เรื่องของอาหาร มีท่านผู้ใดไม่ติดบ้าง
ติดในรสที่ปรากฏทางลิ้น มีท่านผู้ใดไม่ติดบ้าง ไม่มี ติดทุกท่าน แต่ว่าจะมากหรือน้อยเป็นเรื่องที่แต่ละท่านจะทราบได้เอง
อุโบสถศีล เป็นการชำระขัดเกลากิเลสยิ่งขึ้นเท่าที่พุทธบริษัทสามารถที่จะประพฤติปฏิบัติตามได้ จนกว่าจะบรรลุคุณธรรมถึงความเป็นพระอริยเจ้า เช่น พระอนาคามีและพระอรหันต์ เพราะว่าผู้ที่ยังมีกิเลส เป็นผู้ที่ยังติดในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะมาก มีหนทางใดวิธีใดที่จะอบรมเจริญการขัดเกลากิเลสที่สมควร พระผู้มีพระภาคก็ทรงบัญญัติเป็นศีลประการต่างๆ สำหรับพุทธบริษัททั้งภิกษุและฆราวาส
สำหรับเรื่องของอาหาร ท่านผู้ฟังพิสูจน์ได้ด้วยตัวของท่านเองว่า เป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตประจำวันเรื่องหนึ่ง เพราะว่าทุกท่านลืมคิดว่า ที่ท่านต้องบริโภคอาหารนั้นเป็นความจำเป็น ลืมที่จะคิดถึงความสำคัญข้อนี้ว่า ชีวิตจะเป็นไปได้ ก็ด้วยการบริโภคอาหาร
เมื่อไม่ได้คิดถึงความจริงข้อนี้ ก็ทำให้ท่านติดในรสที่ปรากฏทางลิ้น มีท่านผู้ใดไม่ติดบ้าง ไม่มี ติดทุกท่าน แต่ว่าจะมากหรือน้อยเป็นเรื่องที่แต่ละท่านจะทราบได้เอง และที่จะพิสูจน์ว่า ทุกท่านติดในรสอาหาร ขอให้ดูการประกอบอาหาร การทำอาหาร ซึ่งต้องเป็นไปอย่างวิจิตรมากใช่ไหม ในแต่ละมื้อ แต่ละครั้งที่ท่านบริโภคนั้น ต้องทำด้วยความวิจิตรเพียงใด และเวลาที่ทำเสร็จแล้ว การติดในรสของแต่ละท่านยังทำให้ท่านต้องปรุง ต้องเติมรสต่างๆ ตามอัธยาศัยของแต่ละท่านด้วย
ที่มา และ ขอเชิญรับฟัง
ขอถวายความนอบน้อมแด้พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นด้วยเศียรเกล้า
การฟังพระธรรม ทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าป็นเครื่องขัดเกลากิเลสอกุศลตนเองจริงๆ ซึ่งเกิดขึ้นมากในชีวิตประจำวัน ถ้าไม่ฟังก็ไม่รู้ว่ามีมากมายแค่ไหน แม้แต่การบริโภคอาหาร เคยฟังท่านอาจาย์กล่าวว่า
" ทุกคนก็บริโภควันละหลายครั้ง และ ทุกครั้งที่บริโภค บริโภคด้วยกุศลหรือด้วยอกุศล หรือด้วยปัญญาที่พิจารณาในขณะที่บริโภค แสดงให้เห็นว่า กว่ากุศลจิตจะค่อยๆ เกิด ค่อยๆ เจริญขึ้น ค่อยๆ มีปัญญาตรงต่อลักษณะของสภาพธรรมจนกระทั่งเป็นปัญญาขั้นต่างๆ ที่จะถึงความรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ต้องอาศัยการฟัง การพิจารณา ฟังแล้วก็ฟังอีก ... "
ขอเชิญรับฟัง
กราบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง