ฤกษ์ดี มงคลดี
ไม่ต้องไปคิดถึงฤกษ์งามยามดีอะไรทั้งหมด แต่ขึ้นอยู่กับกุศลจิตเกิดขณะใด ในตอนเช้าก็เป็นเช้าดี ในตอนกลางวันก็เป็นกลางวันดี ในตอนเย็นก็เป็นเย็นดี แต่ต้องเป็นผู้ละเอียด อย่าคิดเพียงเรื่องทานกุศลอย่างเดียวว่า ได้กระทำแล้วตอนเช้า ได้กระทำแล้วตอนกลางวัน หรือได้กระทำแล้วตอนเย็น แต่กาย วาจาและใจด้วย ที่จะต้องพิจารณาว่า เช้านี้เป็นเช้าดีหรือเปล่า ทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งใจ
เพราะฉะนั้นผู้ที่เข้าใจในเรื่องเหตุและผล ก็จะได้ทราบว่า ฤกษ์ดี เวลาดี มงคลดีทั้งหมด ก็คือขณะจิตที่เป็นกุศล ไม่ว่าจะเป็นขณะใดทั้งตอนเช้า ตอนกลางวัน ตอนเย็น จริงไหมคะ แต่ว่าพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง ๔๕ พรรษา มีประโยชน์สำหรับผู้น้อมรับฟังพระธรรมด้วยความเคารพ คือเป็นผู้ที่น้อมประพฤติปฏิบัติตาม เป็นการบูชาพระคุณของพระผู้มีพระภาคอย่างสูงสุด ตามข้อความที่ตรัสว่า
สัตว์ทั้งหลายประพฤติชอบในเวลาใด เวลานั้นชื่อว่าเป็นฤกษ์ดี มงคลดี สว่างดี รุ่งดี ขณะดี ยามดี และเป็นการบูชาดีในพรหมจารีบุคคลทั้งหลาย
ไม่ใช่ให้ทำอย่างอื่นเลย แต่ตรัสว่า ให้ประพฤติธรรม คือ การเจริญกุศล แต่ว่าตามความเป็นจริงทุกคนก็ยังมีกิเลสอยู่ เพราะฉะนั้น กุศลแต่ละประการที่ได้ฟัง เป็นการเห็นประโยชน์ของกุศลในขั้นของการฟัง และในขั้นของการพิจารณา แต่ว่ายากที่จะเกิดได้บ่อยๆ แต่ก็ยังดี คือเมื่อฟังแล้ว พิจารณาในเหตุในผลให้เข้าใจ เพื่อจะเป็นการเกื้อกูลปรุงแต่งให้เกิดกุศลในแต่ละประการเพิ่มยิ่งขึ้น แต่ถ้ามีการฟังน้อย การพิจารณาน้อย ก็ไม่มีกำลังพอที่จะเป็นสังขารขันธ์ปรุงแต่งให้กุศลเจริญขึ้นได้ กุศลของแต่ละคนจะเจริญขึ้นได้ก็ต่อเมื่อสติเกิด ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ เป็นการศึกษารู้ชัดในลักษณะของสภาพธรรมนั้นๆ ไม่ใช่เพียงในขั้นของการฟัง หรือในขั้นของการพิจารณาเท่านั้น
ที่มา อ่าน และฟังเพิ่มเติม ...
ข้อความใน อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต มังคลวรรคที่ ๕ สุปุพพัณหสูตร ข้อ ๕๙๕ พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัตว์เหล่าใดประพฤติสุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ในเวลาเช้า เวลาเช้านั้นก็เป็นเวลาดีของสัตว์เหล่านั้น สัตว์เหล่าใดประพฤติสุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจในเวลากลางวัน เวลากลางวันนั้นก็เป็นเวลาดีของสัตว์เหล่านั้น สัตว์เหล่าใดประพฤติสุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ในเวลาเย็น เวลาเย็นนั้นก็เป็นเวลาดีของสัตว์เหล่านั้น
สัตว์ทั้งหลายประพฤติชอบในเวลาใด เวลานั้นชื่อว่าเป็นฤกษ์ดี มงคลดี สว่างดี รุ่งดี ขณะดี ยามดี และเป็นการบูชาดีในพรหมจารีบุคคลทั้งหลาย
บุคคลทั้งหลายทำกรรมประกอบด้วยความเจริญแล้ว ท่านเหล่านั้นได้ประโยชน์อันประกอบด้วยความเจริญ ถึงซึ่งความสุข งอกงามในพระพุทธศาสนา เป็นผู้หาโรคมิได้ สำราญกายใจพร้อมด้วยญาติทั้งมวล ฯ
จบ มังคลวรรคที่ ๕
ที่มา ...
ข้อความใน ปรมัตถทีปนี อรรถกถา ขุททกนิกาย เรวตีวิมาน มีข้อความว่า
ขึ้นชื่อว่า สมบัติในเทวโลก ย่อมเป็นที่พอใจยิ่ง เหมือนทุบภาชนะดินแล้วรับเอาภาชนะทองฉะนั้น
ขณะนี้ทุกคนกำลังอยู่ในโลกมนุษย์ ก็รู้สึกพอใจมากที่มีความสุขสบายในโลกมนุษย์ แต่ถ้าจุติจิตเกิดแล้วก็ดับไป แล้วปฏิสนธิเกิดต่อในสวรรค์ จะรู้ได้ทีเดียวว่า
ขึ้นชื่อว่า สมบัติในเทวโลก ย่อมเป็นที่พอใจยิ่ง เหมือนทุบภาชนะดินแล้วรับเอาภาชนะทอง ฉะนั้น
สำหรับบุญกุศลทั้งหลายก็จะติดตามให้ผลได้หลังจากที่ปฏิสนธิแล้ว อาจจะมีกำเนิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นผลของอกุศลกรรมก็จริง กรรมหนึ่งเท่านั้นที่ทำให้ปฏิสนธิจิตเกิด แต่ว่ากรรมอื่นๆ ที่จะตามมาอุปถัมภ์หรือเบียดเบียนก็ยังมีโอกาสหลังจากปฏิสนธิจิตแล้ว
จะเห็นได้ว่า สัตว์บางชนิด เช่น สัตว์เลี้ยง บางตัวนอนบนเตียงทองคำ เพราะฉะนั้น ผลของบุญ ไม่ว่าจะอยู่ในกำเนิดใดทั้งสิ้น ก็เหมือนกับมิตรและพวกพ้องทั้งหลายย่อมยินดีต้อนรับคนที่จากไปนานแล้วกลับมาฉันใด บุญทั้งหลายของตนๆ ย่อมต้อนรับประคับประคองบุคคลที่ทำบุญไว้ ผู้จากโลกนี้ไปปรโลก ฉะนั้น
ที่มา ...