ถ้ามีการอยากละ แสดงว่าไม่เข้าใจธรรม
ขอนอบน้อมแด่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธะฝเต้าพระองค์นั้น
ทุกคำของพระองค์ให้เข้าใจสิ่งที่กำลังมี เดี๋ยวนี้ ว่าเป็นเพียงสภาพธรรมอย่างหนึ่ง ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สิ่งต่างๆ ที่เคยยึดถือไว้ จึงต้องรู้ว่าสภาพธรรมนั้นมีจริงๆ อย่างไร และอยู่ที่ไหน จึงจะรู้ว่าสิ่งที่กำลังปรากฏขณะนั้นเป็นเพียงธรรม ไม่ใช่เรา ค่อยๆ ฟังค่อยๆ สะสมความเข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏขณะนี้ตามความเป็นจริงท่ามกลางอกุศลที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันมากมาย โดยเฉพาะโลภ ความอยาก เพียงหลังเห็น สามขณะจิตดับไป ความติดข้องก็เกิดแล้ว ไม่มีใครทำอะไรได้เลย เพราะธรรมเกิดแล้วตามเหตุตามปัจจัย มีหนทางเดียว คือ ฟังธรรมเพื่อเข้าใจความจริงที่กำลังปรากฏขณะนี้ว่า เป็นธรรม ไม่ว่าอะไรจะปรากฏเกิดขึ้น แม้ความอยากเกิดก็เป็นธรรมอย่างหนึ่ง ไม่ใช่เรา ค่อยๆ อบรมสะสมความเข้าใจไป จนกว่าทุกอย่างเป็นเพียงธรรม ถ้าอยากจะละโลภ โทสะ โดยไม่รู้ว่าธรรมขณะนี้มีลักษณะอย่างไร อยู่ที่ไหน ก็แสดงว่ายังไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่เข้าใจธรรมที่ลึกซึ้งตามที่พระองค์ทรงแสดง
พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้าที่ 119
ข้อความบางตอนจาก โพธิราชกุมารสูตร
ธรรมที่เราบรรลุแล้วนี้เป็นธรรมลึก ยากที่จะเห็นได้ สัตว์อื่นจะตรัสรู้
ตามได้ยาก เป็นธรรมสงบระงับ ประณีต ไม่เป็นวิสัยที่จะหยั่งลงได้ด้วย
ความตรึก เป็นธรรมละเอียด อันบัณฑิตจะพึงรู้แจ้ง.
ขอเชิญคลิกอ่านได้ที่ ...
จอเชิญคลิกฟังได้ที่ ...
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตตาด้วยความเคารพอย่างยิ่งค่ะ