ยารักษาโควิดมีฤทธิ์ฆ่าพยาธิ เจตนารักษาหรือเจตนาฆ่า

 
ค่อยๆศึกษา
วันที่  27 ก.พ. 2565
หมายเลข  42245
อ่าน  439

https://www.dhammahome.com/webboard/topic/18758

จากกระทู้นี้ขออนุญาติสอบถามครับ

ช่วง covid ที่ผ่านมา แพทย์ได้ให้ยากับ ตัวแทนญาติของบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งคนในบ้านคนหนึ่งติด covid คนในบ้านจึงเป็นกลุ่มเสี่ยง ยานั้นเป็นยาฆ่าพยาธิ แต่มีฤทธิ์ต้านการแพร่เชื้อลงปอด

1. คำถามแรก ตัวแทนญาติคนนั้นไม่ได้นึกถึงว่านะฆ่าพยาธิแต่อย่างใด นึกว่ายาชื่อนี้แหละจะช่วยคนที่ญาติเราได้ ยานี้ต้านเชื้อลงปอดได้จึงลืมสนิทเกี่ยวกับฤทธิ์ฆ่าพยาธิของยานั้น แล้วให้ญาติของตนกิน ไม่ได้ทีความคิดที่จะให้พยาธิตายเลย เพิ่งมานึกได้เมื่อเหตุการณ์ผ่านไปนาน ยานั้นเป็นยาฆ่าพยาธิ กรณีนี้รับ ว่ามีเจตนาฆ่าหรือไม่

2.ยานี้เป็นยาฆ่าพยาธิ แต่ไม่รู้ว่ามีพยาธิในตัวหรือปล่าว เจตนารักษาคนไข้ นับว่าเป็นเจตนารักษาหรือเจตนาฆ่า

ขอบพระคุณครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 27 ก.พ. 2565

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

บาปไม่บาปสำคัญที่เจตนาเป็นสำคัญ หากไม่มีเจตนาจงใจฆ่าสัตว์ ก็ไม่บาปเพราะไม่มีเจตนาฆ่าครับ แต่หากมีเจตนาฆ่าเป็นบาปครับ บาปไม่บาป สำคัญที่เจตนาเป็นสำคัญ

เป็นบาปในข้อฆ่าสัตว์ต้องพร้อมด้วยองค์ประกอบหลายอย่างคือ

๑. สัตว์มีชีวิต

๒. รู้ว่าสัตว์มีชีวิต

๓. มีจิตคิดจะฆ่า

๔. มีความพยายามในการฆ่า

๕. สัตว์ตายด้วยความพยายามนั้น


พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค เล่ม ๑ ภาค ๑- หน้าที่ ๑๐๓

พระเจ้าอโศกตรัสถามข้อสงสัยในเรื่องบาป

พระราชา ทอดพระเนตรเห็นปาฏิหาริย์นั้นแล้ว ก็ตกลงพระทัยว่าบัดนี้ พระเถระจักสามารถเพื่อจะยกย่องพระศาสนาได้ จึงตรัสถามความสงสัยของพระองค์ว่า ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ! โยมได้ส่งอำมาตย์นายหนึ่งไปด้วยสั่งว่า เธอไปยังพระวิหารระงับอธิกรณ์แล้วนิมนต์ให้ภิกษุสงฆ์ทำอุโบสถเถิดดังนี้ เขาไปยังพระวิหารแล้ว ได้ปลงภิกษุเสียจากชีวิตจำนวนเท่านี้รูป บาปนั้นจะมีแก่ใคร?

พระเถระ ทูลถามว่า ขอถวายพระพร! ก็พระองค์มีความคิดหรือว่าอำมาตย์นี้ จงไปยังพระวิหารแล้ว ฆ่าภิกษุทั้งหลายเสีย.

พระราชา ไม่มี เจ้าข้า.

พระเถระ ขอถวายพระพร ถ้าพระองค์ไม่มีความคิดเห็นปานนี้ไซร้บาปไม่มีแด่พระองค์เลย.

พระโมคคลีบุตรติสสเถระอ้างพระพุทธพจน์เล่าอดีตนิทาน

ลำดับนั้น พระเถระ (ถวายวิสัชนา) ให้พระราชาทรงเข้าพระทัยเนื้อความนี้ด้วยพระสูตรนี้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวเจตนาว่าเป็นกรรม บุคคลคิดแล้ว จึงกระทำกรรมด้วยกาย วาจา ใจ ๑ ดังนี้. เพื่อแสดงเนื้อความนั้นนั่นแล พระเถระจึงนำติดติรชาดกมา ๒ (เป็นอุทาหรณ์) ดังต่อไปนี้.

ขอถวายพระพร มหาบพิตร ในอดีตกาล นกกระทาชื่อ ทีปกะเรียนถามพระดาบสว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ นกเป็นอันมาก เข้าใจว่า ญาติของพวกเราจับอยู่แล้ว จึงพากันมา นายพรานอาศัยข้าพเจ้าย่อมถูกต้องกรรม เมื่อนายพรานอาศัยข้าพเจ้าทำบาป นั้น ใจข้าพเจ้า ย่อมสงสัย ว่า (บาปนั้น จะมีแก่ข้าพเจ้า หรือหนอ)

พระดาบส ตอบว่า ก็ท่านมีความคิด (อย่างนี้) หรือว่า ขอนกทั้งหลายเหล่านี้มา เพราะเสียง และเพราะเห็นรูปของเราแล้วจงถูกแร้ว หรือจงถูกฆ่า นกกระทา เรียนว่า ไม่มีท่านผู้เจริญ

ลำดับนั้น ดาบสจึงให้นกกระทานั้นเข้าใจยินยอมว่า ถ้าท่านไม่มีความคิดไซร้ บาปก็ไม่มีแท้จริง กรรมย่อมถูกต้องบุคคลผู้คิดอยู่เท่านั้น หาถูกต้องบุคคลผู้ไม่คิดไม่ ถ้าใจของท่าน ไม่ประทุษร้าย (ในการทำความชั่ว) ไซร้ กรรมที่นายพราน อาศัยท่านกระทำ ก็ไม่ถูกต้องท่าน บาปก็ไม่ติดเปื้อนท่าน ผู้มีความขวนขวายน้อย ผู้เจริญ (คือบริสุทธิ์) .

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chatchai.k
วันที่ 27 ก.พ. 2565

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 27 ก.พ. 2565

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ธรรมเป็นเรื่องที่ละเอียดที่จะต้องศึกษาไตร่ตรองในเหตุในผล ตามพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ตามความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่มีชีวิต ทั้งหมด ตามพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง นั้น ต้องเป็นเกิดจากกรรม เท่านั้น ซึ่งเป็นสัตว์ที่มีจิต เจตสิก รูป จึงจะเรียกว่า สิ่งมีชีวิต เมื่อกล่าวโดยรวมแล้ว ได้แก่ สัตว์ที่เกิดในภพภูมิต่างๆ อย่างเช่น ผู้ที่เกิดมาเป็นมนุษย์ ในสุคติภูมิ และ สัตว์ดิรัจฉาน ในอบายภูมิ เป็นต้น ล้วนเป็นสิ่งที่มีชีวิต เพราะเกิดขึ้นด้วยผลของกรรม การฆ่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ เป็นปาณาติบาต แน่นอน พยาธิ ก็เป็นสิ่งที่มีชาติ ถ้ามีเจตนาฆ่า ก็เป็นปาณาติบาตอย่างแน่นอน ครับ

...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ค่อยๆศึกษา
วันที่ 28 ก.พ. 2565

กราบขอบพระคุณครับ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ