กว่าจะพ้นจากความไม่รู้_สนทนาธรรม ณ แดนพุทธภูมิ ลัคเนา เช้าวันอาทิตย์ที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๖
ถ้าไม่มีความอดทนที่จะรู้ความลึกซึ้งของพระธรรม ไม่มีการที่สามารถจะเข้าใจสิ่งที่มีเดี๋ยวนี้ เพราะฉะนั้น ต้องเป็นคนที่ละเอียดมากต้องพิจารณาไตร่ตรองทุกคำด้วยความมั่นคงเป็นอธิษฐานะ เป็นขันติ เป็นวิริยะ เป็นทุกอย่างเพื่อออกจากความไม่รู้ เพราะฉะนั้น ไม่รู้ตลอดแม้เดี๋ยวนี้ และกว่าจะพ้นจากความไม่รู้ น่าอัศจรรย์เหนือปฏิหาริย์ใดๆ ทั้งสิ้น จากการที่ไม่รู้เลยตั้งแต่เกิดจนตาย ยังต่อไปอีกไม่สิ้นสุด จนกว่าจะมีคำที่ทำให้เริ่มเห็นแสงสว่างนิดเดียวลางๆ ที่จะรู้ว่า นี่เป็นแสงสว่างที่นำทางไปสู่การรู้ความจริงทุกขณะในชีวิต.
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้าที่ 360
ข้อความบางตอนจาก
มหาสติปัฏฐานสูตร
ในสัจจะเหล่านั้น สัจจะ ๒ เบื้องต้น ชื่อว่า ลึกซึ้ง เพราะเห็นได้ยาก สัจจะ ๒ เบื้องหลัง ชื่อว่าเห็นได้ยาก เพราะลึกซึ้ง. ความจริง ทุกขสัจปรากฏตั้งแต่เกิดมา ถึงกับกล่าวกันว่า ทุกข์หนอ ในเวลาที่ถูกตอและหนามตำเป็นต้น. แม้สมุทัยสัจก็ปรากฏตั้งแต่เกิดมา ด้วยอำนาจอยากเคี้ยว อยากกินเป็นต้น. แต่แม้ทั้งสองสัจจะนั้นก็ชื่อว่าลึกซึ้ง โดยลักษณะ และการแทงตลอด. สัจจะ ๒ นั้นชื่อว่าลึกซึ้ง เพราะเห็นได้ยากด้วยประการฉะนี้. ส่วนความพยายามเพื่อเห็นสัจจะ ๒ นอกนี้ ก็เป็นเหมือนเหยียดมือจับภวัคคพรหม เหยียดเท้าไปต้องอเวจีนรก และเป็นเหมือนเอาปลายขนทราย กับปลายขนทรายที่แยกออก ๗ ส่วนให้จดติดกัน. สัจจะ ๒ เบื้องปลายเหล่านั้น ชื่อว่าเห็นได้ยาก เพราะลึกซึ้ง ด้วยประการฉะนี้
ขอเชิญคลิกอ่านเพิ่มได้ที่ ...
ไม่ว่าอะไรที่ลึก ไม่เท่ากับความลึกซึ้งของธรรม
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ด้วยความเคารพยิ่ง