ไม่ข้ามแต่ละคำ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
การศึกษาพระพุทธศาสนา ต้องเป็นไปตามลำดับ จะข้ามแต่ละคำด้วยการคิดเองไม่ได้เลย คิดเองเมื่อไหร่ ... ผิดทันที ... จะถูกต้องไปไม่ได้เลยเพราะไม่ใช่ความเข้าใจคำที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้
แต่เมื่อฟังแล้ว ต้องพิจารณาแต่ละคำกับสิ่งที่มีจริงๆ ที่ปรากฏ สามารถเข้าใจถูกต้องตรงตามความเป็นจริงได้
เส้นบางๆ ระหว่างการคิดเองกับการคิดพิจารณาไตร่ตรองธรรมะ ... จะต่างกันอย่างไร ... เชิญคลิกชม ... หาคำตอบได้ค่ะ
รายการบ้านธัมมะ 20 สิงหาคม 2565 เรื่อง ไม่ข้ามแต่ละคำ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในความดีของทุกท่านค่ะ
จะพึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยวิธีไหน ... ค่อยๆ ฟังธรรมะและเข้าใจความจริง ทุกอย่างเกิดจากความไม่รู้ ... ขณะนี้ก็ไม่รู้ความจริงของสิ่งที่มี ... เพราะขณะนี้ต้องรู้ว่าเห็นจริง แต่เป็นเราเห็น ... ถูกหรือผิด ... นี่เป็นหนทางที่ละเอียดลึกซึ้ง ... เป็นอริยสัจจะ ถ้าไม่ใช่อย่างนั้นแล้วรีบร้อนด้วยความเป็นเรา ... ที่ต้องการจะหมดกิเลส ... ไม่มีทางหมด เพราะยังไม่รู้ว่า ... เรามีจริงๆ หรือเปล่าขณะนั้น!!
แต่ผู้ที่ได้ตรัสรู้แล้วทรงแสดงว่า ไม่มีเรา แต่มีสิ่งที่มีจริง ตรัสเรื่องสิ่งที่มีจริงทุกอย่าง ภาษาบาลี คือ ธรรมะ ธรรมะฝ่ายไม่ดีก็เป็นอกุศลธรรม ความดี ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ความเป็นมิตรที่หวังดีต่อคนอื่นก็มีจริงๆ เป็นธรรมะ ไม่ใช่ใครสักคน มีปัจจัยเกิดขึ้นและดับไป จึงมีคำว่าสังขารธรรม สิ่งที่เกิดต้องอาศัยเหตุปัจจัยจึงเกิดขึ้นได้ และสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วทั้งหมดไม่ว่าอะไร เกิดแล้วก็ดับไป ไม่กลับมาอีกเลยในสังสารวัฏฏ์
ค่อยๆ คลายความเป็นเราไหม ... นี่คือสาเหตุหรือต้นเหตุที่ว่า การจะละความเป็นเราเพราะไม่รู้ ก็ต่อเมื่อรู้ ค่อยๆ รู้ตรงขึ้นว่า ... ไม่มีเรา
กว่าจะรู้อย่างนั้นได้ ... เกินความหวัง ... หนทางนี้เป็นหนทางละความหวัง เพราะเข้าใจถูกต้องว่า หวังเท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จ เพราะความหวังไม่ใช่ความเข้าใจ หวังไม่ใช่ความเห็นถูก แต่หวังเป็นความต้องการสารพัดทุกเรื่อง ... ไม่เว้นเลย ... เว้นโลกุตรธรรมเท่านั้น!!
ไม่สามารถจะไปหวังโลกุตรธรรมได้เลย เพราะต้องถึงโลกุตรธรรมด้วยปัญญา ถ้าไม่มีปัญญาแล้วจะถึงได้อย่างไร!!
การที่ทุกคนยังมีกิเลสเป็นธรรมดาเพราะสะสมมามากในสังสารวัฏฏ์ สมัยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ แต่ละคนอยู่ที่ไหนในสังสารวัฏฏ์ ... รู้ไหม!! เคยได้ยินได้ฟังไหม ... เคยสนใจไหม ... อดีตไม่สามารถจะรู้ได้ ... แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในชาตินี้ ส่องถึงอดีตที่สะสมมาแล้วในแต่ละคน ทำให้แต่ละคนต่างกัน แม้พระสาวกก็มีหลายอัธยาศัย เป็นเอตทัคคะผู้เลิศในทางต่างๆ กัน
มีหนทางเดียว คือ หนทางละเพราะรู้ถ้าไม่เข้าใจไม่สามารถละอะไรได้เลยใครจะบอกให้ละเสีย ... ให้หวัง ... ละอะไรก็ไม่รู้ ... วางอะไรก็ไม่รู้ ... แต่บอกให้ละวาง แต่พระองค์ทรงแสดงความจริงของสิ่งที่มีทั้งหมด ให้เข้าใจโดยการไตร่ตรองที่จะพิจารณาจนเข้าใจความจริงขึ้น ... หนทางเดียว ... พระองค์ทรงแสดงไว้ว่า ... การที่จะรู้แจ้งอริยสัจจะ คือ ความจริงของสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้จริงๆ แต่ละหนึ่งก็ต้องอาศัยทางที่ลึกซึ้ง คือ เดี๋ยวนี้กำลังเป็นบารมีเพราะเห็นหนทางที่ถูกต้อง คือ การฟังด้วยความเคารพในความจริง มั่นคงในความจริง เป็นสัจจบารมี และกำลังฟังขณะนี้ก็เป็นความเพียรด้วย ถ้าขาดความเพียรก็ไม่ฟังแล้ว เพราะฉะนั้นฟังธรรมะขณะไหน ขณะนั้นเพียรที่จะเข้าใจเป็นวิริยบารมี
กราบนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ
ไม่ข้ามแต่ละคำจริงๆ ที่จะเข้าใจแต่ละคำ แต่ละหนึ่ง ... แต่ละหนึ่งอย่างถูกต้องชัดเจน และไม่คิดเอง เป็นผู้ตรง มีเหตุผลที่จะพิจารณาไตร่ตรองสิ่งที่ได้ยินได้ฟังแล้ว ซึ่งเป็นคำของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยความละเอียดรอบคอบ และเคารพสูงสุดในความเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ยินดีในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ
... หนทางที่ถูกต้อง คือ การฟังด้วยความเคารพในความจริง มั่นคงในความจริง ... เป็นสัจจบารมี
และการฟังในขณะนี้ก็เป็นความเพียรด้วย ถ้าขาดความเพียรก็ไม่ฟังแล้ว เพราะฉะนั้นฟังธรรมขณะไหน ขณะนั้นเพียรที่จะเข้าใจ เป็นวิริยบารมี ...
ยินดีในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ
... การสนทนาธรรมตามกาล เป็นมงคลอันอุดม ...
ยินดีในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ