ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๕๕

 
khampan.a
วันที่  10 มี.ค. 2567
หมายเลข  47601
อ่าน  1,687

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น



ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจาก
ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษา และพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้


ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๕๕





~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงให้เห็นความจริงว่า ธรรมที่เป็นฝ่ายอกุศล มี และ ธรรมที่เป็นกุศล ก็มี แต่ว่าตราบใดที่ศรัทธายังไม่มั่นคง อกุศลก็ต้องเกิดมาก เช่นทุกวัน ใช่ไหม? เพราะฉะนั้น การได้ฟังอย่างนี้ ก็เป็นการเตือนให้แต่ละคนไม่ประมาทที่จะเห็นโทษของอกุศลและเห็นประโยชน์ของกุศลแม้เพียงเล็กน้อย

~ ทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประโยชน์อย่างยิ่งที่จะให้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง เพราะเหตุว่า ถ้าไม่มีความเข้าใจที่ถูกต้อง มีหรือที่กุศลทั้งหลายจะเจริญขึ้น

~ พระธรรม น่าฟัง น่าศึกษา น่าเข้าใจมาก ถึงแม้จะเป็นเรื่องยาก แต่ก็สามารถที่จะเข้าใจได้ จึงต้องเป็นผู้กล้าที่จะเข้าใจความจริง

~ เราเกิดมาแล้ว จำไหวไหมแต่ละชาติว่าเราผ่านอะไรมาบ้าง ไม่หวาดไม่ไหวเลยในแสนโกฏิกัปป์ เคยเป็นอะไรมา เคยจากโลกนั้นไปในลักษณะใด มีพี่น้องกี่คน เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น แล้วก็จะต้องเป็นอย่างนี้ แต่ว่าจำได้เพียงชาตินี้ อีกไม่นานก็ลืม เพราะฉะนั้น ที่สำคัญที่สุด คือ ที่จำผิดไว้ว่าเป็นเรา ควรที่จะให้น้อยลงหรือว่าควรจะให้หมดไปไหม เพราะความจริง คือ ไม่มีเรา

~ สัจจธรรม เป็นสิ่งที่มีจริง แต่ว่ายากที่ใครจะรู้ได้ แต่ก็สามารถที่จะรู้ได้ เพราะฉะนั้น เมื่อมีความเข้าใจว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เรา อันนี้ก็จะเริ่มเห็นว่า แล้วจะเกิดมาทำไม ก็ไม่ใช่เราสักชาติ หมดไปทุกชาติ จะจำได้ก็เพียงแค่ชาตินี้ชาติเดียว ชาติก่อนก็จำไม่ได้ พอถึงชาติหน้าก็เริ่มจำอีกแล้วก็จากไปอีกหมดไปอีก แล้วจะมีอะไร ทุกชาติก็เป็นอย่างนี้

~ ถ้าได้เข้าใจความจริงว่าไม่มีเรา ซึ่งเป็นความจริง ก็จะทำให้ละความที่ยึดถือในความเป็นเราจนกระทั่งเป็นความเห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่สิ่งที่เป็นประโยชน์ไม่ว่าจะกับตัวเองหรือคนอื่น เพราะฉะนั้น พระธรรมเท่านั้นที่จะทำให้เริ่มรู้ความจริงว่า เกิดมาในโลกชั่วคราว แล้วเป็นคนนี้ได้ชาติเดียว จะเป็นคนนี้ที่ดี หรือว่า จะเป็นคนนี้ที่ไม่รู้เหมือนเดิมแล้วก็ยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเราไปอีกเพิ่มเติมอีก พอกพูนอีกจนยากที่จะละได้? เพราะฉะนั้น ก็เป็นเรื่องที่แต่ละคนที่ได้ฟังธรรม ก็จะรู้ประโยชน์อย่างยิ่ง ว่า ถ้าไม่รู้ตราบใด ก็ไม่สามารถที่จะละสุขทุกข์ในสังสารวัฏฏ์ได้

~ ทุกอย่างเกิดแล้วดับไป ไม่กลับมาอีก เพราะฉะนั้น จะเป็นเราหรือจะเป็นของใครไม่ได้ ข้อสำคัญ คือ ต้องเกิดอีก ต้องมีคนใหม่ที่มาจากคนนี้ ดีชั่ว อย่างไร ที่ได้สะสมไว้ในชาตินี้ และในชาติก่อนๆ ก็จะติดตามสืบต่อไป เป็นคนต่อไป เพราะฉะนั้น ถ้าเห็นโทษของความไม่ดี ชาตินี้ก็เป็นคนดีที่สุด เท่าที่จะดีได้ ด้วยการเข้าใจธรรมขึ้นทีละเล็กทีละน้อย

~ เมตตาเพิ่มขึ้นหรือเปล่า? อภัยได้ไหม? เรื่องที่ไม่น่าอภัยมีเยอะ แต่อภัยได้ไหม? แล้วจะอภัยหรือไม่อภัย? ยังดื้อไม่อภัย หรือ รู้ว่าดื้อไปทำไม โทษอยู่ที่ไหน ไม่ใช่อยู่ที่คนที่เราไม่อภัย แต่อยู่ที่ความไม่อภัยของตนเอง

~ ทั้งวันก่อนที่จะได้ฟังพระธรรมและเข้าใจ มีอกุศลตลอดมากมายไม่ใช่แต่เฉพาะชาตินี้ แต่ว่าชาติก่อนๆ ในอดีตมากมายด้วย เพราะฉะนั้น จึงรู้ว่าเราให้เวลากับอกุศลมามากแล้ว เพราะฉะนั้น ต่อไปนี้ให้เวลาที่เป็นกุศลเพิ่มขึ้นดีไหม เป็นประโยชน์ไหม สูงสุดในชีวิตไหม ให้เวลากับกุศลมากขึ้น

~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า ศรัทธาเป็นสภาพธรรมที่สะอาด ผ่องใส ไม่สกปรก เพราะฉะนั้น สภาพที่สะอาดอยู่ที่ไหน จะมีอะไรสกปรกอยู่ด้วยไม่ได้ เริ่มเข้าใจว่าที่ไหนมีศรัทธาต้องสะอาด

~ มีใครรู้ว่าใครจะตายเมื่อไหร่? ตายเดี๋ยวนี้ได้ไหม? เพราะฉะนั้น ก่อนตายที่ยังมีชีวิตอยู่ มีชีวิตเพื่ออะไร? มีชีวิตที่เป็นประโยชน์ เมื่อไหร่ที่จะสามารถเป็นประโยชน์ได้ ทำทันที รอไม่ได้เลย เพราะเหตุว่าใครจะรู้ว่าจะได้ทำหรือไม่ได้ทำ

~ ถ้าเป็นอกุศล ก็ไม่สามารถจะเข้าใจธรรมได้ เดี๋ยวนี้กำลังเป็นธรรม เพราะฉะนั้น อกุศลไม่สามารถที่จะรู้ความจริงของสิ่งที่มีเดี๋ยวนี้ กุศลเท่านั้นที่จะรู้ความจริงได้ เพราะฉะนั้น พอเห็นประโยชน์อย่างนี้ กุศลทุกประเภท ถ้าไม่เจริญ ไม่ทำ ไม่คิดถึง แล้วจะเอากุศลมาแต่ไหน

~ กำลังเป็นกุศล สนทนาธรรม ศึกษาธรรม คิดถึงธรรมแล้วมีคนบอกว่า “พักผ่อนบ้าง” หมายความว่า เขาพอใจที่จะให้อกุศลเกิดเยอะๆ เพราะฉะนั้น ใครก็ตามที่ชักชวนให้เราพักเวลาของกุศลและไปเพิ่มเวลาของอกุศล เขาเป็นคนที่เข้าใจธรรมหรือเปล่า?

~ ทุกคนมีอกุศลมาก ยืนอยู่ปากเหว จะตกลงไปหรือว่าจะถอยกลับที่จะไม่ตกลงไป? เพราะเหตุว่า ที่มีความเห็นผิดในชาติแล้ว มีหรือที่ชาติต่อไปจะไม่เห็นผิดต่อไปอีก เพราะฉะนั้น เป็นเรื่องที่อันตรายอย่างใหญ่หลวงมาก แล้วเราก็ไม่รู้ว่าใครจะมีชีวิตอยู่อีกนานเท่าไหร่ เพราะฉะนั้น ด้วยความเป็นมิตร ก็ให้เขาพ้นจากเหวของความไม่รู้และความเห็นผิด ที่ควรจะได้ศึกษาให้เข้าใจพระธรรม

~ เราจะเป็นคนเห็นแก่ตัวต่อไปทำไม่ดีต่อไป หรือว่า จะทำดีเป็นประโยชน์กับทุกคน? คนดีมีให้เห็นมากมาย ทำไมเราจะทำดีเหมือนเขาไม่ได้ แล้วคนดีจะมีมากขึ้น

~ ชีวิตประจำวันเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าความเข้าใจธรรมมีแค่ไหน เพราะเหตุว่า ถ้ายังร้ายเหมือนเดิม แล้วประโยชน์ที่ได้ฟังพระธรรมมีบ้างไหม แต่ว่าเคยร้าย แต่พอระลึกถึงพระธรรมเท่านั้น ขณะนั้น ละ แม้แต่คำร้ายๆ ที่จะพูด ก็สามารถที่จะรู้ได้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะมีหรือไม่ควรจะสะสมอีกต่อไป

~ เกิดมาคนเดียว เห็นคนเดียว ตายคนเดียว ถ้าเราเข้าใจความจริงมั่นคงขึ้น ไม่มีอะไรประเสริฐเท่ากับเข้าใจพระธรรมทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และประโยชน์สูงสุด คือ ช่วยให้คนอื่นได้เข้าใจถูกต้องด้วย

~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ได้นำสิ่งที่เป็นโทษมาให้ใครเลยแม้นิดเดียว เล็กน้อยสักเท่าไหร่ ก็ไม่มี ทรงชี้ให้เห็นความเป็นจริง อะไรเป็นโทษ อะไรเป็นประโยชน์

~ ทุกชีวิตที่เกิดมาแต่ละภพแต่ละชาติไม่แน่นอนเลย มีการเปลี่ยนแปลง บางครั้งก็เป็นกุศล บางครั้งก็เป็นช่วงเวลาของอกุศล ซึ่งไม่มีใครสามารถที่จะรู้การสะสมของกุศลและอกุศลว่า ในกาลไหนจะเป็นปัจจัยให้อกุศลเกิดมาก และในกาลไหนจะเป็นปัจจัยให้กุศลประเภทใดเกิดมาก เพราะฉะนั้น ก็ไม่ควรประมาทในการเจริญกุศล

~ ถ้าความดีเกิดขึ้น ขณะนั้น ความไม่ดีคืออกุศลก็เกิดไม่ได้ สะสมกุศลไปชั่วขณะเล็กๆ น้อยๆ ที่กุศลเกิด หนทางเดียว ไม่มีทางอื่นเลย โดยเฉพาะเมื่อมีความเข้าใจถูกต้องว่าไม่ใช่เรา ก็เพิ่มการที่จะฟังธรรมเพื่อที่จะรู้จริงๆ ว่าไม่ใช่เรา เพราะไม่มีคำอื่นที่จะทำให้เห็นว่าไม่ใช่เรา นอกจากคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น



ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๕๔



... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
กมลพร
วันที่ 10 มี.ค. 2567

การฟังพระธรรม เป็นโอกาสที่ให้กุศลธรรมเกิดขึ้น เราให้โอกาสแก่อกุศลธรรมมานานแล้ว

กราบอนุโมทนาในกุศลค่ะ อาจารย์ คำปั่น

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
swanjariya
วันที่ 10 มี.ค. 2567

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
มังกรทอง
วันที่ 10 มี.ค. 2567

กราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
jaturong
วันที่ 10 มี.ค. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
Jans
วันที่ 11 มี.ค. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Lai
วันที่ 16 มี.ค. 2567

ขอนอบน้อมแด่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ กราบอนุโมทนาค่ะ คุณคำปั่น

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
kukeart
วันที่ 17 มี.ค. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ