กุศลย่อมนำมาซึ่งอายุ วรรณะ สุข พละ (สุปปวาสสูตร) -213
เรื่องผลของกุศลที่ท่านได้ยินบ่อยๆ ว่า ย่อมนำมาซึ่งอายุ วรรณะ สุข พละ ๔ ประการนั้น ใน อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต สุปปวาสสูตร มีข้อความว่า
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ในนิคมของโกลิยราชสกุล ชื่อ ปัชชเนละแคว้นโกลิยะ ครั้งนั้นแล เวลาเช้า พระผู้มีพระภาคทรงนุ่งแล้ว ทรงถือบาตรและจีวรเสด็จเข้าไปยังนิเวศน์ของโกลิยธิดา ชื่อ สุปปวาสา ครั้นแล้วประทับนั่งบนอาสนะที่ปูลาดไว้ ครั้งนั้นแล โกลิยธิดา ชื่อ สุปปวาสาได้อังคาสพระผู้มีพระภาคด้วยของเคี้ยวของฉันอันประณีตด้วยมือของตน ให้อิ่มหนำเพียงพอแล้ว ได้เห็นพระผู้มีพระภาคเสวยเสร็จ นำพระหัตถ์ออกจากบาตรแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า
ดูกร สุปปวาสา อริยสาวิกาผู้ให้โภชนะ ชื่อว่า ย่อมให้ฐานะ ๔ แก่ปฏิคาหก ฐานะ ๔ เป็นไฉน คือ ให้อายุ วรรณะ สุข พละ ครั้นให้อายุแล้ว ย่อมเป็นผู้มีส่วนแห่งอายุอันเป็นทิพย์หรือเป็นของมนุษย์ ครั้นให้วรรณะแล้ว ย่อมเป็นผู้มีส่วนแห่งวรรณะอันเป็นทิพย์หรือเป็นของมนุษย์ ครั้นให้สุขแล้ว ย่อมเป็นผู้มีส่วนแห่งสุขอันเป็นทิพย์หรือเป็นของมนุษย์ ครั้นให้พละแล้ว ย่อมเป็นผู้มีส่วนแห่งพละอันเป็นทิพย์หรือเป็นของมนุษย์ ดูกร สุปปวาสา อริยสาวิกา เมื่อให้โภชนะ ชื่อว่า ย่อมให้ฐานะ ๔ ประการนี้แก่ปฏิคาหก ฯ
อริยสาวิกา ย่อมให้โภชนะที่ปรุงแล้ว สะอาด ประณีต สมบูรณ์ด้วยรส ทักษิณานั้นอันบุคคลให้แล้วในท่านผู้ดำเนินไปตรง ผู้ประกอบด้วยวรรณะ ผู้ถึงความเป็นใหญ่ สืบต่อบุญกับบุญ เป็นทักษิณามีผลมาก อันพระพุทธเจ้าผู้รู้แจ้งโลกสรรเสริญแล้ว ชนเหล่าใดเมื่อระลึกถึงยัญเช่นนั้น ย่อมเป็นผู้มีความโสมนัสเที่ยวไปในโลก กำจัดมลทิน คือ ความตระหนี่พร้อมทั้งรากเหง้าออกแล้ว ชนเหล่านั้นไม่ถูกนินทา ย่อมเข้าถึงฐานะ คือ สวรรค์
สำหรับอุบาสิกาสุปปวาสา โกลิยธิดานั้นเป็นเอตทัคคะ คือ เป็นเลิศกว่าพวกอุบาสิกาสาวิกาผู้ถวายรสอันประณีต ทางฝ่ายอุบาสกผู้ถวายรสอันประณีตนั้น ก็คือ เจ้าศากยะพระนามว่ามหานามะ
นี่เป็นคำอนุโมทนา และพระผู้มีพระภาคได้ตรัสกับสุปปวาสา อริยสาวิกา ถึงฐานะที่จะพึงได้เมื่อได้ถวายโภชนะแก่ปฏิคาหก ผลของทานนั้นให้เกิดในสวรรค์ก็ได้ หรือว่าในมนุษย์ก็ได้ ถ้าเกิดในสวรรค์ก็เป็นผู้ที่มีอายุ วรรณะ สุข พละอันเป็นทิพย์ แต่ถ้าเกิดในมนุษย์ ผลของทานนั้นก็ให้เป็นผู้ที่มีอายุ วรรณะ สุข พละที่เป็นของมนุษย์
ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...