูปขันธ์, บุคคลนั้นก็เคยรู้แจ้ง เวทนาขันธ์ ใช่ไหม?
ใช่.
ก็หรือว่า บุคคลใดเคยรู้แจ้งเวทนาขันธ์, บุคคลนั้นก็เคยรู้แจ้ง รูปขันธ์ ใช่ไหม?
ใช่.
จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี
รูปขันธมูล จบ
อตีตวาระอนุโลม จบ
พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้า 289
อตีตวาระ อนุโลม
รูปขันธมูล
รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-
บุคคลใดเคยรู้แจ้งรูปขันธ์, บุคคลนั้นก็เคยรู้แจ้ง เวทนาขันธ์ ใช่ไหม?
ใช่.
ก็หรือว่า บุคคลใดเคยรู้แจ้งเวทนาขันธ์, บุคคลนั้นก็เคยรู้แจ้ง ก้ไม่ใช่เคยรู้แจ้งรูปขันธ์ ใช่ไหม?
ใช่.
จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี
รูปขันธมูล จบ
อตีตวาระ ปัจจนิก จบ
พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้า 290
อนาคตวาระ อนุโลม
รูปขันธมูล
รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-
[๒๗๕] บุคคลใดจักรู้แจ้งรูปขันธ์, บุคคลนั้นก็จักรู้แจ้ง เวทนาขันธ์ ใช่ไหม?
ใช่.
ก็หรือว่า บุคคลใดจักรู้แจ้งเวทนาขันธ์, บุคคลนั้นก็จักรู้แจ้ง รูปขันธ์ ใช่ไหม?
ใช่.
จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี
รูปขันธมูล จบ
อนาคตวาระ อนุโลม จบ
พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้า 291
อนาคตวาระ ปัจจนิก
รูปขันธมูล
รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-
บุคคลใดไม่ใช่จักรู้แจ้งรูปขันธ์, บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักรู้แจ้ง เวทนาขันธ์ ใช่ไหม? ใช่.
ก็หรือว่า บุคคลใดไม่ใช่จักรู้แจ้งเวทนาขันธ์, บุคคลนั้นก็ ไม่ใช่จักรู้แจ้งรูปขันธ์ ใช่ไหม?
ใช่.
จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี
รูปขันธมูล จบ
อนาคตวาระปัจจนิก จบ
พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้า 292
ปัจจุปปันนาตีตวาระ อนุโลม
รูปขันธมูล
รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-
[๒๗๖] บุคคลใดกำลังรู้แจ้งรูปขันธ์, บุคคลนั้นก็เคยรู้แจ้ง เวทนาขันธ์ ใช่ไหม?
ไม่ใช่.
ก็หรือว่า บุคคลใดเคยรู้แจ้งเวทนาขันธ์, บุคคลนั้นก็กำลัง รู้แจ้งรูปขันธ์ ใช่ไหม?
ไม่ใช่.
จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี
รูปขันธมูล จบ
ปัจจุปปันนาตีตวาระ อนุโลม จบ
พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้า 293
ปัจจุปปันนาตีตวาระ ปัจจนิก
รูปขันธมูล
รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-
บุคคลใดไม่ใช่กำลังรู้แจ้งรูปขันธ์, บุคคลนั้นก็ไม่ใช่เคยรู้แจ้ง เวทนาขันธ์ ใช่ไหม?
พระอรหันต์ไม่ใช่กำลังรู้แจ้งรูปขันธ์ แต่เคยรู้แจ้งเวทนาขันธ์, เว้นบุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยอรหัตตมรรคก็ดี พระอรหันต์ก็ดี บุคคลที่เหลือ ไม่ใช่กำลังรู้แจ้งรูปขันธ์ และไม่ใช่เคยรู้แจ้งเวทนาขันธ์.
ก็หรือว่า บุคคลใดไม่ใช่เคยรู้แจ้งเวทนาขันธ์, บุคคลนั้น ไม่ใช่กำลังรู้แจ้งรูปขันธ์ ใช่ไหม?
บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยอรหัตตมรรค ไม่ใช่เคยรู้แจ้งเวทนาขันธ์ แต่กำลังรู้แจ้งรูปขันธ์, เว้นบุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยอรหัตตมรรคก็ดี พระอรหันต์ก็ดี บุคคลที่เหลือ ไม่ใช่เคยรู้แจ้งเวทนาขันธ์ และไม่ใช่กำลัง รู้แจ้งรูปขันธ์.
จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี
รูปขันธมูล จบ
ปัจจุปปันนาตีตวาระ ปัจจนิก จบ
พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้า 294
ปัจจุปปันนานาคตวาระ อนุโลม
รูปขันธมูล
รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-
[๒๗๗] บุคคลใดกำลังรู้แจ้งรูปขันธ์, บุคคลนั้นก็จักรู้แจ้ง เวทนาขันธ์ ใช่ไหม?
ไม่ใช่.
ก็หรือว่า บุคคลใดจักรู้แจ้งเวทนาขันธ์, บุคคลนั้นก็กำลัง รู้แจ้งรูปขันธ์ ใช่ไหม?
ไม่ใช่.
จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี
รูปขันธมูล จบ
ปัจจุปปันนานาคตวาระ อนุโลม จบ
พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้า 295
ปัจจุปปันนานาคตวาระ ปัจจนิก
รูปขันธมูล
รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-
บุคคลใดไม่ใช่กำลังรู้แจ้งรูปขันธ์, บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักรู้แจ้ง เวทนาขันธ์ ใช่ไหม?
บุคคลเหล่าใดจักได้มรรค บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังรู้แจ้งรูปขันะ แต่จักรู้แจ้งเวทนาขันธ์, พระอรหันต์ก็ดี ปุถุชนเหล่าใดไม่ ใช่จักได้มรรคก็ดี บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังรู้แจ้งรูปขันธ์ และไม่ใช่ จักรู้แจ้งเวทนาขันธ์.
ก็หรือว่า บุคคลใดไม่ใช่จักรู้แจ้งเวทนาขันธ์, บุคคลนั้นก็ไม่ใช่ กำลังรู้แจ้งรูปขันธ์ ใช่ไหม?
บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยอรหัตตมรรค ไม่ใช่จักรู้แจ้งเวทนาขันธ์ แต่ กำลังรู้แจ้งรูปขันธ์, พระอรหันต์ก็ดี ปุถุชนเหล่าใด ไม่ใช่จักได้มรรค ก็ดี บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักรู้แจ้งเวทนาขันธ์ และไม่ใช่กำลังรู้แจ้ง รูปขันธ์.
จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี
รูปขันธมูล จบ
ปัจจุปปันนานาคตวาระ ปัจจนิก จบ
พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้า 296
อตีตานาคตวาระ อนุโลม
รูปขันธมูล
รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-
[๒๗๘] บุคคลใดเคยรู้แจ้งรูปขันธ์, บุคคลนั้นก็จักรู้แจ้ง เวทนาขันธ์ ใช่ไหม?
ไม่ใช่.
ก็หรือว่า บุคคลใดจักรู้แจ้งเวทนาขันธ์, บุคคลนั้นก็เคยรู้แจ้ง รูปขันธ์ ใช่ไหม?
ไม่ใช่.
จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี
รูปขันธมูล จบ
อตีตานาคตวาระ อนุโลม จบ
พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้า 297
อตีตานาคตวาระ ปัจจนิก
รูปขันธมูล
รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี :-
บุคคลใดไม่ใช่เคยรู้แจ้งรูปขันธ์, บุคคลเหล่านั้นก็ไม่ใช่จักรู้แจ้ง เวทนาขันธ์ ใช่ไหม?
บุคคลเหล่าใดจักได้มรรค บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่เคยรู้แจ้งรูปขันธ์ แต่จักรู้แจ้งเวทนาขันธ์, บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยอรหัตตมรรคก็ดี ปุถุชนเหล่าใดไม่ใช่จักได้มรรคก็ดี บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่เคยรู้แจ้งรูปขันธ์ และไม่ใช่จักรู้แจ้งเวทนาขันธ์.
ก็หรือว่า บุคคลใดไม่ใช่จักรู้แจ้งเวทนาขันธ์, บุคคลนั้นก็ไม่ใช่ เคยรู้แจ้งรูปขันธ์ ใช่ไหม?
พระอรหันต์ ไม่ใช่จักรู้แจ้งเวทนาขันธ์ แต่เคยรู้แจ้งรูปขันธ์, บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยอรหัตตมรรคก็ดี ปุถุชนเหล่าใดไม่ใช่จักได้มรรคก็ดี บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักรู้แจ้งเวทนาขันธ์ และไม่ใช่เคยรู้แจ้งรูปขันธ์.
จบ รูปขันธมูละ เวทนาขันธมูลี
รูปขันธมูล จบ
อตีตานาคตวาระ ปัจจนิก จบ
ปริญญาวาระ จบ
ขันธยมก จบ
พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้า 298
อรรถกถาปริญญาวาระ
แม้ในปริญญาวาระ อันมีในลำดับต่อจากปวัตติมหาวาระนั้น มี ประเภทแห่งกาล ๖ อย่างเท่านั้น มีนัย ๒ อย่างโดยอนุโลมและปฏิโลม แต่ในวาระทั้ง ๓ คือ ปุคคลวาระ โอกาสวาระ ปุคคโลกาสวาระ ย่อม ได้บุคคลวาระเท่านั้น ไม่ได้วาระนอกนี้.
ถามว่า เพราะเหตุไร?
ตอบว่า เพราะมีคำวิสัชชนาอย่างเดียวกัน.
ก็ถ้าบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ย่อมรอบรู้รูปขันธ์ในที่ใดที่หนึ่งไซร้ ก็ย่อมรอบรู้แม้เวทนาขันธ์ ถ้าว่าย่อมรอบรู้เวทนาขันธ์ไซร้ ก็ย่อมรอบ รู้แม้รูปขันธ์ ถ้าว่าบุคคลใดไม่รอบรู้รูปขันธ์ไซร้ ก็ย่อมไม่รอบรู้แม้ เวทนาขันธ์ ถ้าว่าไม่รอบรู้ซึ่งเวทนาขันธ์ ก็ย่อมไม่รอบรู้แม้รูปขันธ์ เพราะฉะนั้น ในวาระแม้เหล่านั้น พึงทราบว่า ย่อมไม่ได้วาระ ๒ เหล่านั้น ในปริญญาวาระนี้ เพราะมีคำวิสัชชนาเหมือนกันว่า บุคคล พึงทำการถามด้วยอำนาจคำถามเป็นต้นว่า ยตฺถ รูปกฺขนฺธํ ปริชานาติ ตตฺถ เวทนากฺขนฺธํ ปริชานาติ ดังนี้แล้ว พึงกระทำการวิสัชชนาว่า อามนฺตา -ใช่ นั้นแหละ.
อีกอย่างหนึ่ง ปุคคลวาระ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงแล้ว ในปริญญาวาระนี้ว่า ชื่อว่า ปริญญากิจ ย่อมมีแก่บุคคลเท่านั้นไม่มี
พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้า 299
แก่โอกาสะ บุคคลเท่านั้นสามารถเพื่อการรอบรู้ ไม่ใช่โอกาสะ เพราะ เหตุนั้น จึงไม่ทรงถือเอาโอกาสวาระ ก็เพราะพระผู้มีพระภาคเจ้าไม่ ทรงถือเอาโอกาสวาระนั้น ปุคคโลกาสวาระที่มีในลำดับแห่งโอกาสวาระนั้น แม้ได้อยู่ ก็ไม่ทรงถือเอา ก็บุคคลวาระนี้ใดทรงถือเอาแล้วใน ปัจจุบันกาลยมกะ ๑๐ อย่าง ด้วยการถือเอาอีก ในอนุโลมโดยนัยที่ กล่าวแล้วในหนหลังว่า ยมกที่มีรูปขันธ์เป็นมูล ๔ เวทนาขันธ์เป็นมูล ๓ สัญญาขันธ์เป็นมูล ๒ สังขารขันธ์เป็นมูล ๑ ในปฏิโลมนัยอีก ๑๐ จึงรวมเป็นยมก ๒๐ แม้ในกาลที่เหลือก็อย่างเดียวกัน เพราะฉะนั้น พึงทราบการกำหนดพระบาลี ในปริญญาวาระนี้ว่า ยมก ๑๒๐ ปุจฉา ๒๔๐ อรรถ ๔๘๐ ย่อมมีในกาลทั้ง ๖ เพราะกระทำกาลหนึ่งๆ ให้ เป็น ๒๐.
ก็ในการวินิจฉัยเนื้อความในปริญญาวาระนี้ อัทธา ๓ คือ อดีต อนาคต ปัจจุบัน ย่อมไม่ได้ด้วยอำนาจจุติและปฏิสนธิ เหมือนกันกับ ปวัตติวาระ แต่ย่อมได้ด้วยอำนาจขณะแห่งจิตในปวัตติเท่านั้น เพราะ เหตุนั้น ในปริญญาวาระนี้ ท่านจึงกระทำการวิสัชชนาว่า " ใช่ " ใน คำถามทั้งหลาย เป็นต้นว่า บุคคลใดกำลังรอบรู้ซึ่งรูปขันธ์ บุคคล นั้นกำลังรอบรู้ซึ่งเวทนาขันธ์หรือ บุคคลรู้อยู่ซึ่งขันธ์ใดขันธ์หนึ่งใน ขันธ์ ๕ เพราะยังปริญญากิจให้สำเร็จด้วยกิจอันมีนิพพานเป็นอารมณ์ ในโลกุตตรมรรค ย่อมกล่าวได้ว่า ย่อมรอบรู้แม้ขันธ์นอกนี้.
พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้า 300
คำว่า ปริชานาติ=ย่อมรอบรู้ ในปริญญาวาระนี้ พึงทราบ ว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ใช่ เพราะทรงหมายเอาความพร้อมเพรียงแห่งมรรคอันเลิศ (อรหัตตมรรค) อันถึงซึ่งที่สุดแห่งปริญญากิจ ในปัญหาทั้งหลายในอนุโลมนัย แต่ว่าในปฏิโลมนัย คำว่า น ปริชานาติ=ไม่ใช่กำลังรอบรู้ ในปัญหาทั้งหลายพระมีพระภาคเจ้า ตรัสว่า ใช่ เพราะทั้งทรงหมายเอาบุคคลทั้งหลายมีปุถุชนเป็นต้น ส่วน ในคำนี้ว่า ปริชานิตฺถ=เคยรอบรู้ ในอดีตกาล ได้แก่ บุคคลแม้ ดำรงอยู่ในผลอันเลิศในลำดับแห่งมรรค ชื่อว่า รอบรู้แล้วนั่นเที่ยว เพราะสำเร็จปริญญากิจแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าย่อมตรัสถามซึ่งความ พร้อมเพรียงแห่งมรรคอันเลิศด้วยปัญหาว่า บุคคลใดกำลังรอบรู้รูป ขันธ์ บุคคลนั้นเคยรอบรู้ซึ่งเวทนาขันธ์หรือ ก็เพราะบุคคลนี้ชื่อว่า รู้อยู่ (คือกำลังรู้) ซึ่งขันธ์ ๕ เท่านั้น (ยังไม่เคยรอบรู้) เพราะ ปริญญากิจที่ตนยังไม่สำเร็จแล้วก่อน เหตุนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าจึง กระทำการปฏิเสธว่า โน=ไม่ใช่ (หามิได้).
ส่วนในปัญหาที่ ๒ พระผู้มีพระภาคเจ้าย่อมตรัสถามซึ่งพระอรหัตต์ว่า ปริชานิตฺถ=รอบรู้แล้วหรือ ก็เพราะปริญญากิจที่ท่าน กระทำสำเร็จแล้วไม่มีอยู่ เหตุนั้นชื่อว่ากิจที่ควรกำหนดรู้จึงไม่มีแก่พระอรหันต์นั้น ฉะนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงกระทำการปฏิเสธว่า โน= ไม่ใช่ ในการวิสัชนาแห่งปฏิโลมนัยในทุติยปัญหานี้ว่า อรหา รูปกฺ-
พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้า 301
ขนฺธํ ปริชานาติ=พระอรหันต์ไม่ใช่กำลังรอบรู้ซึ่งรูปขันธ์ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้ว เพราะความไม่มีเพื่อการรอบรู้ของพระอรหันต์ หลายบทว่า บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยมรรคอันเลิศ (อรหัตตมรรค) ไม่รอบรู้แล้วซึ่งเวทนาขันธ์ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส แล้ว เพราะบุคคลผู้ดำรงอยู่ในอรหัตตมรรค ยังไม่สำเร็จปริญญากิจ อรหัตตมรรคบุคคลนั้นย่อม (ยัง) ไม่เคยรอบรู้ซึ่งเวทนาขันธ์อย่างเดียว เท่านั้นก็หามิได้ แม้ธรรมอย่างหนึ่งก็ไม่เคยรอบรู้ พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสคำนี้ไว้ด้วยอำนาจคำถาม แม้คำนี้ว่า โน จ รูปกฺขนฺธํ พระองค์ก็ตรัสแล้วด้วยอำนาจคำถามนั่นแหละ ก็อรหัตตมรรคบุคคลนั้นย่อม ไม่รอบรู้ซึ่งขันธ์แม้อื่น.
ปัญหาว่า บุคคลใดกำลังรอบรู้ซึ่งรูปขันธ์ บุคคลนั้นก็จัก รอบรู้ซึ่งเวทนาขันธ์หรือ อธิบายว่า เพราะบุคคลผู้ดำรงอยู่ในมรรค เป็นผู้มีขณะจิตเดียว (คือมรรคจิตเกิดขณะเดียว) ฉะนั้นบุคคลนั้น ย่อมไม่ถึงซึ่งความนับว่า จักรอบรู้ เพราะเหตุนั้น พระองค์จึงตรัสว่า โน=ไม่ใช่ หลายบทว่า เต รูปกฺขนฺธญฺจ น ปริชานิตฺถ= บุคคลเหล่านั้นไม่เคยรอบรู้ซึ่งรูปขันธ์ด้วย พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส แล้วด้วยคำถามที่เสมอกัน อธิบายในปัญหานี้ว่า บุคคลทั้งหลายไม่รู้แล้ว (คือยังไม่รู้) บัณฑิตพึงทราบการวินิจฉัยเนื้อความในที่ทั้งปวงโดยอุบาย นี้.
ปริญญาวาระ จบ
ขันธยมกะ จบ