สิ่งที่มีค่าที่สุดนับวันจะเลือนหาย
สนทนาปัญหาธรรม วันอังคารที่ ๒ มกราคม ๒๕๖๗
[เล่มที่ 38] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เล่ม ๕ - หน้าที่ 553
บทว่า อสมฺมูฬฺโห กาลํ กโรติ ความว่า ชื่อว่า ความหลงตายของผู้อยู่ด้วยเมตตาไม่มี ย่อมไม่หลงทำกาละ เหมือนกับก้าวลงสู่ความหลับ
จบอรรถกถาเมตตาสูตร
[เล่มที่ 44] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 770
บทว่า สมฺมุฬฺโห กาลํ กโรติ ความว่า จริงอยู่ เมื่อบุคคลผู้ทุศีลนอนอยู่บนเตียงเป็นที่ตาย ฐานะที่ตนสมาทานกรรม คือ ความเป็นผู้ทุศีลย่อมมาปรากฏ เขาลืมตาเห็นโลกนี้ หลับตาเห็นโลกหน้า อบาย ๔ ย่อมปรากฏแก่เขาตามสมควรแก่กรรม ย่อมเป็นเหมือนถูกทิ่มแทงด้วยหอก ๑๐๐ เล่ม และเหมือนถูกลวกด้วยเปลวไฟ เขาพลางร้องครวญครางว่า ขอเถอะ ขอทีเถอะ ดังนี้ จนตาย ด้วยเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวว่า หลงทำกาละดังนี้ เป็นต้น
อ.อรรณพ: เป็นประโยชน์มากๆ เลย ไม่ว่าจะสนทนาอะไรที่เป็นในพระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เกื้อกูลอุปการะ ก็เป็นไปตามคลองของพระธรรม ธรรมก็ธรรมตา ความเป็นไปของธรรม
กราบท่านอาจารย์ครับ ความเป็นไปของธรรม หรือธรรมตานี่ นั่นก็คือเป็นคลองของธรรมใช่ไหมครับท่านอาจารย์
ท่านอาจารย์: ไปไหนล่ะ คลอง ออกไปนอกคลองได้ไหม?
อ.อรรณพ: ไปตามแนวทาง ไปตามทาง
ท่านอาจารย์: ไปตามความเป็นจริงของธรรมแต่ละหนึ่ง
อ.อรรณพ: เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นธรรมที่ดี ก็เป็นคลองของพระธรรม ก็คือเป็นคลองของธรรมที่ดีที่จะนำไป เช่น เป็นคลองของคุณความดี ความตั้งใจมั่นของท่านอาจารย์ที่จะสละทุกอย่างที่จะเป็นประโยชน์ให้พระพุทธศาสนา ความเพียร ความอดทนอย่างยิ่งที่ก็เห็นกันอยู่นะครับ พวกเราก็นิดๆ หน่อยๆ ตามส่วนครับ
เพราะฉะนั้น ก็บารมี ก็คือตรงนี้เลยครับ ท่านอาจารย์ครับอันนี้จะถามซ้ำซากหรือเปล่าก็ไม่ทราบ ท่านอาจารย์มีความตั้งใจมั่นในการเผยแพร่พระธรรม ดำรงคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างที่สุด แม้ท่านก็อยู่ในวัยที่สูงมากแล้ว ท่านอาจารย์ก็กล่าวเสมอว่า ไม่สนใจอย่างอื่น แต่ว่าทุกอย่างก็ต้องมีปัญหามีอุปสรรค แต่ท่านอาจารย์ก็สามารถที่จะฝ่าฟันปัญหา นำพวกเราฝ่าฟันปัญหาไปได้ตลอด ไม่มีอะไรจะหยุดยั้งท่านอาจารย์ในการเผยแพร่พระธรรมของท่านอาจารย์ได้เลย ไม่ว่าอุปสรรคปัญหามากมาย ก็ผ่านไปได้นะครับท่านอาจารย์ นั่นก็จะเกินฐานะผมว่า ท่านอาจารย์มีความตั้งใจมั่นคงอย่างนั้นนะครับ ด้วยเหตุอะไรบ้างครับ เผื่อจะเป็นประโยชน์แก่พวกเราได้ปรุงแต่งตามไปบ้างครับ กราบเท้าท่านอาจารย์ครับ
ท่านอาจารย์: ประโยชน์อยู่ที่ ทุกคำ ที่คุณอรรณพ และทุกคนได้ฟัง ถ้าคุณอรรณพมีความเข้าใจเดี๋ยวนี้ เพราะดิฉันทำอะไร อยู่เฉยๆ หรือ ทำโน่นทำนี่สนุกสนานไปวันๆ หรือ?
อ.อรรณพ: นี่ครับ กราบเท้าท่านอาจารย์ พูดตรงๆ ที่พวกเราทุกคน ผมเองที่ได้มีชีวิตดีเพราะว่า มีความเข้าใจพระธรรมตามฐานะ ก็เพราะท่านอาจารย์อนุเคราะห์ กล่าวแสดง แล้วเราก็ยังไม่สมกับที่ท่านอาจารย์เมตตากรุณาเพียรกล่าวแสดงเกื้อกูลแล้วๆ เล่าๆ เตือนอีกแล้วว่า ลืมอะไรไหม? ลืมในความเป็นธรรม ก็ฟังอีก อะไรอีก ท่านอาจารย์ไม่เบื่อไม่เหนื่อยไม่อะไรทั้งสิ้นที่จะเกื้อกูลครับ จึงทำให้พวกเราก็ค่อยๆ รับประโยชน์ในชีวิตนี้ที่จะรู้ว่า ธรรมคืออะไร แล้วก็มั่นคงในการที่จะฟังเพื่อเข้าใจธรรม คือสิ่งที่มีเดี๋ยวนี้ครับ อันนี้ก็เป็นคำตอบในใจครับที่พวกเรารู้อยู่แก่ใจ ท่านอาจารย์ก็ตอบว่า พวกเราก็ควรรู้อยู่แก่ใจว่า ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ก็คือความมั่นคงของท่านอาจารย์ที่กล่าวแสดงธรรม แล้วเราก็เป็นคนไทยเราได้ประโยชน์ แล้วท่านอาจารย์ก็ยังคิดถึง คือไม่จำกัดเฉพาะกับคนชนชาติหนึ่งชนชาติใด แต่ท่านอาจารย์ตอบสั้นๆ นี่ก็ซาบซึ้งครับ
ท่านอาจารย์: ถ้าคุณอรรณพมีความเข้าใจพระธรรม คุณอรรณพคิดว่า คนอื่นควรจะได้เข้าใจด้วย หรือว่าไม่ต้องคิดถึงใครหรอก คุณอรรณพเข้าใจแล้วก็พอแล้ว
อ.อรรณพ: ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เข้าใจ ถ้าคิดอย่างนั้น ก็คือไม่เข้าใจ แต่เมื่อเข้าใจแล้วประโยชน์สูงสุด ผมซาบซึ้งกับคำว่า ประโยชน์ตน และประโยชน์ผู้อื่น การที่ได้เข้าใจพระธรรมแล้วก็ให้ผู้อื่นได้เข้าใจด้วย เป็นการที่มีกุศลเจตนาอย่างแรงกล้าเพิ่มขึ้นๆ ๆ แต่กล้าอย่างไรก็ไม่เท่าท่านอาจารย์ เทียบกันไม่ได้ แต่คล้อยไปในคลองของพระธรรม แต่พวกเราก็คลองเล็กๆ ค่อยๆ ไป
ท่านอาจารย์: ลองคิดดูๆ ๆ คุณอรรณพเข้าใจธรรมแล้ว คนอื่นจะเข้าใจ หรือไม่เข้าใจก็ไม่เห็นเป็นไร ช่างเขา อย่างนั้นหรือ?
อ.อรรณพ: ไม่ใช่อย่างนั้น เราก็คิดว่าเกิดมา ผมก็ต้องกราบเท้าท่านอาจารย์ ตอนนั้นก็กราบส่วนตัว ตอนนี้ก็พยายามไปเดินออกกำลังกายบ้าง ก็เห็นทั้งคนไทยบ้าง ชาวต่างประเทศ ฝรั่งบ้าง อิสลามเขาก็เดินกันขวักไขว่ ก็เกิดความคิดที่จะเป็นมิตรกับเขา แล้วก็คิดว่า น่าเสียดายชีวิตของเขานะ ถ้าเขาได้เข้าใจพระธรรมก็จะดี แต่ในเมื่อเขายังไม่มีโอกาส แต่ถ้ามีใครที่มีวี่แววว่าจะสนใจธรรม อย่างขณะนี้ก็ขอกล่าวถึงหลานๆ เนปาลนะครับ อย่างน้อยคุณโซฮานซึ่งก็ติดต่อกับคุณวรศักคิ์ติดต่อกับคุณแขก คุณเล็ก คุณแป๋วนะครับ สามคนนี้ก็ชื่นชมในนิสัยของคุณโซฮานซึ่งอายุก็ไม่มาก ๒๒ - ๒๓ ปี แล้วเขาก็สนใจพระธรรม นี่ครับ พอเห็นวี่แววคนเหล่านี้ก็มีความยินดีมากเลย หรือว่าคนไทยเรานี่ก็มีหลายคนแต่อายุยังไม่มาก แต่เห็นในความสนใจธรรม ผมเอ่ยชื่อก็คงไม่เสียหายอะไร ก็ผมยินดียิ่งด้วยครับที่ว่าคุณพฤฒจะเดินทางไปเนปาลด้วย ยินดีมากเลยครับ เพราะว่าเป็นคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจพระธรรม
เพราะฉะนั้น เห็นคนรุ่นใหม่ที่ใฝ่ใจพระธรรมทั้งคนไทยก็หลายคน คุณพฤฒนี่ก็เด็ก หรือเนปาลก็เริ่มมีขั้นหลานๆ เนปาลอีก ๕ คนเขาสนใจแน่ ถ้าไม่สนใจก็คงไม่มา
ขอกราบเท้าท่านอาจารย์ว่า เป็นเช่นนั้นเลยว่า แม้คนที่ไม่มีโอกาสเราก็มองปรารภเขาว่าเดินไปมาทั้งฝรั่ง ทั้งอิสลาม ทำอะไรในหมู่บ้าน ถ้าไม่ได้เข้าใจพระธรรม นี่เสียโอกาสในชีวิตนี้ที่ได้เกิดในสุคติภูมิ
เพราะฉะนั้น ถ้ามีผู้ใดที่มีวี่แววจะสนใจ ยินดีอย่างยิ่งครับท่านอาจารย์ กราบเท้าท่านอาจารย์เป็นเช่นนั้นครับ แต่ถ้าคิดเฉพาะตัวเอง ก็คือไม่ได้เข้าใจธรรม ถ้าคิดว่าจะเอาแต่ตัวเองเข้าใจธรรม คนอื่นปล่อยไปเถิดนะครับ กราบเท้าท่านอาจารย์ครับ
ท่านอาจารย์: ลองคิดถึงตัวเองซิ คุณอรรณพไม่ได้เข้าใจธรรมแล้วเข้าใจธรรม เพราะอะไร?
อ.อรรณพ: เพราะการแสดงของท่านอาจารย์ครับ
ท่านอาจารย์: เพราะมีโอกาสได้ฟังใช่ไหม?
อ.อรรณพ: ใช่ครับ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ลองคิดถึงตัวเองว่า ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม จะเข้าใจอย่างนี้ไหม? แค่นี้ก็รู้แล้วใช่ไหมว่า สมควรไหมที่คนอื่นเขาจะได้เข้าใจด้วยเหมือนเรา ถ้าไม่มีโอกาสได้ฟังเลย เราจะเข้าใจไหม? แล้วทำไมไม่คิดถึงคนอื่นที่เขายังมีโอกาส และคนที่ไม่มีโอกาสต่างกันใช่ไหม? และถ้าโอกาสมีที่จะให้เขาเข้าใจคุณอรรณพจะปล่อยเขาไปไหม เหมือนคุณอรรณพไม่เข้าใจ เขาก็ไม่มีโอกาสที่จะเข้าใจ แต่ว่าเมื่อไหร่ที่มีโอกาสได้เข้าใจ คุณอรรณพก็เข้าใจได้
อ.อรรณพ: แม้ผมยังไม่มีความตั้งใจมั่นอะไรเศษเสี้ยวของท่านอาจารย์ แต่ว่าถ้าคนไหนเขาสนใจเราก็ยินดีเลยครับ แม้ว่าเราจะไม่สะดวก แม้ว่าเราจะอะไร แต่พอเขาสนใจธรรม ก็เป็นไปโดยอัตโนมัติเป็นไปอย่างนั้น ถ้าเขามาคุยธรรม ยินดีที่จะกล่าว ยินดีที่จะเกื้ลกูล ยินดีที่จะสนับสนุนทุกอย่างที่จะให้เขาได้เข้าใจครับ เพราะว่าเขาปรารภตนครับท่านอาจารย์
ปรารภตนว่า ถ้าเราไม่ได้มีโอกาสฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์ ชีวิตคงพังพินาศ ผมก็คงไปมีแนวทางอะไรผิดๆ หรือว่า ไปทำอะไรๆ ตามความถนัดตามสะสมอะไรมา แต่ว่าพอเห็นอย่างนี้ ผมเลยนึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงพระดำริว่า ถ้าพระองค์ไม่ไปทรงแสดงธรรมโปรดบุคคลนี้ บุคคลนี้ก็จะทำกาละไร้ที่พึ่ง ตัวอย่างท่านปุกกุสาติซึ่งท่านสะสมมาที่จะบรรลุคุณธรรมเป็นถึงพระอนาคามี แต่ถ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่เสด็จไปโปรดที่เรือนช่างหม้อที่แคว้นมคธ ก็ไม่สามารถบรรลุได้ กระทำกาละไร้ที่พึ่ง
เพราะฉะนั้น ก็ปรุงแต่งไปที่จะกระทำประโยชน์ผู้อื่นซึ่งที่เป็นประโยชน์ตนเพราะขณะนั้นก็เป็นกุศลที่จะกระทำประโยชน์ผู้อื่นซึ่งที่เป็นประโยชน์ตน เพราะขณะนั้นก็เป็นกุศลที่ได้ขัดเกลาความเห็นแก่ตัว เป็นกุศลที่ได้แบ่งปันได้ให้ผู้อื่นได้เข้าใจพระธรรม กราบท่านอาจารย์ครับ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ แล้วก็เที่ยวไปเดินแล้วก็พูดธรรมใช่ไหม แต่เมื่อมีคนสนใจถึงกับเชิญเพื่อที่จะได้ฟังธรรม แสดงว่า ถ้าเขาไม่มีโอกาสได้ฟังจะเข้าใจอย่างคุณอรรณพไหม อย่างที่ทุกคนที่เขาเข้าใจเหมือนคุณอรรณพไหม เพราะฉะนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะคิดถึงแต่เฉพาะคนโน้น หรือคนนี้ หรือคนนั้นใช่ไหม แต่เห็นประโยชน์อย่างยิ่ง สิ่งที่มีค่าที่สุดนับวันจะเลือนหาย ถ้าไม่มีคนที่มีความเข้าใจในความลึกซึ้งที่ถูกต้อง
อ.อรรณพ: ถ้าคนทั่วไปที่เขาสร้าง มศพ.ขึ้นมา เพราะเราก็อยู่ที่เจริญนคร แล้วเราก็มีบ้านธัมมะภาคเหนือ บ้านธัมมะภาคใต้ เพราะฉะนั้น มูลนิธิไม่ได้ร่ำรวยไม่ได้มีเงินมาก ไม่ได้มีเป็นหลายๆ ร้อยล้าน พันล้าน ไม่มีเลย เพราะฉะนั้น ทำไมเราถึงไม่เอาเงินอย่างที่เรามีอย่างจำกัดแล้วก็เอามาดูแลรักษาเฉพาะ มศพ.เมืองไทยเรานี่เท่านั้น
ท่านอาจารย์: คุณอรรณพคิดดู 100 ล้าน 1,000 ล้าน แล้วได้สาระอะไรหรือเปล่า ในเมื่อไม่ได้เข้าใจในความลึกซึ้งซึ่งจะดำรงรักษาธรรมที่ลึกซึ้งไว้ไม่ให้สูญหายไป
เพราะฉะนั้น ไม่ใช่ว่าเราจะทำอะไรโดยที่ไม่มีเหตุผลไร้สาระ เสียเงินเสียทองเปล่าๆ นะ แต่จากการที่ได้เริ่มจนถึง ณ บัดนี้ แสดงว่ามีผู้ที่ได้เริ่มเข้าใจถูกในพระศาสนาเหมือนที่เราได้ทำอยู่ทุกวัน ไม่ใช่แต่เฉพาะตรงนี้ ที่ไหนก็ตามที่คนมีโอกาสได้เข้าใจธรรม แล้วเราจะทอดทิ้งไม่มีการที่จะให้เขาได้เข้าใจหรือ?
เพราะฉะนั้น ก็คงจะเป็นที่ไม่ยากที่จะคิดให้ถูกต้องว่า อะไรเป็นสิ่งที่สมควรที่สามารถทำได้ แล้วก็ปรากฏว่ามีผู้ที่เห็นประโยชน์อย่างนี้ร่วมกันมากพอที่งานนี้จะดำเนินต่อไปได้ เราไม่ไปคำนึงถึงเงินมากมายใช้ไปโดยไร้ประโยชน์เหมือนกับทุกบาททุกสตางค์ที่ได้มาสามารถเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการที่จะให้คนได้เข้าใจถูกต้อง.
ขอเชิญอ่านได้ที่ ...
ขอเชิญฟังได้ที่ ...
พระเจ้าปุกกุสาติ (ธาตุวิภังคสูตร) ๒
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ