ทุกข์จาก ... ความพ่ายแพ้
ดิฉันพบกับความทุกข์ใจอยู่หลายวัน กว่าจะวางใจได้ เพราะต้องการเอาชนะกิเลสของคนอื่น จึงสะสมกิเลสให้ตัวเอง ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง เลยเขียนลงเพื่อเป็นสิ่งเตือนใจสำหรับท่านผู้อ่าน ว่าอย่าได้ไปเอาชนะกิเลสของคนอื่น มีแต่ทุกข์เปล่าๆ ต้องเอาชนะกิเลสของตนเองให้ได้ เราจึงจะไม่ทุกข์ ดิฉันทำงานมาประมาณ ๓๐ ปี โดยที่หน่วยงานมีบ้านพักให้ ตอนนี้บ้านพักที่อยู่ก็เริ่มทรุดโทรมจนไม่สามารถซ่อมแซมได้ ทางผู้บริหารจึงของบสร้างแฟลตที่พักให้ใหม่ แต่พอสร้างเสร็จแล้วปรากฎว่าแฟลตที่สร้างใหม่ มีห้องนอนเพียงห้องเดียว แต่จะให้พัก ๒ คน ซึ่งทุกคนก็จะไม่ยอม เพราะคับแคบมากเหมาะสำหรับพักคนเดียวมากกว่า ทางผู้บริหารก็ไม่ยอม จึงให้พวกดิฉันย้ายไปอยู่แฟลตเก่า โดยไม่สนใจว่าเราจะรู้สึกอย่างไร ทั้งๆ ที่สร้างแฟลตใหม่เพื่อให้พวกดิฉันย้ายเข้า แต่กลับกลายเป็นต้องย้ายไปอยู่แฟลตเก่าแรกๆ ดิฉันก็ทำใจไม่ได้ ที่ผู้บริหารไม่เห็นใจเรา ใช้อำนาจบังคับใจเรา พอหลายวันได้พิจารณามองสภาพธรรมตามความเป็นจริง ก็ได้คิดว่าเราไม่น่าหากิเลสมาใส่ตัวเลยทรัพย์สินเงินทองเป็นของนอกกาย ตายก็เอาไปไม่ได้แล้วทำไมเราถึงมาเป็นทุกข์เพื่อต้องการยึดครองเป็นเจ้าของเพียงเรื่องแค่นี้ ซึ่งบ้านพักมันก็ไม่ได้เป็นของเราเลย เป็นของทางราชการที่ให้สิทธิ์เราอาศัยชั่วคราวเท่านั้นเองจึงเป็นบทเรียนสอนใจว่า อย่าได้เอาชนะกิเลสของคนอื่น มีแต่พ่ายอย่างเดียว เพราะใจเราจะเป็นทุกข์เปล่าๆ ต้องเอาชนะใจตนเองให้ได้ แล้วเราจะไม่ทุกข์
ดีแล้ว ดีแล้วครับ ไม่ใช่แค่ที่พักของทางราชการนะครับ แม้แต่บ้านเกิดเมืองนอนประเทศที่ยึดเอาว่าเป็นของเราก็ปรากฏเมื่อเห็นเพียงชั่วขณะจิตเท่านั้น แล้วก็จำไว้ เก็บมาคิดโดยความไม่รู้ว่าสิ่งที่เห็นนั้นก็เท่านั้นเป็นธรรมะ ไม่ได้เป็นของเรา ไม่มีเรา ความจริงคือ ไม่มีใครรู้ว่าจะได้อาศัยอยู่ในบ้านหลังเดิมอีกในชาติต่อไป เพราะแม้แต่ในชาตินี้เราก็จำไม่ได้ ว่าบ้านที่เรามาเกิด เป็นบ้านหลังเดิมของชาติที่แล้วหรือเปล่า บ้านที่คิดว่ามี ก็แค่ให้อาศัยได้ชั่วคราวในชาตินี้จริงๆ
ขออนุโมทนา
การเอาชนะผู้อื่น เราจะพบแต่ความพ่ายแพ้ ตอนนี้เลยต้องเตือนตัวเองไว้ตลอดว่า อย่าเอาชนะคนอื่นให้เอาชนะใจตนเองให้ได้ เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมา มีแต่ทุกข์ใจเพราะต้องการเอาชนะผู้อื่น เมื่อไม่ได้ตามต้องการเราเองต่างหากที่เป็นทุกข์ ไม่ใช่ใครเลย สู้เรายอมแพ้เองจะดีกว่า ปล่อยวางอยู่กับปัจจุบันความจริงที่เกิดขึ้นอยู่ขณะนี้ เขาต้องการให้เป็นแบบนี้ เรายอมเขารับดีกว่าจะไปดื้อเพ่งให้ใจเป็นทุกข์ทำไม ถ้าเราทำได้สบายใจกว่ากันเยอะ นี้คือบททดสอบในการลดอัตตาตัวตนของเราเอง
เราต่างก็มีกรรมเป็นของๆ ตน เมื่อศึกษาธรรม จุดประสงค์ก็เพื่อค่อยๆ ขัดเกลาตนเองเท่านั้นเพื่อค่อยๆ ทำความเข้าใจถูกเพิ่มขึ้นทีละเล็กทีละน้อย
ขออนุโมทนากับคุณ oom ที่เลิกคิดไปแก้ไขคนอื่น ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้จริงๆ (สำหรับผู้ที่ไม่ได้ศึกษาก็คิดว่าทำได้)
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย ถ้าเข้าใจก็จะไม่โทษใคร การที่เราจะได้สิ่งที่ดีและไม่ดี ก็เป็นเพราะกรรมของเราที่ได้ทำไว้ ดังนั้น อาจมีคำถามว่า ทำไมต้องเป็นแบบนี้ ก็เพราะทำกรรมมาอย่างนั้นจะให้เป็นอย่างอื่นได้อย่างไร ดังนั้น ทุกอย่างย่อมสมควรกับเหตุที่ได้ทำมา ซึ่งก็เป็นสภาพธัมมะที่เกิดขึ้นตามเหตุปัจจัยครับ การพิจาณาด้วยความแยบคาย อันเกิดจากการฟังพระธรรม เมื่อเกิดอกุศลแล้วย่อมเปลี่ยนเป็นกุศลได้ครับ ลองอ่านข้อความในพระไตรปิฎกนะครับ ยาวหน่อย แต่อ่านดีมากครับ จะทำให้เข้าใจขึ้น แม้เรื่องที่อยู่อาศัย
เรื่อง ที่พักที่นอน ก็เป็นเพียง อ่อน แข็ง เป็นเพียงธาตุ ธัมมะ
เชิญคลิกอ่านที่นี่
ขอบคุณมากค่ะ ที่ให้ข้อคิดเห็นที่ช่วยให้เกิดปัญญา ในสังคมปัจจุบันคนส่วนใหญ่ก็ชอบแต่จะเอาชนะคนอื่น รวมทั้งตัวดิฉันด้วย แต่พอได้มาศึกษาธรรมะ จึงเข้าใจความจริงในข้อนี้ จึงพยายามเอาชนะใจตนเองก่อน ถ้าคนส่วนใหญ่ได้ศึกษาหลักธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้คิดว่าสังคมคงไม่วุ่นวายเหมือนเช่นทุกวันนี้ ดูแต่การเมืองไทยในปัจจุบัน ที่ต้องการเอาชนะกันผู้ที่เคยมีอำนาจ ก็ไม่ยอมแพ้ ต่อสู้กันทุกวิถีทางโดยไม่คำนึงถึงส่วนร่วมว่าจะได้รับผลกระทบอย่างไร สังคมเกิดความวุ่นวายน่าเสียดายจริงๆ ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์มีโอกาสทำความดีแต่กลับประมาท หลงผิดยึดติดอยู่กับอำนาจ วาสนา ลาภยศ สรรเสริญ ซึ่งเมื่อตายแล้วไม่เห็นมีใครเอาไปไม่ได้สักอย่างเดียว