ทำไมจึงจะไปจดจ้องที่เดิน

 
สารธรรม
วันที่  25 ก.ย. 2565
หมายเลข  44192
อ่าน  156

. สมมติว่าเราเดินธรรมดา ถ้าไม่จดจ้องก็ไม่รู้จะเดินอย่างไร จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นรูปหรือเป็นนาม อาการที่เคลื่อนเป็นรูปถูกไหม และความรู้สึกที่เกิดขึ้นขณะที่เราเคลื่อนนั้นเป็นนามถูกไหม ขณะที่เราเดิน เราก็ต้องมีจดจ้อง ถ้าไม่จดจ้องก็ไม่ทราบว่าอะไรเป็นอะไร

สุ. ต้องเข้าใจให้ถูกว่า สภาพธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ขณะที่เดินมีเห็นไหม มีได้ยินไหม มีกลิ่นปรากฏไหม มีเสียง มีสี มีนามคิดนึก มีอะไรหลายๆ อย่าง แล้วทำไมจึงจะไปจดจ้องที่เดิน ถ้าไปจดจ้องที่ลักษณะเดิน ก็ไม่รู้อย่างอื่นใช่ไหม

. ขณะที่จดจ้องที่เดิน ก็มีได้ยินเสียง เห็นก็มี รู้สึก ขณะที่ไปจดจ้องที่เดิน ดูเดิน เสียงก็ได้ยิน แต่ใจไปจดจ้องอยู่ที่เดิน

สุ. ถ้ามีความต้องการที่จะรู้ตรงที่เดิน ก็จะจดจ้องอยู่เรื่อยๆ ไม่มีการรู้ลักษณะสภาพธรรมตามความเป็นจริงว่า สภาพธรรมทุกอย่างเกิดปรากฏแล้วก็หมดไป

ขณะที่กำลังเดินที่จดจ้องอยู่รู้สภาพของนามอะไร ของรูปอะไร เพราะการเจริญสติปัฏฐานจะต้องรู้ลักษณะของนาม รู้ลักษณะของรูป จึงจะหมดการยึดถือว่าไม่ใช่ตัวตน ซึ่งการที่จะประจักษ์สภาพธรรมตามความเป็นจริงนั้น เป็นเพราะปัญญาพิจารณารู้ลักษณะของนามธรรม รูปธรรม พร้อมกับที่สติระลึกได้จนชิน จนคลาย จนรู้ชัด ข้อสำคัญคือ อย่าคิดว่ารู้พอแล้ว

บางท่านไม่ยอมที่จะรู้มาก คิดว่าจดจ้องอยู่รูปเดียวนามเดียวก็พอแล้ว ไม่ต้องรู้ทางอื่นเลย หรือไม่ต้องเจริญความรู้ให้มากขึ้น คิดว่าเพียงอย่างนั้นก็พอ แต่ความจริงไม่พอ เพราะอวิชชามีมากเหลือเกิน เมื่ออวิชชาซึมซาบอยู่ทั้งทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ การคลายอวิชชาได้ต้องเจริญสติ ระลึกรู้ลักษณะของนามธรรมรูปธรรมบ่อยๆ เนืองๆ เพราะปัญญาจะต้องค่อยๆ เจริญแทนอวิชชา ด้วยการพิจารณาแล้วความรู้ก็เกิด แต่ไม่ใช่ด้วยการจดจ้อง


ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...

แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 115


เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ