หัตถกอุบาสก ชาวเมืองอาฬวี -191
ข้อความในพระไตรปิฎก ที่กล่าวถึงอุบาสกท่านหนึ่งซึ่งพระผู้มีพระภาคตรัสให้ทรงจำคุณธรรมของท่านไว้ ใน อังคุตตรนิกาย อัฏฐกนิบาต หัตถสูตร ที่ ๑ มีว่า
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับที่อัคคาฬวเจดีย์ ใกล้เมืองอาฬวี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า
ดูกร ภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุทั้งหลายทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงทรงจำหัตถกอุบาสกชาวเมืองอาฬวีว่า เป็นผู้ประกอบด้วยธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมา ๗ ประการ ๗ ประการเป็นไฉน
ดูกร ภิกษุทั้งหลาย หัตถกอุบาสกชาวเมืองอาฬวี เป็นผู้มีศรัทธา ๑ มีศีล ๑ มีหิริ ๑ มีโอตตัปปะ ๑ เป็นพหูสูต ๑ มีจาคะ ๑ มีปัญญา ๑
ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงทรงจำหัตถกอุบาสกชาวเมืองอาฬวีว่า เป็นผู้ประกอบด้วยธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมา ๗ ประการนี้แล
พระผู้มีพระภาคผู้สุคต ครั้นได้ตรัสพระดำรัสนี้แล้ว เสด็จลุกจากอาสนะ เข้าไปสู่พระวิหาร
ดูเหมือนกับว่าเป็นคุณธรรมธรรมดา คือ เป็นผู้มีศรัทธา ๑ มีศีล ๑ มีหิริ ๑ มีโอตตัปปะ ๑ เป็นพหูสูต ๑ มีจาคะ ๑ มีปัญญา ๑ แต่ความจริงอุบาสกท่านนี้เป็นพระอริยเจ้า แต่พระผู้มีพระภาคไม่ตรัสโดยตรงว่า ให้ทรงจำหัตถกอุบาสกว่าเป็น พระอริยเจ้า ซึ่งผู้ที่มีศรัทธาก็มีมาก ผู้ที่มีศีลก็มีมาก ผู้ที่มีหิริ มีโอตตัปปะ เป็นพหูสูต มีจาคะ มีปัญญาก็มีมาก แต่ทำไมพระผู้มีพระภาคจึงตรัสให้ทรงจำหัตถกอุบาสก
ข้อความต่อไปมีว่า
ครั้งนั้นเวลาเช้า ภิกษุรูปหนึ่ง นุ่งแล้ว ถือบาตรและจีวร เข้าไปยังนิเวศน์ของหัตถกอุบาสกชาวเมืองอาฬวี ครั้นแล้วจึงนั่งบนอาสนะที่ปูไว้
ลำดับนั้น หัตถกอุบาสกชาวเมืองอาฬวีเข้าไปหาภิกษุนั้น ไหว้แล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วภิกษุนั้นได้กล่าวกะหัตถกอุบาสกชาวเมืองอาฬวีว่า
ดูกร อาวุโส พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ท่านว่า เป็นผู้ที่ประกอบด้วยธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมา ๗ ประการ ๗ ประการเป็นไฉน ดูกร ภิกษุทั้งหลาย หัตถกอุบาสกชาวเมืองอาฬวีเป็นผู้มีศรัทธา ๑ มีศีล ๑ มีหิริ ๑ มีโอตตัปปะ ๑ เป็นพหูสูต ๑ มีจาคะ ๑ มีปัญญา ๑
ดูกร อาวุโส พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ท่านว่า เป็นผู้ประกอบด้วยธรรมที่น่าอัศจรรย์ อันไม่เคยมีมา ๗ ประการนี้แล
หัตถกอุบาสกชาวเมืองอาฬวีถามว่า
ข้าแต่ท่านผู้เจริญ คฤหัสถ์ไรไรผู้นุ่งผ้าขาว ไม่มีในตำแหน่งที่พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์หรือ
ถ้าเป็นบุคคลอื่นจะกล่าวว่าอย่างไร ในเมื่อเป็นผู้ที่พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ แต่เพราะเหตุว่าท่านเป็นผู้ที่ทรงคุณธรรม จึงไม่ได้อวดตัว ไม่ได้ตื่นเต้น ไม่ได้ฟูใจ แต่ก็ถามพระภิกษุรูปนั้นตามปกติว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ คฤหัสถ์ไรไรผู้นุ่งผ้าขาว ไม่มีในตำแหน่งที่พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์หรือ หมายความว่า คงจะมีคนอื่นอีก ไม่ใช่มีแต่เฉพาะตัวท่านที่พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ แต่ภิกษุรูปนั้นก็กล่าวตอบว่า
ดูกร อาวุโส ไม่มี
เมื่อได้ฟังอย่างนี้แล้ว หัตถกอุบาสกผู้ทรงคุณธรรมสูงก็กล่าวตอบว่า
ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ดีแล้วที่คฤหัสถ์ไรไรผู้นุ่งผ้าขาว ไม่มีในตำแหน่งที่พระผู้มี-พระภาคทรงพยากรณ์นี้
ข้อความต่อไปในพระสูตรมีว่า
ลำดับนั้น ภิกษุนั้นรับบิณฑบาตในนิเวศน์ของหัตถกอุบาสกชาวเมืองอาฬวีแล้ว ลุกจากที่นั่ง แล้วหลีกไป ภายหลังภัต กลับจากบิณฑบาตแล้ว เข้าไปเฝ้า พระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ กราบทูลข้อความที่ได้สนทนากับหัตถกอุบาสกให้ พระผู้มีพระภาคทรงทราบทุกประการ เมื่อภิกษุนั้นกราบทูลข้อความนั้นให้ทรงทราบแล้ว พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกร ภิกษุ ถูกแล้ว ถูกแล้ว กุลบุตรนั้นมีความปรารถนาน้อย ไม่ปรารถนาให้คนอื่นรู้กุศลธรรมที่มีอยู่ในตน
ดูกร ภิกษุ ถ้าอย่างนั้นเธอจงทรงจำหัตถกอุบาสกชาวเมืองอาฬวีไว้ว่า เป็นผู้ประกอบด้วยธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมานี้ คือ ความเป็นผู้ไม่ปรารถนาให้คนอื่นรู้กุศลธรรมที่มีอยู่ในตน
จบข้อความในพระสูตร
ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...