มีเราจริงหรือ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
การที่จะเข้าใจธรรมะต้องเข้าใจสิ่งที่มีจริงๆ ในชีวิตประจำวัน ซึ่งก็เป็นปกติธรรมดาว่า คืออะไรจากพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้ จนกว่าจะสามารถรู้ตามได้จริงๆ เพราะว่าความจริงทุกอย่างมีลักษณะของความจริงให้ปัญญาสามารถรู้ได้
เมื่อรู้อย่างนี้แล้วจะหาเราได้จากที่ไหน ... มีเราจริงหรือ ...
เชิญคลิกชมหาคำตอบได้ค่ะ ...
รายการบ้านธัมมะ 9 เมษายน 2565 เรื่อง มีเราจริงหรือ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในความดีของทุกท่านค่ะ
อายตนะมีจริงไหม อยากรู้คำนี้หรืออยากจะรู้เรื่องนี้ แต่ว่าคำนี้คืออะไรและความจริงของคำนี้คืออะไร ต้องเข้าใจตามลำดับ ไม่ใช่พูดถึงสิ่งที่ไม่รู้จักหรือไม่เข้าใจ เพราะฉะนั้นอายตนะมีจริงๆ หรือเปล่า
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องทรงแสดงสิ่งที่มีจริงแน่นอน แต่พระองค์ตรัสว่าอายตนะกับใคร ... กับคนที่ไม่เข้าใจคำนั้น หรือพูดคำนั้นในภาษาที่คนฟังแล้วเข้าใจเพราะเป็นภาษาที่เขาใช้อยู่
เพราะฉะนั้นเราจะไปพูดถึงคำที่เราไม่เคยได้ยินได้ฟัง และไม่เคยใช้เลยแล้วจะไปให้เข้าใจคำนั้นที่คนใช้ภาษานั้นเข้าใจว่าอย่างไร เพราะเราไม่ได้ใช้ภาษาของเขา ... ต้องรู้ว่ากำลังพูดถึงอะไร เพื่อที่จะได้เข้าใจสิ่งนั้น
เริ่มจากคำว่าอายตนะมีจริงจริงหรือเป็นเพียงชื่อเราพูดคำนี้กับคนโน้นคนนี้แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าคำนี้คืออะไรหมายความถึงอะไรแล้วเราพูดเรื่องอะไรก็พูดเรื่องที่ทุกคนไม่เข้าใจและไม่รู้จัก
เรื่องการศึกษาธรรมะต้องละเอียดยิ่ง ไม่ว่าจะพูดในภาษาใด หมายความถึงอะไร ซึ่งต้องมีจริงและลักษณะที่แท้จริงของสิ่งนั้น ... ไม่มีใครสามารถที่จะรู้ได้เลย ถ้าไม่ได้ฟังคำของผู้ที่ทรงตรัสรู้
ใช้คำนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่า ตรัสรู้ต่างจากรู้อื่นๆ อย่างไร เพราะฉะนั้นการศึกษาเพื่อเข้าใจต้องรู้ว่า สิ่งที่พระโพธิสัตว์ที่เห็นประโยชน์ของการที่จะเข้าใจสิ่งที่มีจริงๆ ตามความเป็นจริงของสิ่งนั้น ต้องบำเพ็ญบารมีและคุณความดีต่างๆ นานเท่าไหร่ เพราะเหตุว่าความไม่รู้ทำให้เกิดอกุศลความไม่ดีต่างๆ ปกปิดความจริง ต้องศึกษาแต่ละคำด้วยความเคารพจริงๆ เริ่มต้นว่าจริงไหมและคืออะไร
ถ้ามีจริง ... เดี๋ยวนี้มีไหม ... นี่คือความลึกซึ้ง ไม่ใช่ว่ามาก็พูดตามๆ กันไป แต่ไม่รู้ว่ากำลังพูดถึงสิ่งที่เดี๋ยวนี้ก็มี แต่เพราะไม่รู้ จึงต้องฟังคำของผู้ที่ทรงตรัสรู้ว่า ทุกคำของพระองค์กล่าวถึงสิ่งที่ไม่ไกลเลย อยู่ตรงนี้ทั้งหมด แต่ไม่เคยรู้ความจริงเลย
เริ่มเห็นความเป็นไปของธรรมะแล้วว่า ต้องมีสิ่งที่มีจริงๆ ซึ่งเกิดดับสืบต่อจนกระทั่งปรากฏเป็นนิมิตของสิ่งนั้นๆ แล้วก็มีบัญญัติ คือ การรู้นิมิตนั้นๆ เมื่อรู้แล้วก็มีการสมมติเรียกแล้วแต่ว่าภาษานั้นจะเป็นภาษาอะไร เพื่อที่จะรู้ได้ว่าสิ่งนั้นคืออะไรตามภาษาของตนๆ
แต่ไม่ว่าจะเป็นนิมิต เป็นบัญญัติหรือว่าเป็นการสมมติขึ้นมา ก็ไม่ใช่สิ่งที่มีจริงๆ ที่เป็นปรมัตถธรรม ความไม่รู้ทำให้ลืมเสมอว่า แท้ที่จริงแล้ว "มีแต่ธรรมะ ไม่ใช่เรา"
... เราเรียนเพียงบางส่วน แต่ถ้าจะให้ถึงความไม่ใช่เราจริงๆ ต้องเข้าใจความละเอียดอย่างยิ่งในขั้นฟัง ซึ่งใช้คำว่า "ปริยัติ" ไม่ได้ฟังคำที่ไม่ได้พูดถึงความจริง แต่แม้ฟังก็ยังต้องรอบรู้ในคำนั้น
"รอบรู้" หมายความว่า มั่นคง ไม่เปลี่ยนแปลง เพราะรู้จริงๆ ว่าสิ่งนั้น เป็นสิ่งนั้น ไม่เป็นสิ่งอื่น ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง