ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๓๖

 
khampan.a
วันที่  29 ต.ค. 2566
หมายเลข  46883
อ่าน  1,680

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น



ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจาก
ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษา และพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้


ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๓๖




~ เพราะอะไร พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงเป็นผู้ที่ควรแก่การเคารพสักการะนอบน้อมอย่างสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ เทวดา หรือ พรหม ก็เคารพสักการะนอบน้อมต่อพระองค์?
เพราะพระปัญญาคุณที่ทรงตรัสรู้ความจริง ซึ่งความจริงนี้ไม่มีใครสามารถที่จะรู้ได้ จนกว่าจะได้ฟังพระธรรม

~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงบำเพ็ญพระบารมี (คุณความดีที่จะทำให้ถึงฝั่งของการดับกิเลส) นานถึงสี่อสงไขยแสนกัปป์ เพื่อเราจะได้ฟังคำที่เราสามารถจะเข้าใจความจริง ซึ่งคนทั้งโลกไม่มีทางที่จะทำให้เราเข้าใจได้ นอกจากคำของพระองค์ซึ่งดำรงสืบต่อมา แล้วเราก็ไม่ควรประมาทเลย ต้องเข้าใจจริงๆ ในแต่ละคำ

~ ทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่จะได้ยินได้ฟัง เหมือนคำที่จะเปิดเผยสิ่งที่เราไม่เคยรู้มาก่อน ทั้งๆ ที่มีในขณะนี้ ให้รู้ว่าพระองค์ทรงตรัสรู้ความจริงและเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง

~ ธรรม ยาก จะง่ายได้อย่างไร ไม่มีทางง่ายเลย แต่ว่ามีโอกาส มีบุญที่ได้สะสมมาที่จะมีโอกาสได้ฟังคำซึ่งคนที่ไม่สนใจ ไม่ได้สะสมมา ก็จะไม่เห็นประโยชน์ แต่ว่าถ้าเป็นคนที่สะสมมา แม้แต่คำเดียวก็สะดุดใจ รู้ว่าลึกซึ้งและเป็นประโยชน์มากกับชีวิต

~ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกคำ ลึกซึ้ง ต้องเริ่มด้วยการที่ว่าขณะที่กำลังฟัง คำเดียวเข้าใจจริงๆ หรือยัง ขอให้เข้าใจอย่างมั่นคง ไม่เปลี่ยนแปลงว่า ธรรม คือ สิ่งที่มีจริง ไม่ใช่เรา ทุกอย่างที่เข้าใจผิดว่าเป็นเรานั้น แท้ที่จริงแล้วเป็นธรรมแต่ละหนึ่ง

~ ถ้าไม่ฟังพระธรรม มีโอกาสที่กิเลสในชีวิตประจำวันจะน้อยลงไหม? เพราะฉะนั้น ชีวิตประจำวันควรมีกิเลสน้อยลงบ้าง ใช่ไหม? ถ้ากิเลสในชีวิตประจำวันไม่น้อยลงเลย สามารถที่จะดับกิเลสได้ไหม?

~ ทุกคนมีกิเลสมากๆ ใช่ไหม? ถ้าไม่เข้าใจธรรมเลย สามารถที่จะให้กิเลสน้อยลงได้ไหม? เพราะฉะนั้น ทุกคนมีกิเลสมาก สมควรที่จะเข้าใจธรรมทุกคนไหม?

~
ธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และทรงแสดงเพื่อใคร? เพราะฉะนั้น ทุกคนสมควรที่จะได้ฟังธรรมไหม?

~ ความเข้าใจนี้รู้ว่า ถ้าทั้งวันมีแต่อกุศลยิ่งเพิ่มความยาก จึงเห็นประโยชน์ของการที่จะทำสิ่งที่ดีในชีวิตที่สั้นมากที่สามารถจะทำได้ เพื่อเป็นบารมีที่จะค่อยๆ ลดอกุศลและสามารถที่จะมีเวลาสำหรับการเข้าใจธรรมเพิ่มขึ้น

~ พอพูดถึงอวิชชา (ความไม่รู้) ขณะใดที่ไม่เข้าใจธรรม ขณะนั้นก็เป็นอวิชชา ขณะใดที่ติดข้อง จะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว ขณะนั้นก็มีอวิชชา ขณะใดที่ขุ่นเคืองไม่พอใจแม้เพียงเล็กน้อย นิดเดียวเอง ขณะนั้นก็ต้องมีอวิชชา ขณะใดที่สำคัญตน วันหนึ่งๆ ก็อาจจะไม่น้อยเลยสำหรับบางคน ขณะนั้นก็มีอวิชชา

~ เคยโกรธใคร จะไม่ให้อภัยคนนี้แล้ว แต่ธรรมเตือนใจ มาแล้ว "ความโกรธเป็นธรรม ไม่ใช่เรา เป็นอกุศลธรรม เกิดแล้วจะสะสมสืบต่อไปทุกชาติ" เพราะฉะนั้น ขณะนั้น อภัยเลยทันทีหรือยัง? คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ล้ำค่า เพราะสามารถที่จะทำให้สภาพธรรมที่เป็นอกุศล ค่อยๆ เบาบางลงจนกระทั่งสามารถเป็นผู้ที่ไวในกุศล

~ ฟังธรรมไม่ใช่ฟังเผิน แต่ฟังเพื่อรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่เพียงกราบไหว้แต่ไม่รู้คุณอะไรเลยทั้งสิ้น แต่ว่าฟัง เพราะว่าถ้าไม่มีการตรัสรู้ ใครจะรู้ แล้วเราก็จะไม่รู้ ใครก็ไม่รู้ไปอีกนานเท่าไหร่ เพราะฉะนั้น คนที่มีโอกาสได้ยินได้ฟังแต่ไม่สนใจ เพราะเขาไม่ได้สะสมมา เขาจะต้องอยู่ไปอีกนานเท่าไหร่ เพราะคนที่ฟังแล้วเข้าใจแล้วยังต้องอยู่ไปอีกนานเท่าไหร่ แล้วคนที่ไม่เคยฟังเลยออกจากสังสารวัฏฏ์ไม่ได้ จมดิ่งลงไปในความมืดสนิทหนาแน่นขึ้นเหนียวแน่นขึ้นเพิ่มพูนขึ้น

~ ฟังธรรมขณะนี้เป็นลาภอันประเสริฐถ้าเห็นคุณ ถ้าไม่ฟังจะไม่มีการเข้าใจอะไรเลยทั้งสิ้น เพราะเกิดแล้วก็ตายไม่รู้อะไรเลย

~ คนดี เมื่อมีโอกาสที่จะช่วยเหลือผู้อื่นได้ ท่านจะไม่ปล่อยโอกาสนั้นให้ผ่านเลยไป อย่างเช่นพระโพธิสัตว์ในกาลก่อน พอเห็นความทุกข์ของคนอื่นแล้วท่านไม่ห่วงใยชีวิตของตนเลย เพราะเห็นประโยชน์ของผู้อื่นเป็นสิ่งสำคัญ

~ ตราบใดที่ปัญญายังไม่ได้อบรมเจริญขึ้นจนถึงขั้นที่จะดับกิเลสได้โดยเด็ดขาด อกุศลประการต่างๆ ก็ย่อมสามารถที่จะเกิดขึ้นได้ จึงไม่ควรที่จะประมาทอกุศลเลย ควรอดทนที่จะศึกษาพระธรรมเพื่อเข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง

~ ความเข้าใจธรรม เป็นปัญญา เมื่อมีความเข้าใจธรรม กุศลธรรมทั้งหลายก็จะค่อยๆ เจริญขึ้น และทำให้เป็นผู้ที่มีความมั่นคงในการที่จะเจริญกุศลให้ยิ่งๆ ขึ้นไปด้วย ผู้ที่มีความเข้าใจธรรมจะเป็นผู้ที่ไม่หวั่นไหวต่อเหตุการณ์ทั้งปวง เป็นผู้เตรียมพร้อมทุกสถานการณ์ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม

~ เป็นคนนี้ได้ชาตินี้ชาติเดียว แล้วจะเป็นคนนี้แบบไหน แบบรู้ความจริง เป็นคนดี หรือว่า แบบไม่รู้ความจริง หลงยึดถือจนกระทั่งจิตใจเต็มไปด้วยความยินดียินร้ายเศร้าหมองสามารถที่จะกระทำทุจริตกรรมได้ทุกอย่าง ทำทุจริตกรรม ดีหรืออย่างนั้น ในเมื่อเป็นบุคคลนี้ได้ชาตินี้ชาติเดียว

~ กิเลสทั้งหมดมาจากความไม่รู้ จะค่อยๆ ละคลายกิเลสทั้งหลายได้ก็ด้วยความรู้ ถ้ามีความเข้าใจอย่างนี้ จะรู้เลยว่าพระพุทธศาสนาเป็นคำสอนเพื่อละกิเลส สิ่งหนึ่งสิ่งใดก็ตามที่เป็นไปเพื่อพอกพูนกิเลส นั่นไม่ใช่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

~ เพราะสะสมมาไม่ดี จึงริษยาเมื่อผู้อื่นได้ดีมีความสุข ขณะนั้นตนเองเท่านั้นที่เดือดร้อน ไม่สบายใจ คนที่ถูกริษยา มีความสุขดี ได้รับผลของกุศลกรรมที่ตนเองได้กระทำไว้แล้ว

~ เพราะเหตุใด พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงแสดงเรื่องของอกุศลธรรม? เพราะเป็นสภาพธรรมที่มีจริง และถ้าไม่ทรงแสดง จะรู้ได้อย่างไรว่าแต่ละคนสะสมสิ่งที่ไม่ดีมามากมายแค่ไหน

~ ใครๆ ก็บังคับสภาพธรรมไม่ได้ ตั้งแต่เกิดจนตาย มีสิ่งที่มีจริงซึ่งใครๆ ก็ไม่สามารถสร้างหรือดลบันดาลให้ธรรมเกิดขึ้นได้เลย ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตของแต่ละคน ต้องมาจากเหตุปัจจัยทั้งสิ้น

~ สิ่งที่มีจริง ไม่ใช่ใคร ไม่ใช่ของใคร แล้วก็ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น ไม่มีใครสามารถที่จะไปทำให้สิ่งหนึ่งสิ่งใดเกิดขึ้นได้เลย แต่ละหนึ่ง ซึ่งเกิดแล้วเดี๋ยวนี้ปรากฏเดี๋ยวนี้ เกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัยที่จะทำให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นเป็นอย่างนั้น ไม่เป็นอย่างอื่น

~ ประมาทไม่ได้เลย ถ้าอกุศลมีมาก เราก็เห็นความประพฤติเป็นไปของจิตในทางอกุศล แต่ละวัน ทำร้ายกันประทุษร้ายกัน หลงไป เบียดเบียน ทำทุจริตต่างๆ แต่เมื่อเป็นปัญญาแล้ว นำไปในกิจของกุศลทั้งปวง

~ การที่จะไปละความไม่รู้ซึ่งหนาเหนียวแน่นมากในสังสารวัฏฏ์ อาศัยอะไร? ถ้าไม่ใช่อาศัยความเข้าใจที่เกิดจากการไตร่ตรองพิจารณา ว่า อะไรถูก อะไรผิด นั่น เป็นจุดเริ่มของปัญญาที่จะไม่หลงทาง



ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๓๕



... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
swanjariya
วันที่ 29 ต.ค. 2566

กราบเท้าท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ปาริชาตะ
วันที่ 29 ต.ค. 2566

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
panasda
วันที่ 29 ต.ค. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
shsso2551
วันที่ 29 ต.ค. 2566

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
j.jim
วันที่ 29 ต.ค. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
jaturong
วันที่ 29 ต.ค. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
chatchai.k
วันที่ 29 ต.ค. 2566

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Jans
วันที่ 29 ต.ค. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
tim7755tim
วันที่ 30 ต.ค. 2566

กราบอนุโมทนากุศลค่ะท่านอาจารย์

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
Wisaka
วันที่ 31 ต.ค. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
เมตตา
วันที่ 1 พ.ย. 2566

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง และยินดีในกุศลของ อ.คำปั่น และทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
เมตตา
วันที่ 1 พ.ย. 2566

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง และยินดีในกุศลของ อ.คำปั่น และทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
เมตตา
วันที่ 1 พ.ย. 2566

ขอบพระคุณ และยินดีในกุศลของ อ.คำปั่น และทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
เมตตา
วันที่ 1 พ.ย. 2566

ขอบพระคุณ และยินดีในกุศลของ อ.คำปั่น และทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
เมตตา
วันที่ 1 พ.ย. 2566

ขอบพระคุณ และยินดีในกุศลของ อ.คำปั่น และทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
เมตตา
วันที่ 1 พ.ย. 2566

ขอบพระคุณ และยินดีในกุศลของ อ.คำปั่น และทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
chatchai.k
วันที่ 1 พ.ย. 2566

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ