ท่านพระอิติทัตตะ เป็นผู้ที่ไม่ติดข้องในลาภ ไม่มีลาภปลิโพธ

 
สารธรรม
วันที่  11 ก.ย. 2565
หมายเลข  43790
อ่าน  332

อีกตัวอย่างหนึ่งคล้ายๆ กัน สถานที่เดียวกัน และก็ท่านจิตตคฤหบดีอีกเช่นเคย

สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค อิติทัตตสูตร มีข้อความว่า

ณ อัมพาฏกวนาราม ใกล้ราวป่ามัชฉิกาสณฑ์ ท่านจิตตคฤหบดีได้อาราธนาพระภิกษุเถระทั้งหลายให้ไปรับภัตตาหาร ก่อนที่ท่านจะถวายภัตตาหารท่านก็ได้ถามปัญหาพระเถระผู้เป็นประธาน คือถามว่า

เพราะอะไรมี ทิฏฐิต่างๆ จึงมี

ครั้งที่หนึ่ง พระเถระผู้เป็นประธานก็นิ่ง ครั้งที่สอง พระเถระผู้เป็นประธานก็นิ่ง แม้ครั้งที่สาม พระเถระผู้เป็นประธานก็นิ่ง

ท่านพระอิติทัตตะเป็นผู้ใหม่กว่าทุกองค์ในภิกษุสงฆ์หมู่นั้น ท่านพระอิติทัตตะได้ขอโอกาสพระเถระผู้เป็นประธานเพื่อที่จะพยากรณ์ปัญหาของท่านจิตตคฤหบดี แล้วก็ได้ตอบท่านจิตตคฤหบดีว่า

เพราะสักกายทิฏฐิมี ทิฏฐิเหล่านั้นจึงมี

ท่านจิตตคฤหบดีก็ได้ซักถามต่อไปเพื่อความแจ่มแจ้งของธรรม คือ จิตตคฤหบดีได้ถามว่า

ก็สักกายทิฏฐิย่อมไม่เกิดนั้น มีได้อย่างไร

ท่านพระอิติทัตตะตอบว่า

พระอริยสาวกในพระธรรมวินัยนี้ ผู้ได้สดับแล้ว ได้เห็นพระอริยเจ้า ฉลาดในธรรมของพระอริยเจ้า ไม่เห็นรูปโดยความเป็นตน ๑ ไม่เห็นตนโดยความมีรูป ๑ ไม่เห็นรูปในตน ๑ ไม่เห็นตนในรูป ๑

ต่อไปก็เป็นเรื่องของเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ โดยนัยเดียวกัน

ซึ่งจิตตคฤหบดีเมื่อได้ฟังก็ทราบว่า ท่านพระอิติทัตตะมีความเข้าใจที่ถูกต้องก็ถามท่านว่า

พระคุณเจ้าอิติทัตตะมาจากไหน

ท่านพระอิติทัตตะก็กล่าวว่า

มาจาก อวันตีชนบท

ท่านจิตตคฤหบดีก็ได้กราบเรียนถามต่อไปว่า

ข้าแต่ท่านผู้เจริญ กุลบุตรมีนามว่า อิติทัตตะในอวันตีชนบท เป็นสหายที่ไม่เคยเห็นกันของข้าพเจ้าได้ออกบรรพชามีอยู่ พระคุณเจ้าได้เห็นท่านหรือไม่

ท่านพระอิติทัตตะก็ได้กล่าวตอบว่า

ได้เห็น คฤหบดี

ท่านจิตตคฤหบดีกล่าวว่า

ข้าแต่ท่านผู้เจริญ เดี๋ยวนี้ท่านผู้มีอายุรูปนั้นอยู่ที่ไหนหนอ

เมื่อจิตตคฤหบดีได้ถามอย่างนี้ ท่านพระอิติทัตตะก็ได้นิ่งอยู่ ซึ่งจิตตคฤหบดีก็เข้าใจได้ เพราะฉะนั้น จิตตคฤหบดีก็ได้กล่าวว่า

ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ท่านอิติทัตตะของข้าพเจ้า คือ พระคุณเจ้าหรือ

ซึ่งท่านพระอิติทัตตะก็ได้กล่าวตอบว่า

ใช่ละ คฤหบดี

แล้วต่อจากนั้นท่านจิตตคฤหบดีก็ได้ขอให้ท่านพระอิติทัตตะพำนัก ณ อัมพาฏกวนารามที่น่ารื่นรมย์ ใกล้ราวป่ามัจฉิกาสณฑ์ และท่านก็จะบำรุงด้วยจีวร ด้วยบิณฑบาต เสนาสนะ คิลานเภสัชบริขาร

ท่านอิติทัตตะกล่าวจิตตคฤหบดีว่า

ดูกร คฤหบดี ท่านกล่าวดีแล้ว

ซึ่งจิตตคฤหบดีก็ชื่นชมอนุโมทนาภาษิตของท่านพระอิติทัตตะ ต่อจากนั้นก็ได้อังคาสภิกษุให้อิ่มหนำสำราญด้วยภัตตาหารอย่างประณีต

พระเถระผู้เป็นประธานเห็นปฏิภาณของท่านพระอิติทัตตะ ก็ได้ให้โอกาสท่าน อิติทัตตะว่า

ดีแล้วท่านอิติทัตตะ ปัญหาข้อนั้นแจ่มแจ้งแก่ท่าน มิได้แจ่มแจ้งแก่ผม ต่อไปถ้าปัญหาเช่นนี้พึงมีมาแม้โดยประการอื่นในกาลใด ท่านนั่นแหละพึงกล่าวตอบปัญหาเช่นนั้น ในกาลนั้น

ครั้งนั้นท่านพระอิติทัตตะ ได้เก็บเสนาสนะถือบาตรและจีวร เดินทางออกจาก ราวป่าชื่อมัจฉิโกสณฑ์ ไม่ได้กลับมาอีกเหมือนกับภิกษุรูปอื่นๆ ที่เดินทางจากไป ฉะนั้น

ตามที่เคยเข้าใจว่า จะต้องละปลิโพธเสียก่อนแล้วจึงจะเจริญสติปัฏฐานได้ ก็จะเห็นได้จากพระไตรปิฎกว่า ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะเหตุว่าถึงแม้จะเป็นพระภิกษุอยู่ในป่า บางท่านก็ยังคงมีลาภปลิโพธ

คำว่า ปลิโพธ หมายความว่า กังวล เมื่อท่านยังเป็นปุถุชนซึ่งยังมีความยินดี ความพอใจอยู่ จะละได้ก็ด้วยการเจริญสติ


ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...

แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 51


หัวข้อที่เกี่ยวข้อง ...

ลาภปลิโพธ ติดข้องในลาภ หรือในปัจจัยที่คนเอามาถวาย

เรื่องของปลิโพธ ความกังวล ความห่วงใย


เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ