ขณะนี้เป็นนามธรรมและเป็นรูปธรรม … แต่ไม่รู้

 
nattawan
วันที่  13 ต.ค. 2566
หมายเลข  46772
อ่าน  302

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

ฟังธรรมออนไลน์ :

โสภณธรรมตลับที่ 29 (ตอนที่ 57)

อ.สุจินต์ : ไม่ทราบท่านผู้ฟังมีข้อสงสัยอะไรบ้างหรือเปล่าคะ ... ที่เกี่ยวกับการเจริญสติปัฏฐานเพราะเหตุว่าบางท่านก็เพิ่งจะรับฟัง และก็มีท่านที่บอกว่าสติไม่ค่อยเกิด ... ทำยังไงสติถึงจะเกิด ถ้ายังไม่เข้าใจว่าปัญญารู้อะไรในวันหนึ่งๆ แล้วก็สติก็เกิดไม่ได้ ต่อเมื่อใดรู้ว่าปัญญารู้อะไรในวันหนึ่งๆ สติจึงจะเริ่มระลึก เพื่อให้ปัญญาศึกษารู้ลักษณะของสิ่งที่ปัญญาจะต้องรู้

ในขณะนี้ด้วยการศึกษาทราบว่าเป็นนามธรรมและรูปธรรมทั้งนั้น ทุกขณะไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตนเลย แม้เพียงฟังแค่นี้ ... ถ้ามีความเข้าใจโดยถูกต้อง สติเริ่มระลึกลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฏได้ แต่ถ้าเพียงฟังเล็กน้อย และก็ยังไม่เข้าใจจริงๆ สติก็ยังไม่เกิด

แต่ถ้าทราบว่าชีวิตทุกขณะเดี๋ยวนี้เองเป็นนามธรรมและรูปธรรมทั้งนั้นทุกอย่าง ก่อนอื่นต้องพิจารณาว่า ที่กล่าวอย่างนี้ถูกหรือผิด ขณะนี้เป็นนามธรรม ... เป็นรูปธรรม ... ถูกใช่ไหม ... ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ... ถูกนะคะ ขณะนี้เป็นนามธรรมและเป็นรูปธรรม ... แต่ไม่รู้ ... ถูกหรือผิด!!! ขณะนี้เป็นนามธรรมแต่ไม่รู้ว่าเป็นนามธรรม ขณะนี้เป็นรูปธรรมแต่ไม่รู้ว่าเป็นรูปธรรม ... ที่กล่าวอย่างนี้ถูกหรือผิด ... ถูก

ปัญญาคือการรู้สิ่งที่กำลังปรากฏที่เมื่อกี้กล่าวว่าเป็นนามธรรมและรูปธรรมทั้งนั้นนั่นเอง ... ไม่ใช่รู้อย่างอื่นเลย กำลังเห็นเป็นนามธรรมเป็นสภาพรู้ ... สิ่งที่ปรากฏทางตาเป็นรูปธรรม ในขณะที่ทุกคนกำลังเห็น ... เพียงเท่านี้เอง พิจารณาอย่างนี้ ... เข้าใจอย่างนี้ ... เป็นปัจจัยให้สติเกิดระลึกได้ เพราะเมื่อกี้กล่าวแล้วว่า ไม่มีตัวตน ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคล ทุกขณะเป็นแต่เพียงนามธรรมและรูปธรรม ... แต่ไม่รู้!!!!!

ปัญญาก็คือต้องรู้สิ่งที่เป็นนามธรรมและรูปธรรมในขณะนี้เอง ... ถูกหรือผิด!! นี่คือการที่จะเข้าใจเรื่องของสติปัฏฐาน สิ่งที่สติจะละลึกและปัญญาจะพิจารณาจนกว่าจะรู้จริงๆ ว่าขณะนี้เป็นนามธรรม ... ขณะนี้เป็นรูปธรรม แต่ไม่รู้ต่างหาก เพราะฉะนั้น ผู้รู้กล่าวว่า ขณะนี้เป็นนามธรรม เป็นรูปธรรม ผู้ไม่รู้ได้ยินว่าขณะนี้เป็นนามธรรม เป็นรูปธรรม แต่ไม่รู้ เพราะฉะนั้น ผู้ไม่รู้จะเป็นผู้รู้ได้ก็ด้วยการที่สติเกิดขณะที่เห็นเป็นปกติธรรมดา ขณะที่สติไม่เกิดก็เพียงเห็น แต่ขณะที่สติเกิดก็คือ เมื่อเห็นคือในขณะนี้แล้วระลึกศึกษา น้อมที่จะรู้ว่าในขณะที่เห็นนี่เป็นสภาพรู้ไม่ใช่เรา สิ่งที่ปรากฏทางตาเป็นของจริงยังไม่นึกถึงรูปร่างสัณฐานใดๆ เลยเพราะเหตุว่าสภาพนี้เพียงปรากฏเมื่อกระทบกับจักขุปสาทเท่านั้นจึงปรากฏ

แค่นี้เองซึ่งสติจะต้องระลึกบ่อยๆ เนืองๆ จนกว่าจะรู้ชัดจริงๆ ว่าสภาพรู้ที่กำลังเห็นเป็นนามธรรม ... ไม่ใช่เรา เพราะฉะนั้น ที่กล่าวว่าสติไม่ค่อยเกิดก็เพราะยังไม่ค่อยที่จะระลึกจนกระทั่งรู้จริงๆ ว่าปัญญาไม่ใช่รู้อย่างอื่นเลย แต่รู้นามธรรมและรูปธรรมที่กำลังปรากฏนี่เอง ...

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในความดีของทุกท่านค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
nattawan
วันที่ 13 ต.ค. 2566

เติมความดี ในชีวิต แต่ละวันๆ ไปเรื่อยๆ

เพราะเหตุว่า อกุศล มากมายเหลือเกิน

อ่านเพิ่มเติม ...

ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ศูนย์สุขภาพเชตวัน ศาลายา ๑๔-๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๖

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
nattawan
วันที่ 13 ต.ค. 2566

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
nattawan
วันที่ 13 ต.ค. 2566

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ภาพ : พี่แอ๊ว คุณนภา จันทรางศุ ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
chatchai.k
วันที่ 13 ต.ค. 2566

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ