พระนางสามาวดีกับหญิงบริวาร บรรลุธรรมที่ไหน
อย่างพระนางสามาวดีกับหญิงบริวาร บรรลุธรรมที่ไหน ในป่าหรือเปล่าคะ? ไม่ใช่ ในพระราชวัง สถานที่เข้ามาเกี่ยวข้องหรือว่าอินทรีย์ที่ท่านได้เจริญกันมาแล้ว และพระนางสามาวดีกับหญิงบริวารก็ไม่ได้ออกไปไหน ก็คงอยู่ในพระราชฐาน อยู่ในพระราชวังไฟไหม้ตำหนักที่อยู่ แล้วพระนางก็สิ้นพระชนม์พร้อมกับหญิงบริวารเหล่านั้น ซึ่งพระผู้มีพระภาคก็ได้ทรงพยากรณ์ว่า การสิ้นพระชนม์ของพระนางสามาวดีพร้อมด้วยหญิงบริวารนั้น ไม่ใช่เป็นการทำให้ตกต่ำ เพราะเหตุว่าพระนางสามาวดีและหญิงบริวารนั้นก็ได้บรรลุมรรคผล บางท่านก็บรรลุคุณธรรมเป็นพระโสดาบันบุคคล บางท่านก็เป็นพระสกทาคามีบุคคล บางท่านก็เป็นพระอนาคามีบุคคล หรือว่าวิสาขามหาอุบาสิกานั้น บรรลุเป็นพระโสดาบันตั้งแต่อายุ ๗ ขวบ วิสาขามหาอุบาสิกาเป็นบุตรของสุมนเทวีกับธนัญชัยเศรษฐี ธนัญชัยเศรษฐีนี้เป็นบุตรของมณฑกเศรษฐี ในภัททิยะนคร แคว้นอังคะ เมื่อวิสาขาอุบาสิกาอายุได้ ๗ ขวบ พระผู้มีพระภาคก็ทรงเห็นอุปนิสสัยของผู้ที่จะบรรลุมรรคผลในภัททิยะนคร พระองค์ก็เสด็จไปนครนั้นพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ เมื่อเสด็จไปถึง มณฑกเศรษฐีก็ได้ให้ ด.ญ.วิสาขาซึ่งเป็นหลานไปต้อนรับพระผู้มีพระภาค พร้อมด้วยเด็กหญิงบริวาร ๕๐๐ คน วิสาขาได้ขึ้นยานคือรถไปเท่าที่จะไปได้ แล้วก็ลงจากรถเมื่อสุดหนทางรถแล้ว ก็เดินตรงไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถวายบังคมแล้วยืน ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง พระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรรม วิสาขาบรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน นี่ก็แสดงเรื่องของอินทรีย์ ไม่ใช่ว่าแป็นเรื่องของสถานที่ หรือว่าถ้าจะสงสัยว่าไม่ใช่พระนางสามาวดีหรือวิสาขามหาอุบาสิกา จะมีตัวอย่างอื่นไหม
ก็ใน ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ จิตรดา วรรคที่ ๒ ทาสีวิมาน ซึ่งเทพธิดาชั้นดาวดึงส์นั้น ได้กล่าวถึงอดีตกรรมเมื่อครั้งเป็นทาสีหญิงรับใช้ เวลาที่เป็นมนุษย์เป็นอุบาสิกาของพระผู้มีพระภาค รักษาศีลมนสิการอยู่ในกัมมัฏฐาน ๑๖ ปี กัมมัฏฐานคือโพธิปักขิยธรรม ๓๗ ประการได้สำเร็จแก่นาง ด้วยอำนาจแห่งการมนสิการนั้น พระนางมีมนสิการมั่นอยู่ในจิตว่า แม้ร่างกายนี้จะแตกทำลายไปก็ตามที การที่จะหยุดความเพียรในการเจริญกัมมัฏฐานนั้นไม่มี นี่ในครั้งอดีตเป็นทาสี และเจริญกัมมัฏฐานอยู่ ๑๖ ปี ท่านที่เริ่มเจริญสติปัฏฐานจะเทียบกันได้ไหมคะ อยากจะบรรลุมรรคผลเร็วๆ แต่ปรากฏว่าไม่รู้ลักษณะของนามและรูปที่กำลังปรากฏทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจในขณะนี้
เพราะฉะนั้น ก็ละไม่ได้ บรรลุไม่ได้ แล้วท่านที่เจริญกัมมัฏฐานนี้ด้วยความเพียรที่มีมนสิการมั่นอยู่ในจิตว่า ถึงแม้ร่างกายนี้จักแตกทำลายไปก็ตามที การที่จะหยุดความเพียรในการเจริญกัมมัฏฐานนั้นไม่มี ยังต้องใช้เวลาถึง ๑๖ ปี แต่ไม่ใช่ว่าไร้ประโยชน์ ขณะนี้ถ้ามีสติรู้ลักษณะของนามและรูปที่กำลังปรากฏ ทางตา หรือทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย หรือทางใจ ทีละเล็กทีละน้อยเป็นเดือนเป็นปี ความพากเพียรถึงแม้ว่าร่างกายนี้จะแตกทำลายไปก็ตามที ก็หมายความว่าไม่ว่าจะนั่ง นอน ยืน เดิน จะปวด จะเมื่อย จะเจ็บ จะไข้ จะปวดศีรษะบ้าง ปวดท้องบ้าง ปวดฟันบ้าง สติก็สามารถที่จะเกิดขึ้นพิจารณาลักษณะของนามและรูปขณะนั้น สำหรับเรื่องของอุบาสิกาก็ได้ยกตัวอย่างหลายตัวอย่างแล้ว ฉะนั้น ก็จะได้ยกตัวอย่างของอุบาสก เพื่อให้ท่านเห็นว่าผู้ที่ได้ถึงพร้อมด้วยอินทรีย์นั้น ไม่ว่าจะอยู่ในขณะไหน สถานที่ใด ก็สามารถที่จะบรรลุมรรคผลได้
ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...